เราสามารถโค้ดปิดระบบอากาศไหลเวียนของ Benz ที่ชอบเด้ง แล้วกลิ่นเข้ารถ รวมไปถึงปิดระบบ Adblue ลดค่าใช้จ่าย ยังไม่นับจูนคันเร่ง เพิ่มโหมด Agility Mode ให้รถขับสนุกขึ้น

ทำอะไรได้อีกบ้าง ราคาเท่าไหร่ มาดู

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #Benz #w212 #coding #egr #dpf #adblue #ปิดระบบ #กลิ่นเข้ารถ

จากที่เคยลงบทความ BMW Coding ปลดล็อคฟังค์ชั่น ลบโค้ดด้วยตัวเองในงบ 4 พันบาท ก็มีเพื่อน ๆ ถามถึงการ Coding รถเบนซ์บ้าง 

จนวันนี้ยังหาวิธีง่าย ๆ DIY แบบ BMW ไม่ได้ แม้ในตลาดจะมี OBD อย่าง Carly’s ซึ่งผมก็ซื้อมาลองใช้แล้ว แต่ผมว่ายังไม่ตอบโจทย์ 

สุดท้ายไปเจอคุณบนซ์ที่รับ coding รถเบนซ์ เลยเรียกมาลองแล้วมาเล่าให้ฟังครับ

การ Coding รถเบนซ์ ทำได้เยอะมาก ขอแบ่งเป็นหมวดหมู่ ให้ดูเข้าใจง่าย พร้อมราคา

รายการ Mercedes Benz ที่สามารถทำได้ ดังนี้

ส่วนของ เครื่องยนต์

  1. ปลดล็อค VMAX ให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น 3,500 บาท
  2. ปิด EGR สำหรับเครื่องดีเซล ราคา 7,500 บาท
  3. ปิด DPF สำหรับเครื่องดีเซล ราคา 7,500 บาท
  4. แพคเกจปิด EGR + DPF รวม 10,900 บาท
  5. ปิดระบบ Adblue ราคา 9,500 บาท
  6. จูนกราฟคันเร่งไฟฟ้าให้ตอบสนองดีขึ้น และเร็วขึ้น 3,500 บาท 
  7. ปิดระบบ Eco Start/Stop ราคา 1,500 บาท

ส่วนของ เกียร์

  1. จูนเกียร์ ปรับอัตราเกียร์ให้ตอบสนองดีขึ้น 4,000 บาท
  2. เพิ่มโหมดขับขี่ Agility Mode และ M Mode จากเดิมมี 2 โหมดคือ C และ S เป็น C, S, A และ M ราคา 3,500 บาท
  3. Reset Adaptation เกียร์ แก้ปัญหาเกียร์กระชาก เกียร์กระตุก 1,500 บาท

ส่วนของ เรือนไมล์

  1. ปลดล็อค AMG Menu แสดงอุณหภูมิเครื่องยนต์แบบ real time 3,500 บาท
  2. เปลี่ยนหน้า Remaining Fuel จากการแสดงระยะทางที่วิ่งได้ เป็นปริมาณน้ำมันในถัง 1,200 บาท
  3. เปลี่ยนหน้าอัตราการกินน้ำมันจาก ลิตร/100 กม. เป็น กม./ลิตร 1,200 บาท

ส่วนของ วิทยู HU interface

  1. เปิดโหมดฟังเพลงผ่าน Bluetooth สำหรับรุ่นที่ใช้ได้แค่โทรศัพท์ 1,200 บาท
  2. อัพเวอร์ชั่นล่าสุด จากเมนู ดำ/เหลือง เป็น ดำ/เงิน 2,500 บาท
  3. ย้ายโซนแผนที่มาเป็นประเทศไทย พร้อมตั้งค่า GPS ให้ถูกต้อง 3,900 บาท 

ส่วนของ ระบบแอร์

  1. ปิดระบบอากาศหมุนวนที่ต้องคอยปิดทุก 30 นาที แก้กลิ่นเข้าในรถ 700 บาท
  2. เพิ่มโหมดแอร์จาก 4 โหมด เป็น 7 โหมด 200 บาท
  3. เปิดโหมดทะเลทราย อากาศภายนอกยังเข้ารถได้ 30% สำหรับคนที่กังวลว่ามีลูกนอนในรถ 300 บาท

อื่น ๆ 

  1. ปิดเสียงแจ้งเตือนเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า 1,000 บาท
  2. ปิดเสียงแจ้งเตือนเข็มขัดนิรภัยคู่หลัง  1,000 บาท

เท่าที่นนั่งคุยกับคุณเบนซ์ ผมว่าเค้ารู้จริง และ ชัดเจนในการตอบข้อสงสัยตรง ๆ ไม่หมกเม็ด อย่างกรณี Adblue ผมเคยได้ยินหลายอู่บอกว่าทำแล้วไม่จบ และอาจเกิดปัญหาตามมา เช่น จอดอยู่เฉย ๆ ไฟไหม้รถ

คุณเบนซ์ก็ยอมรับว่าเคยเช็คกับศูนย์เบนซ์ที่เยอรมัน เค้าบอกมีโอกาสเกิดได้ 20 – 30% 

ส่วนวิธีการปิด Adblue รถต้องสมบูรณ์ก่อน ส่วนไหนของระบบ Adblue เสียต้องซ่อม หรือ เช่าอุปกรณ์ที่ไม่เสียมาติดตั้ง จึงจะ Coding ได้ และ ต้องถอดกล่องออกมาแก้ไข จากนั้นจึงจะถอดอุปกรณ์ Adblue ในรถออกได้ โดยยังสามารถคาหัวฉีด และ ถัง Adblue เอาไว้ที่ตัวรถ

จุดต่อมาคือปิด EGR และ DPF ซึ่งเคยมีกรณีรถใช้ไป ปีกว่า ๆ ถึงสองปี แล้วระบบมีการเตือน Fault ที่เกียวข้องกับระบบที่ปิดไป แต่ไม่เกิดปัญหากับการใช้งาน

สำหรับพี่อาร์ต EGR และ DPF แม้ปิดแล้วรถจะแรงขึ้น แต่ไม่แนะนำ เพราะมันเป็นระบบที่ลดมลพิษในอากาศที่พวกเราทุกคนหายใจเข้าไป คาเอาไว้เถอะครับ

ส่วนวันนี้ผมเลือกลองทำ 3 อย่าง คือ

  1. ปิดอากาศภายนอก 700 บาท
  2. ปิด Eco Start/Stop 1,500 บาท
  3. เพิ่มโหมดการขับขี่ Agility Mode 3,500 บาท

รวมทั้งสิ้น 5,700 บาท

ระบบอากาศไหลเวียนที่ระบบ Benz ตั้งค่ามาให้เด้งออกทุก ๆ 30 นาทีเพื่อให้อากาศในรถถ่ายเท

ตรงนี้พอใช้งานในเมืองไทย เราจะได้อากาศที่มีกลิ่นควันท่อไอเสีย และ กลิ่นเหม็นอื่น ๆ ตามมาด้วย พอ Coding ปิดระบบ เราสามารถควบคุมได้แบบ manual คือ กดเปิด ก็เปิดยาว ๆ กดปิด ก็ปิดยาว ๆ ไป ไม่ต้องมาคอยกดซ้ำ ไม่ต้องละสายตาจากถนน คุ้มค่ากับเงิน 700 บาทสุด ๆ 

ในส่วน Eco Start-Stop อันนี้ 1,500 บาท สำหรับคนขี้รำคาญก็โอเคครับ แต่คนปกติที่ชินกับการสตาร์ทรถแล้วเอื้อมมือไปกดปุ่ม Eco โดยไม่รู้สึกลำบาก ก็ไม่จำเป็นครับ

สำหรับผม 1,500 ตัดความรำคาญ ผมแฮปปี้

ในส่วนของ Agility Mode ที่เพิ่มขึ้นมา ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า รถเบนซ์ส่วนมากมาพร้อมกับโหมดการขับขี่เพียง 2 โหมด คือ E = Eco และ S = Sport

หลังจากเพิ่มระบบการขับขึ่ เราจะได้มาทั้งหมด 4 โหมด

  • E = Eco
  • S = Sport
  • A =  Agility
  • M = Manual

การขับในโหมด A นั้น อารมณ์อยู่ตรงกลางระหว่าง E และ S คือ จะไม่เปลี่ยนเกียร์เร็วประมาณ 3 พันรอบเหมือน E และไม่ลากยาว ๆ ไป 5 – 6 พันรอบ เหมือน S

แต่จะเปลี่ยนเกียร์ในช่วง 4 -5 พันรอบ ตามลักษณะการกดคันเร่งของเรา อีกทั้งจังหวะยกคันเร่ง รอบไม่ตก เกียร์ไม่เปลี่ยน ทำให้รอบเครื่องรอเราอยู่ พอกดคันเร่งซ้ำ รถพุ่งทะยานไปทันทีไม่เสียจังหวะ

Agility Mode เหมาะสำหรับคนรำคาญ Eco Mode ที่นวยนาด สายชิลด์ไม่รีบ แต่ก็ไม่ชอบความกระโชคโฮกฮาก ของ Sport Mode (ผมก็ไม่ชอบ Sport Mode) ดังนั้น Agility Mode ตอบโจทย์การใช้งานในแบบของผม เน้นใช้ในเมือง เน้นเร่งแซงทำเวลา 

ซึ่งหลังจากเปิดโหมดการขับขี่แล้ว การทำงานในโหมด Eco กลับตอบสนองดีขึ้น กระฉับกระเฉงมากขึ้น ขับสนุกขึ้น ไม่เป็นรถคุณป้าเหมือนปกติ

คุณเบนซ์แจ้งว่า ระบบที่ทำไป ไม่ใช่เพียงเพิ่มโหมด แต่เป็นการอัพเกรดทั้งระบบ ทำให้ทุกโหมดขับดีขึ้นหมดเลย เออ…มันดีอย่างนี้นี่เอง

หลังจากทดสอบเพื่อทำรีวิวเสร็จ กลายเป็นว่าผมขับแต่ Eco เพราะขับสนุกขึ้น แรงขึ้น เร่งทันใจขึ้น ในขณะที่ไม่เสียคาแรคเตอร์ชิลด์ ๆ  จังหวะรีบค่อยกดโหมด A ให้รถพุ่งทะยานไปข้างหน้า

โอย….คุ้มค่าทุกบาท ทุกสตางค์จริง ๆ

สนใจติต่อคุณเบนซ์ ตามรายละเอียดด้านล่าง

โทร. 090-991-7999

LINE ID: benx.t

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art