ป้ายยาตัวเองกับ BMW ซีรียส์ 7 รหัสตัวถัง F02 มือสอง กับสเปค ฟีเจอร์ และ จุดอ่อน เทียบ Benz S Class W221 เลยเอาข้อมูลที่ได้มาฝากเพื่อน ๆ เผื่อเป็นประโยขน์

#พี่อาร์ตเอง #benzw221 #bmwf02 #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย

จากซีรียส์ จับเบนซ์มาเล่น แล้วเล่า กับ Benz S Class W221 ต่อเนื่องด้วย BMW ซีรีย์ 7 F02 ก็มีคอมเม้นท์จากเพื่อน ๆ อยากให้รีวิวเปรียบเทียบมวงคู่นี้ให้หน่อย เพื่อประกอบการตัดสินใจจับรถสุดหรูมาที่ปัจจุบันราคาล้านต้น ๆ มาเล่นได้อย่างถูกจริตคนใช้งาน

*คำเตือน*

หากท่านเป็นกูรู และ ผู้มีความสามารถสูง คลิป/บทความ ของผมน่าจะไม่เหมาะกับท่าน เพราะ

ผมไม่ใช่ช่าง ไม่ใช่ผู้เชียวชาญ สเปคไม่เน้น เน้นประสบการณ์การใช้งาน ข้อมูลที่ได้ผ่านจากชีวิตจริง ในแบบของผม หรือ สอบถามผู้รู้มาอีกที อาจไม่ตรงใจหลายท่าน ขออภัยมา ณ. ที่นี้ 

เกริ่น

S Class เผยโฉมลงสู่ตลาดโลกได้สักพัก BMW ก็เข็น 7 Series ออกมาสู้ ดังนั้น รุ่นรถของคู่นี้ จะคร่อมปีกัน โดย BMW 7er จะออกหลัง Benz S Class 3 ปี เวลาเทียบกัน ถ้าเอา S Class ที่เพิ่งเปิดตัวมาเทียบกับ ซีรียส์ 7er มันก็จะดูดีกว่า ใหม่กว่า แต่หากเอา S Class ปีท้าย ๆ ก่อนเปลี่ยนโฉมมาเทียบ จะเจอ 7er ที่เพิ่งเปิดตัว ซีรียส์ 7 มันก็จะดูดีกว่า ซึ่งก็ไม่มีอะไร บอกไว้เฉย ๆ (บอกตัวเองด้วย)

คาแรคเตอร์ของทั้ง 2 ตัวนี้ แม้จะถูกวางตำแหน่งเป็นรถสุดหรู รุ่นท๊อปทั้งคู่ แต่ด้วยการออกแบบเบาะนั่งทุกจุด ปุ่มควบคุมต่าง ๆ รวมถึงวัสดุที่ใช้ ในมุมมองของผม Benz จะเป็น Luxury Comfort ในขณะที่ BMW จะเป็น Luxury Sport ในเรื่องของคาแรคเตอร์รถ

เรื่องความแรงนั้น ผมว่าไม่ต่าง ทั้งคู่มีตัวแรง ตัวแต่งซิ่งทั้งนั้น แต่ใครแต่งซิ่งถูกใจกว่า ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล

ราคา vs โฉม

Benz S-Class รหัส W221 อายุช่วงปี 2006 – 2013 มี 4 หน้า คือ ตัวแรกตัวเบนซิน กับดีเซล โดยจะดูที่อักษร CDI ฝากระโปรงท้ายว่าเป็นดีเซล และ ตัวเฟสลิฟ (2009) หรือ MC (Minor Change) เบนซิน กับ MC ดีเซล ก็ดูที่อักษร CDI เช่นกัน แต่จะมีบางล็อตที่ CDI กันชนหน้าเป็นไฟสปอตไลท์กลม ไม่นับหน้า AMG  หลัก ๆ ตัว MC ให้ดูที่ไฟหน้ามีเส้น LED ไฟท้ายไม่มีแถบสี

ราคาระหว่าง 8xx,xxx – 1,5xx,xxx บาท

BMW 7er รหัส F01/F02 อายุช่วงปี 2008 – 2015 มี 3 หน้า คือ ตัวแรก และ ตัว เฟสลิฟ (2013) ที่ชาว BMW จะเรียกเป็น LCI จะเครื่องเบนซิน หรือ ดีเซล กันชนไม่ต่างกัน และตัว Active Hybrid ที่กันชนต่างออกไป ไม่นับตัว M Sport สำหรับ LCI ดูง่าย ๆ คือ ไฟหน้าเปลี่ยนเป็น Full LED กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยว และ กันชนหลังมีแถบโครเมี่ยม

ราคาระหว่าง 8xx,xxx – 1,7x,xxx บาท

ตัวไหนน่าเล่น?

รุ่นแล้วแต่ชอบ แต่ถ้าสไตล์ผมนิสัยเก่าแก้ยาก คือชอบเบนซินมากกว่าดีเซล จะเล่น Benz ผมเลือก S300 ตัวถังยาวที่กำลังกำลังดี ไม่อืด ราคากลาง ๆ หารถ หาอะไหล่ง่าย จะไป S500 ก็แรร์ และ ราคาแรง แต่ยอดฮิตคือ S350 CDI ดีเซล แรงแต่เครื่องเดินเงียบ

มุมของ BMW ทุกคนรอบตัวแนะนำให้เล่นดีเซลฝาดำ เพราะเค้าว่ามันดี มันอึด ให้เลื่ยงตัวฝาขาวปีแรก ๆ แต่สำหรับผมก็ยังชอบเบนซินกับตัว 730Li ตัวถังยาวมากกว่า แม้จะไม่ดึงเท่าดีเซล แต่ไม่ต้องกลัวเติมผิด (เคยเติมผิดมาแล้ว งานใหญ่เลย)

 

ภายในของตัวรถ

ทั้งสองรุ่นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง Benz W221 แน่นอน นั่งนุ่ม สบาย “โอบรับ” เหมือนนั่งโซฟา ในขณะที่ BMW F02 เบาะจะบาง และ แข็งกว่า เวลานั่งจะให้ความรู้สึก “โอบรัด” เหมือนนั่งเก้าอี้ Gamer คุณภาพสูง

ระบบต่าง ๆ ของ BMW จะดูซับซ้อนกว่า ต้องการการอัพเดทซอฟท์แวร์กับศูนย์เป็นระยะ เพื่อให้ระบบของรถทันสมัยอยู่เสมอ การเตือนต่าง ๆ มีมากมายจนผมออกแนวรำคาญในบางครั้ง และ บางทีก็มีเหวอบ้าง เพราะเสียงเตือนเค้ามีเสียงเดียว จะเครื่องรวน หรือ ลืมปิดประตูรถ มันก็ร้องเสียงน่ากลัวนั้นออกมา….ตกใจหมด นึกว่ารถเป็นอะไร ที่แท้ลืมปิดประตู

ในขณะที่ Benz W221 ก็มีเทคโนโลยีเต็มคัน แต่เราแทบจะไม่รู้สึกเลย เพราะเหมือนมันไม่ได้มายุ่มย่ามกับชีวิตอะไรเรามากนัก ไม่เตือนส่งเดช เวลาเตือนก็จะเสียงนุ่ม ๆ ไม่เครียด ระบบจะเน้นไปที่การตรวจเช็คซ่อมบำรุงมากกว่า เอาคอมมาเสียบ อะไรเสีย ตรงไหนเสีย อะไหล่เบอร์อะไร ทดสอบระบบ คือล้ำยุคมาก

ฟีเจอร์ การออกแบบ ตรงนี้อยู่ที่คนชอบจริง ๆ ครับ แต่สำหรับคนที่ชอบทั้งคู่ ผมมีข้อคิดเห็นประกอบการตัดสินใจดังนี้

  1. BMW F02 เป็น Keyless + Push start ในขณะที่ Benz W221 เป็นออปชั่นบางคันเท่านั้น
  2. ที่วางของ ช่องเก็บของต่าง ๆ ในระยะเอื้อมมือของคนขับ BMW F02 ได้มากกว่า
  3. พวงมาลัย Benz W221 ยังมีแนวหนังสลับไม้บ้าง แต่ BMW F02 หนังล้วน ๆ
  4. ภายใน Benz W221 ใช้หนังนุ่มมาก ๆ ต้องการการดูแลที่ดีกว่า ส่วน BMW หนังแข็งกว่า
  5. พื้นที่เก็บของฝากระโปรงท้าย สำหรับคนพาลูกไปตีกอล์ฟ และ ซื้อของซูปเปอร์เยอะมาก ๆ ผม ให้ Benz W221 ชนะเพราะกว้างกว่า จุของสะดวกกว่า
  6. ของแต่ง Benz W221 หาง่ายกว่า มีหลายร้าน ในขณะที่ BMW F02 มีร้านที่ขายน้อย ร้านแต่ง BMW ส่วนมากไปเน้น พวก 3er, 4er และ 5er นี่หากันชน M มาสัปดาห์กว่าแล้วยังหาไม่เจอ (ใครมีชี้เป้าให้ที)
  7. อู่นอก ผมมองว่า Benz มีเยอะกว่า หาเก่ง ๆ ง่ายกว่า กระจายทั่วเมือง ในขณะที่อู่ BMW น้อยกว่า และ อยู่นอกเมือง หรือ กระจุกกันในบางพื้นที่ อย่างแถวลาดพร้าว กับบางนานี่เพียบเลย หากเข้ากลางเมืองมานี่เริ่มยากละ 
  8. ในทางกลับกัน ศูนย์บริการ ผมกลับรู้สึกว่าเจอศูนย์ BMW มากกว่า
  9. อะไหล่ BMW หาของ OEM ยากกว่า สายนี้เหมือนเน้นแท้หิ้ว กับ แท้เบิก ในขณะที่ Benz อะไหล่เยอะมากจนตาลาย มีทั้งแท้เบิก แท้หิ้ว OEM และ เทียม (ปลอม) ให้เลือกตามงบประมาณและความจำเป็น

โรคประจำตัว อาการเสียประจำ Benz W221 vs BMW F02

ทั้งสองรุ่นนี้ เทียบกันแล้วเครื่องยนต์ค่อนข้างทน  การบำรุงรักษาผมมองว่าไม่ใช่จุดตัดสินเท่าไหร่ เพราะไม่มีอาการจุกจิก หรือ โรคประจำตัวที่เด่น ๆ  จะมีก็การซ่อมบำรุงตามสภาพการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นพวกท่อยาง สายพาน ตัวตั้งสายพาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใช้แล้วเสื่อมสภาพ และที่ผมเจอทั้ง 2 ตัวนี้คือ คอยล์จุดระเบิดมีเสียบ้าง ซึ่งราคาค่าอะไหล่ก็หลักพัน จะไปหนักค่าแรงรื้อเสียมากกว่า

ในส่วนของ BMW F02 จะมีอาการเปลี่ยนปะเก็นฝาวาล์วด้วยทั้งเบนซิน และ ดีเซล ส่วน เขม่าใสชุด EGR, หัวฉีด, air flow ต่าง ๆ ทั้ง W221 และ F02 ก็ไม่ต่างกัน เหตุจากคุณภาพน้ำมันดีเซลบ้านเรา

BMW เครื่องจะมีจุดนึงคือ แบตฯ ลูกเล็ก / auxiliary battery ในฝากระโปรงท้ายถ้าแบตฯ หมดอายุตัวนี้ราคาหลักหมื่น เอาเรื่องเหมือนกัน

ระบบช่วงล่าง BMW มีเอกลักษณ์ตรงที่ ถ้าอะไรเริ่มเสื่อม เช่นลูกหมากปีกนกแตก แล้วเราปล่อยไป คิดว่าขับไปอีกสัก 2 เดือน ค่อยซ่อม ทีนี้ยาวครับ ชิ้นอื่น ๆ พากันเสียตามไปด้วย ดังนั้นช่วงล่างชิ้นไหนเสียรีบซ่อม มันจะไม่ลาม

อีกจุดนึงก็คือ Vanos Sensor สำหรับวาล์วแปรผันที่ต้องเปลี่ยนตามระยะ หรือ บางอู่ก็ถอดออกมาทำความสะอาดก็ได้ และถ้าเป็นดีเซล ต้องคอยดูปั๊มเชื้อเพลิง และ ปั๊มน้ำ

เเรื่องเกียร์นั้นทางด้าน Benz W221 จะมีจุดนึงที่ต้องคอยระวังคือ กล่องสมองเกียร์ ซึ่งแผงวงจรอยู่ในเกียร์ ถ้าเสียขึ้นมาก็สามหมื่นกว่าบาท ก็หมั่นดูแลน้ำมันเกียร์เพื่อยืดอายุ หลายท่านไปติดตั้ง ออยคูลเลอร์เกียร์ เพื่อช่วยระบายความร้อน เห็นในเฟสขายกัน 6,000 บาทพร้อมติดตั้ง

ด้าน BMW F02 ก็จะมีปัญหากับ วาล์วบอดี้ ที่อยู่ในเกียร์เช่นกัน เสียขึ้นมาก็สองหมื่นกว่าบาทขึ้นไป อยู่ที่เป็นชุดซ่อม หรือเปลี่ยนมือสอง 

อ้อ…ตัววัดระดับน้ำมันเครื่อง Benz หูชอบหัก เป็นทุกคัน แต่ยังดีที่อันละพันกว่าบาท

โดยรวมไม่ค่อยมีอะไรหนักใจ อะไหล่พื้นฐานไม่แพงน่ากลัว เข้าอู่ที่ใช้คอมพิวเตอร์ตรวจจับอาการเสียของรถ จะได้ไม่รื้อวุ่นวาย ส่วนที่หนักจริง ๆ คือ โช้คอัพ ซึ่งจะรถวิ่งน้อย รถวิ่งเยอะ ยังไงวันนึงก็ต้องโดน ถุงลมเป็นยาง ใช้ยี่ห้อ Continental เหมือนยางรถยนต์ ถึงอายุมันก็เสีย โดยราคาที่ต้องเตรียมใจเอาไว้กรณีเสียทั้งระบบ คือ

W221 – ถุงลม 4 ล้อ แสนนิด ๆ ปั๊ม AMK หมื่นนิด ๆ  และ ชุดวาล์วควบคุมหลักพัน รวมประมาณ 120,000 บาท

F02 – หน้าโช้คสปริงไฟฟ้า หลังถุงลมไฟฟ้า เฉพาะโช้คแสนสองกว่า ปั๊มเกือบสองหมื่น และ ชุดวาล์วห้าพัน รวมประมาณ 200,000 บาท

ราคานี้ เช็คราคากับวรจัร และ หลังวัดโสมล่าสุด มิถุนายน 2564 ซึ่งเป็นราคายกชุด ของแท้ หรือ OEM แบรนด์เยอรมันที่ทำให้ของแท้นะครับ จะมีพวกของจีน ของไต้หวัน แม้กระทั้งของไทยที่ปัจจุบันราคาโช้คถุงลมเริ่มต้น หมื่นกว่าบาท ก็แล้วแต่จะพิจรณา

และราคานี้เป็นราคาทั้งชุด จริง ๆ เวลาเสียก็เปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสียครับ หากใครเปลี่ยนโช้คอัพแนะนำเปลี่ยนยกคู่

จะเห็นได้ว่า แม้ BMW จะมีถุงลมแค่ด้านหลัง แต่ราคาแพงมาก เนื่องจากในตลาดส่วนมากเป็นของแท้ ของเทียบ หรือ OEM น้อยมาก และส่วนมากไม่นิยม ในขณะที่ Benz เป็นราคาของ Bilstein ที่พัฒนา และผลิตให้กับของแท้ Benz ราคาจึงถูกกว่ามาก

เบื้องต้นประมาณนี้กับรายการที่ส่วนมาก “ต้องโดน” ทุกคน รายการซ่อมอื่น ๆ ก็มีแล้วแต่คันตามประสารถมือสองครับ ยังไงถ้าจะเล่นรถมือสอง หากสนใจ W221 คลิ๊กลิ้งค์ซีรียส์ “จับเบนซ์มาเล่น” ด้านล่างนี้ได้เลย

ส่วน BMW F02 รอดูกันต่อไป ส่วนใครมีประสบการณ์ เป็นอู่ หรือ มีคำแนะนำใด ๆ ที่ “เป็นประโยชน์” รบกวนแจ้งได้ที่หน้าเพจเหมือนเคยครับ หรือไม่สะดวกเปิดเผย ก็ IB ใครเป็นอู่ เป็นร้านอะไหล่ อยากให้ผมไปลองของ ก็แจ้ง IB ในเพจได้เช่นเดียวกัน

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

 

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art