จับ BMW F30 ไปโหลดด้วยสูตรประจำคือ Bilstein B12 แต่พอมีคนรู้ เค้าก็ทักด้วยความหวังดีว่า “เฮ้ย Bilstein แข็งนะ ไหวเหรอ”

อ้าว แบบนี้ยิ่งต้องพิสูจน์สินะ มาม๊ะ ผลทดสอบจะเป็นอย่างไร มันจะเตี้ยลงสวยแค่ไหน

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #ิbmw #f30 #imperialblue #bilstein #B8 #B12 #eibach #lowering #tunning #โหลดเตี้ย

แล้วพอ 1 เดือนผ่านไป อาการมันจะเป็นยังไงต่อ มาชมกันได้กับคลิปภาค 2 ของ รีวิว Bilstein B12

ความเดิมจากตอนที่แล้ว คือ โช้คอัพเสีย และ ควรเปลี่ยนใหม่ทั้ง 4 ตัว

อุปกรณ์ร่วมกับโช้คอัพ ผมเบิกมารอไว้แล้วทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ยางกันฝุ่น ยางกันกระแทก และ เบ้าโช้คอัพบน

จากภาพหัวคลิปคงรู้แล้วว่าผมเลือกใช้ชุดโหลด Bilstein โดยเลือกเป็น B12 ซึ่งคือ Bilstien B8 ที่เป็นโช้คแกนสั่น เหมาะกับการใส่สปริงโหลด มาจับคู่กับสปริง Eibach ที่คุ้นเคย

ฟิตเม้นต์สวย ๆ กับการโหลดลงมาประมาณ 30 มม. กำลังสวย ถ้าวัดแบบบ้าน ๆ ที่ผมชอบทำคือ ล้อหน้า ประมาณนิ้วมือสอดได้ 1 นิ้วมือครึ่ง ล้อหลัง 2 นิ้วมือ พอดี  ถือเป็นการโหลดที่ไม่ได้ aggressive มากนัก ให้ความสวยงาม แต่ไปไหนมาไหนไม่ลำบาก และ ไม่ต้องระวังมากเวลาเอารถจอดหน้าทิ่มผ่านหมอนปูนตามลานจอดรถขนาดปกติ

ส่วนล้อเลือกใช้ Kelleners Sport ขอบ 19 นิ้ว ขนาดหน้า 8 นิ้ว หลัง 8.5 นิ้ว ซึ่งจริง ๆ สเปคของ F30 ใส่หน้า 8.5 นิ้ว หลัง 9.5 นิ้ว แต่พอดีผมอยากได้ Kelleners และ ทางร้านเหลือสเปคนี้ ซึ่งตามข้อมูลของผู้ผลิต เค้าผลิตสเปคนี้มา เพื่อรองรับรถหลายรุ่น แล้วอาศัยสเปเซอร์รองเพิ่มเอา

ถ้านับสเปคของ Kelleners ผมก็ใส่ตรงรุ่นครับ รองสเปเซอร์ Kelleners made in Germany แท้ ๆ เข้าไปด้านหน้า 10mm ด้านหลัง 15mm ลงตัว fitment สวยเป๊ะมาก แหม เยอรมัน นี่มันเป๊ะจริง ๆ

ผลการใช้งาน

อธิบายเป็นคำพูดค่อนข้างยาก เพราะคำเดียวกัน แต่ละคนให้ความรู้สึกไม่เท่ากัน แต่เอาเป็นว่า ใครที่คุ้นเคยกับการขับรถโหลด และ รู้ตัวอยู่แล้วว่ารถโหลดมันจะไม่ขับสบายเหมือนรถเดิม ๆ โรงงาน ลำพังเปลี่ยนล้อ 19 นิ้ว แต่ไม่โหลด รถก็กระด้างขึ้นอยู่แล้วเวลารูดทางรถไฟ หรือ เจอฝาท่อน้ำครับ

สิ่งแรกที่รู้สึกได้หลังจากโหลด + เปลี่ยนล้อ 19” คือ รถเฟิร์มขึ้น มั่นคงขึ้น ตั้งแต่ความเร็วต่ำ การเปลี่ยนเลนแบบฉุกเฉิน (สมมุติว่ามอร์ไซค์ตัดหน้า) ทำได้อย่างยอดเยี่ยม หักไป หักกลับ รถนิ่งมาก

วิ่งความเร็วสัก 30 – 40 กม/ชม จำลองเหตุการณ์ว่า “เกือบ” จะขับเลยซอย มองแล้วรถว่าง ตวัดรถเข้าซอยอย่างรวดเร็ว (ซึ่งจริง ๆ ควรเลยไป แล้วกลับรถเอา เพื่อความปลอดภัย) รถเข้าซอยไปแบบ “คม” มาก

วิ่งถนนลาดยางปกติ เจอฝาท่อน้ำ ไม่ได้รู้สึกว่าแข็งกระด้างใด ๆ ตัวรถยุบน้อย ขึ้นเร็ว คืนตัวแล้วอยู่เลย อาการหัวโยกจากตอนใส่โช้คเดิม ๆ หายเป็นปลิดทิ้ง

ดังนั้นใครที่บอกว่า Bilstein เหมาะกับความเร็วสูง มันไม่จริงครับ

ขึ้นทางด่วน บอกเลย Bilstein หายห่วง แทบไม่ต้องทดสอบใด ๆ

ผลก็ตามความคาดหมาย มัน “คม” มาก จะมุด จะกดแช่ จะเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง ได้ความมั่นใจ ขับแล้วไม่เหนื่อย เพราะไม่ต้องเกร็งมาก รถมันเอาอยู่

แล้วมันแข็งมั๊ย

กับวาทะกรรมว่า โช้ค Bilstein แข็ง ซึ่งสำหรับสาวก Bilstein อย่างผม บางทีฟังแล้วก็แอบเขว ๆ สร้างความกังวลมาแว๊บนึง แต่นั่งนึกว่า ไอ้เราก็ใช้มาหลายชุด ไม่เคยมีปัญหานี่นา ทั้ง B12 และ B16 ใช้มาเยอะมาก ไม่เคยรู้สึกว่ามันแข็งเลย

สำหรับผม คำว่าโช้คแข็ง คือ เจอหลุมบ่อ ทางขรุขระ แล้วรถออกอาการ “ตึงตัง” ออกแนว “สะท้าน” จากพื้นถนนเข้าห้องโดยสาร แต่ Bilstein ชุดนี้ไม่ใช่ มันสะเทือนแบบแน่น ๆ แบบสลายแรงจากพื้นเอาไปเก็บในโช้คจนเกือบหมด

ยิ่งด้วยจังหวะยุบน้อย แล้วตอนคืนตัวค่อนช้างนิ่ง ทำให้คนที่อาจไม่เข้าใจระบบช่วงล่างอาจรู้สึกว่า โช้คแข็ง จริง ๆ บอกเลยว่าไม่แข็งครับ

แบบนี้เรียกว่าแน่น คือ วิ่งทางขระขระบนถนนเส้นที่เค้าก่อสร้างรถไฟฟ้า นี่รู้เลย รถจะวิ่งไปพร้อมเสียงสะเทือนแบบ “บึก บึก บึก” ไม่มีอาการ “ตึงตัง โครม” ให้เห็น ผมถือว่าสอบผ่านมาก

หลังจากใช้งานมา ผมเจอปัญหานึงที่พิสูจน์ว่าโช้ค Bisliten B8 ไม่แข็ง ก็คือ ถนนเข้าหมู่บ้านผมจากภาพด้านบน เป็นถนนปูน ซึ่งออกแนวเป็นลอน รถเดิม ๆ ทุกคัน รวมถึง S Class ระบบถุงลม วิ่งเข้ามา หัวจะโคลงหน่อย ๆ ตามสภาพถนน และ Bilstein B12 ชุดนี้ ออกอาการ “เต้น” คือ นั่งแล้วเด้ง “ดี๋ง ๆ “

อาการนี้คือ โช้คนิ่ม สปริงแข็ง ทำให้โช้ค เอาสปริงไม่อยู่ นี่พิสูจน์ได้แล้วว่า Bilstein B8 ไม่แข็ง

แต่เพื่อคอนเฟิม ผมไม่รอช้า สั่งสปริง H&R ตัวเตี้ยน้อยมาลองทดสอบดู เพราะสปริง H&R จะแข็งน้อยกว่า Eibach ซึ่งผลที่ได้คือ อาการ “เต้น” หายเรียบ เซ็ตอัพโดยรวม ตัวรถนิ่มนวลขึ้น ขับสบายขึ้น เรียกว่าต่างกับรถเดิม ๆ นิดเดียว

แต่สิ่งที่ต้องแลกเลยคือ ความ “คม” หายไปเยอะมากในทุกความเร็ว

ผมลองขับทดสอบในแบบเดียวกับที่ชับ Bilstein B8 + Eibach ทุกท่า มันใจหายเลยครับ เพราะมันขับแล้ว “หวิว” กว่าเดิมแบบรู้สึกได้ทันทีทั้งการหักเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็ว (สุนัขตัดหน้ารถ) และ เลี้ยวเข้าซอยกะทันหัน รวมไปถึงความเร็วสูงบนทานด่วน

เพื่อน ๆ อ่านถึงตรงนี้ อาจจะฟันธงเลยว่า งั้นเอา Bilstein B8 + H&R เลยน่าจะจบ

อย่าลืมว่า ความมั่นใจในการขับ เทียบกับ Bilstein B8 + Eibach ลดลงไปประมาณ 50% ถามตัวเองง่าย ๆ ว่าเน้น performance หรือ ไม่ และ การใช้รถในชีวิตประจำวัน ท่านเจอถนนเป็นลอนบ่อยมั๊ย ถ้าไม่บ่อย ผมว่า Eibach คุ้มค่ากว่า

สรุป

BILSTEIN B12 ราคา 50,800 บาท ที่ตอบสนองดีมาก ในทุกย่านความเร็ว มันคือที่สุดศิลป์ยนตกรรมเยอรมัน ที่มาพร้อมโช้คอัพหน้าแบบ upside down ลดโหลดที่ล้อ ทำให้เราปลดปล่อยแรงม้าได้เต็มที่

แค่มันไม่ได้ตอบสนองได้ดีในทุกสภาพถนน คือ มันแพ้ถนนเป็นลอนสำหรับ BMW F30 เท่านั้น ผมลองใส่กับรถรุ่นอื่น ๆ ไม่เคยมีปัญหา

หากใครยังจำน้องวุ่นวาย BMW 730Li F02 คันสวยของผมได้ คันนั้นก็ใส่สปริง Eibach ให้ความรู้สึก นุ่ม และ เกาะถนนขึ้น ตอบสนองได้ดีในทุกสภาพถนน 

ยังไงก็ลองพิจรณาดูครับ ว่าถนนที่คุณใช้ส่วนมากเป็นแบบไหน สำหรับผม Bilstein B8 + Eibach คือ ชุดโหลดปกติ ไม่ใช้สตรัท ที่เจ๋งที่สุดสำหรับรถยุโรป

แต่ใครมีงบได้แสนกว่าบาท แนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าควรไป Bilstein B16 เพราะอันนั้นจบจริง ตอบสนอง คมในทุกย่านความเร็ว และ ทุกสภาพถนนครับ

บทความนี้ผมเล่าในแบบของผม ในวิธีการขับของผม กับถนนที่ผมใช้ชีวิตส่วนมาก คือ บ้าน ทำงาน หาลูกค้า และ ช๊อปปิ้ง

ทิ้งท้าย

ส่งท้ายด้วยความรู้รอบตัวเกี่ยวกับ Bilstein กันเสียหน่อย เห็นหลายคน หลายที่ ให้ข้อมูลผิด ๆ เลยคันปากอยากเล่า

Bilstein B4 โช้คสีดำ เค้าเรียกว่า replacement คือ เป็นโช้คเปลี่ยนสำหรับรถเดิม ๆ

Bilstein B6 คือ โช้คที่เพิ่มสมรรถนะ จาก B4 และสูงเท่า B4 เรียกว่าใส่กับสปริงเดิม ๆ ไม่โหลด

Bilstein B8 มันเหมือนกับ B6 ทุกอย่าง แค่แกนโช้คอัพมันสั้นลง ออกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกับสปริงโหลด แต่ความแข็งเท่ากัน ดังนั้นใครบอก B6 นิ่มกว่า B8 เดินหนีเลยครับ เค้ารู้ไม่จริง

Bilstein B12 คือ โช้ค B8 ที่ประกบคู่กับสปริงโหลด ซึ่งเดิมนั้นจะมาเป็นชุดพร้อมสปริงเลย แต่เกือบสิบปีก่อน ทางโรงงานปรับนโยบายใหม่ แยกขายสปริง อันเนื่องมากจาก สปริงมีวิวัฒนาการเปลี่ยนไปจากเดิม มีทั้งรุ่นเตี้ยมาก เตี้ยน้อย แข็งมาก แข็งน้อย สปริงสำหรับ 4 สูบ สปริงสำหรับ Hybrid แต่ตัวโช้คของ Bilstein เอง ใช้ B8 เบอร์เดียวเอาอยู่ ตั้งแต่นั้นเลยขายให้ร้านเข้าเอาไปประกอบชุด B12 เอาเองตามความต้องการของตลาด

Bilstein B14 เป็นชุดโหลดที่ปรับสูง-ต่ำ ได้แต่ปรับความหนึดไม่ได้ อารมณ์เหมือน B12 ที่มาพร้อมสตรัทเกลียว

Bilstein B16 มันคือสุดยอดแล้ว กับสตรัทปรับเกลียว ปรับแข็ง-อ่อนได้สูงสุด 10 ระดับ เป็นตัวจบที่ผมใช้กับรถเกือบทุกคันที่แต่งซิ่ง

Bilstein EVO เป็นชุดสตรัทใหม่ล่าสุด ที่ตอนนี้มีสำหรับ BMW และ Audi ส่วน Benz เท่าที่หาข้อมูล ยังไม่ได้ผลิต Evo เป็นตัวกระบอกแบบ Twin Tube  คือ กระบอกสองชั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และ ผลิตรุ่นใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น มีทั้งแบบปรับแข็ง-อ่อนได้ และ ไม่ได้ รวมไปถึง ชุดสำหรับโช้คอัพไฟฟา

ขอให้มีความสุขกับรถของคุณ และ หวังว่าบทความนี้จะพอทำให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ เข้าใจรถมากขึ้นครับ

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

 

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art