ลากยาวมาถึงตอนที่ 5 และ เป็นตอนจบของ xenon_art ตะลุยเมกาแล้วจร้า
จริง ๆ ตั้งใจว่าจะให้การเที่ยว นิวยอร์ค จบในตอนเดี่ยวเพื่อให้เพื่อน ๆ ง่ายในการเก็บข้อมูลไปเที่ยวด้วยตัวเอง แต่รูปเยอะไปหน่อย หากจะเขียนให้จบในบทความเดียวท่าจะเหนื่อยทั้งคนอ่าน และ คนเขียน
สำหรับตอนจบนี้ผมก็ยังคงอยู่ที่นิวยอร์ค อันเป็นจุดหมายสุดท้ายของทริปอเมริกาปีนี้ ด้วยสายการบิน Emirates สุดเทพ แต่จะเทพยังไงตอนท้ายได้รู้
ใครยังไม่ได้อ่านตอนเดิม หรือ ตกหล่นไป สามารถตามอ่านย้อนหลังได้ที่
xenon_art ตะลุยอเมริกา ตอนที่ 1 ทำใบขับขี่สากล + เช่ารถ
xenon_art ตะลุยอเมกา ตอนที่ 2 ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง USA แบบใหม่ง่ายกว่าเดิม
xenon_art ตะลุยอเมริกา ตอนที่ 3 เที่ยวออแลนโด ช็อป Outlet ราคาถูก
xenon_art ตะลุยอเมริกา ตอนที่ 4 ไปนิวยอร์ดคนเดียวไม่มีเหงา – TimeSquare, Grand Central Station
หลังจากลุยเที่ยว Time Square และ Grand Central Station พร้อมซื้อของเล่นให้ลูกมากมาย ก็กลับ W Hotel โรงแรมเหมือนจะหรูแต่ห้องเล็กนิดเดียวเพื่อพักผ่อนเอาแรง
นอนตื่นเช้าก็เดินวนเวียนรอบ ๆ โรงแรมมองหาอาหารเช้าแบบง่าย ๆ ตามวิธีคนแถวนี้ เดินมาเจอร้านนี้เพียง 2 บล็อคจากโรงแรมเท่านั้น
ปล. ที่นิวยอร์ค เค้านับระยะทางกันเป็น บล็อค (blog) เพราะผังเมืองเค้าเป็นตาราง เหลี่ยม ๆ เท่ากันอารมณ์เหมือนตารางหมากฮอส
มองดูอาหารตัวอย่างที่กระจกหน้าร้านดูน่าทานทีเดียวแต่ไม่มีราคาแปะไว้ให้ดู
แนะนำว่าเวลาไปเที่ยวไหนก็ตาม สิ่งที่ห้ามทำที่สุดเลยคือ “อาย”….ห้ามอายเด็ดขาด มีอะไรก็ถาม ไม่รู้อะไรก็ถามครับ ไม่ต้องกลัวปล่อยไก่ หรือ กลัวเค้ามองว่าโง่หรอก เพราะเราไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้จักเราหรอกครับ วัน สอง วันเราก็กลับแล้ว กว่าจะไปอีกทีมันคงจำเราไม่ได้แล้ว
ไม่เห็นราคาก็เดินเข้าไปถามเค้าได้เลย เค้าไม่ว่าหรอก คนเมกาเค้าชอบคนเปิดเผย พูดตรง ๆ ถามกันตรง ๆ ไม่เอาก็บอก Thank you แล้วเดินออก เป็นเรื่องปกติของคนที่นี่
บรรยากาศง่าย ๆ ภายในร้าน
และนี่คือมื้อเช้าของผมในวันนี้ เติมพลังเตรียมเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน โดยวันนี้แผนการไม่มีอะไรมาก เดินชมเมืองแบบไม่ต้องวางแผนเท่าไหร่นักเนื่องจากสถานที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ ส่วนมากอยู่ไม่ไกลกัน โดยมีโรงแรมที่ผมเข้าพักเป็นจุดศูนย์กลาง
หากใครจะมาเที่ยว นิวยอร์ค แนะนำให้เลือกโรงแรมที่อยู่ช่วงประมาณถนน 48th – 52th กำลังสวย ไม่ว่าจะตั้งบน Madison Ave, 5th avanue, Park avenue ก็ได้ เดินทางสะดวกทั้งนั้น เพราะเท่าที่ผมเช็ค ๆ มาแล้ว ราคาโรงแรมจะพอ ๆ กันหมด โดยผมจองผ่าน Priceline.com เช่นเคย เลือกจอง 1 วันล่วงหน้า จะได้ห้องราคาพิเศษสุด ๆ เพราะถือเป็นห้องเหลือขายไม่ออก
เก็บภาพเป็นที่ระลึก….อีกแล้ว โดยภาพนี้เก็บตกจากเมื่อวานเพราะเป็น Herald square หน้าตาคล้าย ๆ Time Square ที่เมื่อวานผมเดินเลยมา และ คิดไปเองว่า “เอ้อ ถึงไทม์สแควร์แระ แต่เอ๊ะ ทำไมไม่มีป้ายไฟ”
พอหันไปดูป้ายบนถนนก็ถึงบางอ้อว่า ที่นี่มันคือ Herald Square นั่นเอง เดินเลยมาเยอะเลย แต่ก็ถือว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรแวะมา
อ่า….โม้ย้อนหลังไปพอสมควร เรามาปฏิบัติหน้าที่ “ช็อปปิ้ง” ที่ได้รับมอบหมายมาดีกว่า นั่นคือไปซื้อของเด็กอ่อนให้ลูกสาว โดยเป้าหมายง่าย ๆ คือ Babies R Us ซึ่งมันก็เครือเดียวกับ Toy R Us นั่นแหละ แต่เป็นร้านพิเศษเฉพาะเด็กอ่อนเท่านั้นมีขายทุกอย่างตั้งแต่ผ้าอ้อม ผ้าปูเตียง ยาเด็ก รวมไปถึงของเล่นเด็กเล็ก
จากแผนที่ ระยะทางจากโรงแรมไปถึง Babies R Us ไกลพอสมควรเพราะอยู่ถึง Union Square ผมจึงมีทางเลือก 2 ทาง คือ รถไฟใต้ดินที่สะดวก และ สถานีอยู่ใกล้โรงแรมห่างไปเพียงบล็อคเดียวเท่านั้น หรือ แท๊กซี่ แพงกว่าแต่สะดวกสุด ๆ
ผมเลือกแท๊กซี่ครับ ยอมจ่ายเงินหน่อย เก็บแรงเอาไว้เดินเที่ยวดีกว่า
มาถึงแล้ว Union Square Park โดนค่ารถไปประมาณ 25 เหรียญมั๊ง จำไม่ได้แล้ว จำได้เพียงแต่ค่ารถไม่ถึงพัน
พอลงรถก็เจอนุสาวรีย์หน้าสวน บรรยากาศยามเช้าสบาย ๆ เงียบสงบดีจริง ๆ ยืนสูดอากาศซะหน่อยแล้วออกสำรวจรอบ ๆ เล็กน้อย
ยังไม่ลืมเก็บภาพเป็นที่ระลึก งานนี้ใช้งานกล้องหน้าไอโฟนหนักที่สุดตั้งแต่ซื้อมันมาเลย
สังเกตุดูว่ายิ่งอยู่เมกานานเท่าไหร่ หน้ายิ่งกลมเท่านั้น นี่ไม่ได้อ้วนขึ้นนะ เค้าเรียกว่า “บวมน้ำ” เพราะขึ้นเครื่องบินบ่อย 555
รอบ ๆ ก็จะมีจิตกรนำผลงานมาแสดง และ จำหน่ายกัน เลยไปหน่อยจะมีตำรวจ NYPD ยืนเข้าแถมรับคำสั่งตอนเช้า (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา) บรรยากาศสบาย ๆ ไม่เครียดดีครับ
ด้านข้างของสวน ระหว่างทางที่จะเดินไป Babies R Us เห็นกระรอกมากมายวิ่งไปวิ่งมา ไม่กลัวคนเลย
อ้อ….อย่าเพิงงงนะครับว่านั่งแท๊กซี่มาทำไมไม่ลงหน้าห้าง กลับต้องเดินผ่านสวน
เนื่องจากมันอยู่คนละฝั่งกัน ผมไม่ได้ให้เค้ากลับรถมาส่งหน้าห้าง แต่เห็นว่ามีสวนเลยถือโอกาศลงหน้าสวน แล้วเดินต่ออีกประมาณ 100 เมตรเอง
นี่ไง Babies R Us ฝั่งตรงข้ามด้านข้างของสวน ถ้าหันหน้าหาอนุสาวรีย์หน้าสวน Union Square เบบี้ อาร์ อัส จะอยู่ฝั่งขวามือครับ
ใครกำลังเล็กของเด็กเล็กอยู่ สามารถเช็คราคาได้ที่ http://www.toysrus.com/shop/index.jsp?categoryId=2255957
หรือ ดูจากบทความของผม มาดูราคาของเด็กอ่อนที่ Babie R Us อเมริกา
ใครมองหาเป้อุ้มอยู่ ที่นี่เพียบครับ มีหลายแบบมาก ๆ แต่เป็นแบรนด์ทางฝั่งยุโรป และ อเมริกา สีสรรไม่ค่อยหน้ารักเหมือนของญี่ปุ่น อย่าง Combi
ส่วนรถเข็นก็เป็นพวก Graco ที่เซ็นทรัลบ้านเราขายคันเกือบสองหมื่น ที่นี่คันละ 5 – 7 พันบาทเอง ถ้าเป็น Combi ก็เป็น Combi USA ไม่เหมือนกับที่ขายบ้านเรา
ถ้าพ่อแม่ที่กำลังวางแผนมาเที่ยว สามารถวางแผนมาซื้อแล้วแกะใช้เลยก็ได้นะ สะดวกดี
3 ชั่วโมงที่อยู่ใน Babies R Us ก็ได้ของมาเต็มรถแท๊กซี่กลับโรงแรมนี่แหละครับ ที่นิวยอร์คหาแท๊กซี่ไม่ยาก ตรงไหนก็มี เรียกตรงไหนก็ได้พี่แกจอดหมดไม่ต้องห่วง บางทีรถคันหลังเค้าเห็นเป็นนักท่องเที่ยว (หัวดำ เอเชีย ซะขนาดนี้) เค้าก็ไม่ค่อยบีบแตรไล่เท่าไหร่นัก ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ขึ้น ค่อย ๆ ลง เดี๋ยวลืมของบนแท็กซี่แล้วจะยุ่ง
บรรดาของที่ ถอย มาให้ลูกสาวคนเล็ก ล่อผ้าอ้อมมาลังนึง 246 แผ่นเลยครับ งานนี้แพ๊คกระเป๋าสนุกแน่
จากที่ลองใช้ผ้าอ้อมมา ผมชอบ Huggies ของเมกามาก ๆ เพราะบาง เบา อุ้มน้ำได้เยอะแถมแห้งสุด ๆ ฉี่ปุ๊ปแห้งทันทีไม่ค่อยชื้นจนลูกรำคาญ
แต่ถ้าไม่มีจริง ๆ ในไทยก็ใช้ MomyPoko เหมือนปกติ
ท้องเริ่มร้องแล้ว ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี งานนี้ต้องลองอะไรบ้าน ๆ เพื่อสัมผัสวิถี New Yorker ซะหน่อย แน่นอนว่ามันต้องฮ๊อตดอกข้างถนน
Street Food สเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเมืองใหญ่ที่มักจะพบเห็นรถเข็นขายของกินต่าง ๆ เรียงราย ไม่เพียงเฉพาะกรุงเทพที่ขึ้นขื่อเรื่อง Street Food จนฝรั่งเค้ามาทำสารคดีท่องเที่ยวเจาะลึกอาหารรถเข็นบ้านเราไปหลายรายการแล้ว ผมไปเมืองใหญ่ ๆ ที่ไหนก็มีเช่นกันไม่ว่า โตเกียว, ฮ่องกง, ปักกิ่ง, โรม, แฟรงค์เฟิร์ต รวมถึงมหานคร นิวยอร์ค อีกด้วย
ความแตกต่างที่พบเห็นของ Street Food ในแต่ละประเทศนอกจากวัฒนธรรมการกินแล้ว การควบคุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็แตกต่างกัน อย่างที่ New York นี้ ไม่ใช่ใครคิดจะเปิดรถเข็นก็มาเปิดได้ ต้องจดทะเบียน ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างสมำเสมอ รวมถึงกฏระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษามาตรฐานของเมืองไว้
นอกจากบรรดา Street Food ที่ตั้งอยู่บนทางเท้า และ มักอยู่ใกล้ ๆ มุมตึกออฟฟิสใหญ่ ๆ แล้ว ถนนบางช่วงก็กันพื้นที่ทางเท้าไว้ มีร้านค้าข้างทางมาตั้งมามาย ขายของหลายอย่างเหมือนตลาดนัดวันศุกร์เลย ซึ่งถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น Park Avenue มั๊ง?
มีทั้งขนมอบต่าง ๆ และ ไวน์
ต้นไม้ก็มีขายกะเค้าเหมือนกันนะ
ผลไม้สดใหม่น่าทาน…..เสียดายไม่ชอบทานผลไม้
นำเสนอชีวิตข้างทางมาเยอะแล้ว ถึงเวลาหม่ำของผมเสียที กับมื้อเที่ยงง่าย ๆ ของผม เอาร้านนี้แหละ ใกล้โรงแรม และ มีที่นั่งอยู่แถวนั้นด้วย แถมอยู่หน้า Starbuck อีกต่างหาก กินเสร็จ ต่อกาแฟได้เลย
รถเข็นที่นี่ส่วนมากเป็นชาวตะวันออกกลาง ดังนั้นจะมีอาหาร ฮาลาล อย่างไก่เสียบไม้ปิ้งที่เห็น
ได้ลิ้มรส ฮ๊อตดอก ข้างถนน นิวยอร์ค สมใจแล้วครับ รสชาติก็อร่อยดี แต่ด้วยบรรยากาศและอารมณ์คนมาเที่ยว ทำให้มื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ
เอาหล่ะ ของเล่นลูกชายคนโตซื้อเรียบร้อย ของเด็ออ่อนลูกสาวคนใหม่ก็เรียบร้อย เดินชมเมืองดีก่วา
แถว ๆ โรงแรม W Hotel ก็จะมีอาคารสำนักงานเก่าของ GE (General Electric) หนึ่งในบรรดาบริษัทยักษใหญ่ของอเมริกา ซึ่งเดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบแต่ไม่ได้สนใจ จนมาเปิดแอพ Trip Adviser แล้วเห็นว่ามันเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว ??? งง เหมือนกันแต่ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย
จากโรงแรม W Hotel ที่ผมพัก ไปถึง Time Square นั้น ตรงกลางทางจะเป็น National Library หรือ หอสมุดแห่งชาติอันโด่งดัง ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันใจกลางเมืองอันวุ่นวายไปด้วยตึกระฟ้า ทำให้หอสมุดนี้โดดเด่น และ ให้ความรู้สึกที่ “สงบ” มาก
ด้านข้างทางขึ้นมีรูปปั้นประดับอยู่ตามสไตล์โรมันอย่างสวยงาม แต่หากคุณเคยไปเที่ยวอิตาลีมาก่อน จะบอกว่ามันธรรมดามากหากเทียบกับ “ของจริง” ในกรุงโรม
แต่อย่างที่บอกครับ เมื่อมันตั้งอยู่ท่ามกลางตีกระฟ้า มันดูเด่น และ สวยเป็นพิเศษ
ภายในโอ่โถง สวยงาม เป็นหินอ่อนทั้งพื้น กำแพง และ เพดาน แถมด้วยเพดานประดับบายวิจิตรมาก
เพดานบางส่วนเป็ฯภาพวาดจิตรกรรมแบบโรมัน งานไม้แกะสลักประดับเป็นกรอบละเอียดละออมาก
แอบถ่ายหนังสือ World Book ที่เรียงกันสวยงามบนชั้นหนังสือภายในห้องสมุด ที่สันปกเมื่อเอามาเรียงกันแล้วจะกลายเป็นรูปภาพดังที่เห็น
โถงด้านในห้องสมุดที่ “เงียบ” มากกกก ห้ามใช้เสียงรบกวน แน่หล่ะมันห้องสมุดนี่นา ผมเลยปิดเสียงไอโฟนซะ เวลาถ่ายรูปจะได้ไม่ดัง แชะ แชะ รบกวนคนอื่น เราเป็นคนไทยถูกสอนเรื่องมารยาทมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเวลาไปไหนมาไหนหากเรายังคงรักษามารยาทอันดีของไทยไว้ ฝรั่งมีแต่ชื่นชม ไม่เพียงเฉพาะการปิดเสียงมือถือในห้องสมุดเท่านั้น
เคาเตอร์คืน – ยืม หนังสือสุดคลาสสิค
แอบเก็บภาพโซนที่นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดแห่งชาติ มหานครนิวยอร์ค ปิดท้ายการเข้ามาเยื่อนซะหน่อย
ผมนั่นอยู่ในนี้นานพอสมควร เพราะเมื่อยขาด้วยส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่นั่งเงียบ ๆ เก็บบรรยากาศสบาย ๆ นั่งมองสถาปัตยกรรมงาม ๆ จนอิ่มอกอิ่มใจเลยครับ
พอเดินออกมาจาก National Library ก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริงอันวุ่นวายกันต่อ
เดินผ่าน Barnes & Noble ร้านหนังสือเจ้าดังของอเมริกา ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย
ตึก Empire State อันโด่งดังที่อยู่ถัดจาก National Library ไม่ไกล
เพื่อให้เห็นภาพ ลำดับการเดินในนิวยอร์ค ของผมเป็นดังนี้ W Hotel->Grand Central Station->National Library->Empire State->Time Square->Herald Square->Union Square
ซึ่งจะเห็นว่าแต่ละแห่งไม่ไกลกันเลย เดินไปแวะชมวิวไป ถ่ายรูปไป
พอถึงย่าน Empire State Building ก็จะพบกับบรรดาเซลขาย City Tour และ ขายบัตรขึ้นไปชมวิวของตึก Empire State อันโด่งดัง….ใครเกิดทัน Sleepless in Seattle บ้าง
ผมก็เดินเพลิน ๆ มาถึงมุมนี้ ก็ไม่รู้ตัวนะว่าถึง Empire State แล้ว แต่สังเกตุเห็นคนขายตั๋ว และ ไกด์เพียบ เลยแหงนหน้ามอง อ้อ….ถึงแล้วนี่หว่า
จัดการถ่ายรูปแล้วเดินต่อ อ้าว…….ไม่ขึ้นเหรอ?
ไม่ขึ้นครับ เก็บไว้ขึ้นครั้งแรกกับคนในครอบครัวดีกว่าขึ้นไปคนเดียวนะ เพราะมันสวย และ เป็นความทรงจำที่ดีมาก ๆ ควรเก็บเอาไว้โอกาสหน้า
Victoria’s Secret แบรนด์ที่สาว ๆ ทุกคนรู้จักดี เพราะเป็นชุดชั้นในระดับพรีเมี่ยม
ผมก็ได้เข้าไปเดินวน ๆ 1 รอบเพราะเพื่อนฝากซื้อน้ำหอม
Build A Bear ก็มีร้านน่ารัก ๆ ให้เห็น โดยเป็นการให้เราออกแบบสร้างสรรตุ๊กตาหมีของตัวเอง จากนั้นค่อยยัดนุ่นด้านใน และ เลือกซื้อเสื้อผ้าได้ตามใจชอบ ไม่ต้องห่วงครับ เข้าไปมีได้เสียเงินเยอะเลย
ยี่ห้อนี้ที่บ้านเราก็มีอยู่ที่ เซ็นทรับ และ Zen แผนกของเล่นนะครับ ผมเองไม่ได้เช็คราคา เพราะถือว่าสินค้าประมาณนี้มันขายอารมณ์มากกว่าจะให้เราวางแผนว่าซื้อที่ไหนถูกกว่ากัน
เดินเที่ยวไปหลายที่หนำใจแล้ว ตอนนี้ได้เวลาทำตัวไฮโซ มาเดินแถว Fifth Avenue กันบ้าง แถวนี้มีบรรดาร้านหรู ร้านดังตั้งประจันกันมากมาย และ ที่ติดหูกันมากหน่อยก็จะเป็นห้างดังอย่าง Saks Fifth Avenue
บริการรถซาเล้งแบบนี้มีให้เห็นทั่วทั้งเมืองครับ ไม่รู้เอาแบบรถถีบมาจากพี่จีนหรือเปล่า ดูแล้วคลับคล้ายคลับคาเหมือนที่ เซี่ยงไฮ้ 555
Godiva Chocolate มีหนุ่มหน้าตาคล้ายดาราตลกผิวสีมายืนทำ สตอเบอรี่ชุบช็อคโกแล็ตอยู่ริมหน้าต่าง เรียกน้ำลายกันดีแท้
สตอเบอรี่ลูกหย่ายยยยมากกกกกก
ฟิฟท์อเวนิว เป็นย่านดังของมหานครนิวยอร์ค และ หลาย ๆ คนคิดว่ามันคงมีย่านชื่อ 5th avenue แต่ไม่ได้ง่ายแบบนั้นครับ
5th ave. เป็นชื่อถนน เหมือนสีลมบ้านเรา ส่วนที่มีร้านดัง ๆ กระจุกตัวอยู่ จะอยู่ช่วงประมาณถนน 49th – 54th โดยประมาณ ดังจะเห็นได้จากภาพด้านบน และ ด้านล่าง
มุมที่ถ่ายนี้ไม่แน่ใจแต่ประมาณ 5th ave ตัดกับ 50th street มั๊งครับ ซึ่งตรงช่วงนี้เดินเข้าไปข้าง ๆ ร้าน Colehan ก็จะเจอกับตึก Rockefeller ซึ่งเป็นที่ตั้ง NBC สถานีโทรทัศน์ชื่อดัง
ช่วงทางเดินไปตึก Rockefeller ก็จะเรียงรายด้วยร้านค้า 2 ฟาง ตรงกลางเป็นน้ำพุเล็ก ๆ พร้อมที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ
เจอร้าน Lego ก็จัดแจงเข้าไปเช็คราคา พร้อมถอย Lego Starwars มาให้ลูกชายเก็บเข้าคอลเลคชั่น
ของเพียบครับ เพราะเป็นร้านของเค้าเอง ราคาถูกกว่า Toy R Us ประมาณ 15 – 20% กันเลยทีเดียว
เดินออกมาหน่อยก็จะเจอตึกดังที่เราสามารถเสียเงินขึ้นไปชมความงามของตึกระฟ้ามหานครแห่งนี้ได้
และ Top of the Rock ก็เป็นหนึ่งในจุดชมวิวยอดฮิตของ นิวยอร์ค แห่งนี้
ด้านหน้าตึกเป็นน้ำตกที่ช่วงฤดูสบาย ๆ แบบนี้จะเปิดเป็นร้านอาหารนั่งกินลมอาบแดดกันสบายใจเฉิบเลย
เหนื่อยแล้วครับ ตกค่ำเลยอยากหาอะไรดี ๆ ให้กับตัวเองสักมื้อ จัดแจงเดินไปถาม คอนเซียส (Concierge) หรือ แผนกบริการของโรงแรม ถามหาร้านสเต็กอร่อย ๆ เดินไม่ไกลเกินกว่า 3 บล็อคจากโรงแรม
พนักงานจัดแจงเช็ค และ โทรจองที่นั่งร้าน The Seafire Grill แห่งนี้ให้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเพื่อนภรรยาซึ่งอยู่นิวยอร์คมาเป็นสิบปีก็มีลิสต์ร้านอาหารมาให้นับ 10 ร้าน เลิศหรูหลังการ และ เป็นร้านขึ้นชื่อของนิวยอร์คทั้งนั้น แต่เหนื่อยมาก ไปไม่ไหวแล้ว ประกอบกับขี้เกียจเลยเอาแถวโรงแรมนี่แหละ
มองเข้าไปไม่ได้เป็นร้านสเต็คแบบวินเทจที่เครื่องเรือนไม้โอ๊ค ร้านมึด ๆ จุดเทียน แต่งตัวดี ๆ มานั่งทานกัน แต่เป็นร้านสบาย ๆ ร่วมสมัย ติดหรูนิดหน่อยตามราคาอะนะ
เรียกน้ำย่อยด้วยไวน์ และ หอยนางรมอบชีส บีบเลมอนเพิ่มรสเข้าไปอีกนิด
จานนี้กินแล้วอยากกินอีก….นั่งปั่นบทความนี้ก็ยังคงน้ำลายไหล รสชาติจำได้ดีไม่มีลืมเลย สุดยอดมาก
อาหารจานหลัก แน่นอนว่า Sirloin Steak เสริฟมาบนจานร้อน ๆ ชนิดที่เนยเหลว ๆ ในจานเดือดปุด ๆ
รสชาติเกินคำบรรยาย เชื่อแล้วครับที่ใคร ๆ บอกว่ามา นิวยอร์ค ต้องทานสเต็ค เพราะมันอร่อยมาก เนื้อหอม นุ่ม ชุ่มลิ้นสุด ๆ….ฟินมาก สั่งไวน์มาเพิ่มอีกแก้วทันที
ปิดท้ายมื้อดี ๆ ประทับใจนี้ด้วย กาแฟเอกเพรสโซ่ ตามสไตล์ฝรั่งแล้วเดินสูดอาการในนิวยอร์คยามค่ำคืน โอ้ววววววว รู้สึกดีมาก
เช้าวันก่อนสุดท้ายของทริปนี้ ปกติผมออกจากโรงแรมจะเลี้ยวซ้าย ที่มีบรรดาแหล่งท่องเที่ยวที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ส่วนวันนี้ตั้งใจจะเลี้ยวขวาไปเดินเที่ยว Central Park และ บรรดา Museum แต่แล้ว….ฝนตกครับ กำเวร
จะกลับแล้วสิ ถ้าป่วยแล้วนั่งเครื่องคงไม่ดีแน่ ตัดสินใจหันหัวกลับเข้าโรงแรม
กินอาหารเช้าในโรงแรม แพงไปหน่อยแต่ดีกว่าเดินตากฝนให้เป็นหวัดเปลืองค่ายาเปล่า ๆ
อาหารเช้าสุดหรูในโรงแรมก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ อร่อย และ “แพง” ได้ใจมาก ๆ มื้อนี้โดนไปเกือบ 30 เหรียญ กินเท่าที่เห็น 2 รูปด้านบนนี่แหละ
อิ่มใจสบายกระเป๋าเสร็จแล้วเดินออกมาชะโงก ฝนเจ้ากรรมก็ยังไม่หยุด เลยขึ้นห้องไปนอนพักผ่อน และ เตรียม “ยัด” ของลงกระเป๋าบางส่วน คืนนี้จะได้นอนเร็วหน่อย
นั่งรอจนเย็นฝนก็ยังไม่หยุด เอาไงดีหว่า เมียฝากซื้อ Cup Cake ร้านประจำด้วยสิ เอาหล่ะ สู้ตาย…เดินไปซื้อร่มแล้วมุ่งหน้าเดินไปทาง Central park ตามแผน แต่ไม่ได้ไปเดินเที่ยวนะ เบี่ยงออกไปหน่อยตรงไป Sprinkle ร้าน Cup Cake เจ้าอร่อยต้นตำหรับ Salty Caramel ที่กินแล้ว “ฟิน” สุด
ร้านเล็ก ๆ ไม่อยู่ในรายการแนะนำของ Trip Adviser ด้วยซ้ำ ซึ่งแปลกมากเพราะในแอพ Trip Adviser มี Cup Cake walking tour ด้วยนะ แต่ไม่ยักมี Sprinkle ทั้ง ๆ ที่อร่อยขั้นเทพ มีสาขามากมาย โดยเฉพาะที่ LA คิวยาวมาก
ร้านนี้ตั้งอยู่บน Lexington Ave ตัดกับ 60th street
เดินเข้าไปเห็น Cup Cake เรียงรายอยู่เพียบ แต่ไม่ต้องตกใจไป ภรรยาเช็คจากหน้าเวป http://www.sprinkles.com/ แล้วว่าวันนี้มีรสอะไรขายบ้าง พร้อมทำรายการมาให้เสร็จ
ผมยื่นให้พนักงานดู เค้าก็จัดการตามนั้นทั้งหมดรวม 12 ชิ้น แต่เรามีบอกพนักงานว่าขอกล่องละ 6 ชิ้นนะ เพราะไอจะเอาขึ้นเครื่องบินกลับไทยแลนด์ บินไกล กล่องเล็กถือง่ายหน่อยไม่งั้นถือแล้วคนมาเดินชน หน้าเค้กไม่สวยกันพอดี
พนักงานจัดแจงใส่กล่อง แล้วเอาถุงพลาสติค Zip Lock ซ้อนให้อีกชั้นหนึ่ง ยกเว้นกล่องที่มี Salty Caramel เพราะเค้าบอกว่าเดี๋ยวหน้ามันละลาย
สั่งเองชิ้นนึงกินในร้านให้หายคิดถึง เบ็ดเสร็จโดนไป 42.50 เหรียญ
อย่าครับ คิดจะกินของอร่อยอย่าคูณเป็นเงินไทยเด็ดขาด…….พักว่าบาท อุ๊ปส์
ที่ผมสั่งมาทานในร้านเป็น Margarita อร่อยแบบบรรยายไม่ถูก ร้านในไทยลองมาหลายร้าน ยังไม่มีเจ้าไหนเทียบ Sprinkle ได้เลย จะมีพอฟัดพอเหวี่ยงก็ Jelly Jan Cupcake ที่พารากอนครับ <<<< รุ่นน้องฝากโปรโมท 555
ล้อเล่นครับ ผมลอง Jelly Jan แล้ว อร่อยจริง ๆ นะไว้วันไหนจะรีวิวให้หิวกัน
สรุปว่าวันสุดท้ายใน New York แทบไม่ได้ทำอะไร นอกจากลุยฝนไปซื้อขนมฝากภรรเมีย แล้วกลับมานั่งดูทีวี ชิลด์ ๆ ในโรงแรม ซึ่งผมก็ว่าดีไปอย่าง ได้พักเสียบ้าง เพราะถ้าขาแตะไทยเมื่อไหร่ก็คงต้องทำงานกันไมได้หยุดเหมือนเดิม
วันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาไปขึ้นเครื่องกลับไทย และ ผมก็ใช้วิธีเดิมมาสนามบิน คือ นั่งแท๊กซี่ ราคาเท่าขามาจ่ายพร้อมทิปไปประมาณ 65 เหรียญ
คราวนี้ความเทพของ ตั๋ว Business class สายการบิน Emirates ส่งผลความไฮโซทันที พอแท๊กซี่จอหน้าประตูของ Emirates ปุ๊บ พนักงานแต่งตัวเหมือนพนักงานโรงแรมเดินมาถามว่าตั๋วชั้นไหน ผมตอบว่า Business Class เค้าก็จัดแจงบรรจงหยิบกระเป๋า สัมภาระทั้งหมดของเราขึ้นรถเข็นแบบโรงแรม แล้วพาไปเช็คอินที่เคาเตอร์ทันที่
พอเช็คอินเสร็จ พนักงานก็บอกว่าตอนไปเข้าแถว Security Check ที่เราต้องถอดรองเท้า เข็มขัดนั่นหน่ะ มองหาพนักงานใส่เสื้อกั๊กสีน้ำตาลแล้วบอกเค้าว่า I fly Business เพื่อเค้าจะพาไปต่อแถวพิเศษ สั้นกว่าปกติ โอ้ววววว มีงี้ด้วยแฮะ ช่างทำให้รู้สึกว่าเราเป็น อภิสิทธิชนจริง ๆ ประทับใจมาก
แต่ยังครับ ความรวยของสายกรบินนี้ยังไม่หมดแค่นี้
หลังจากได้ลัดคิวมากมายจนผ่านพิธีการสนามบินทั้งหมดด้วยความรวดเร็วแล้ว ก็เข้ามาใน Lounge กินของว่างสบาย ๆ รอเวลาขึ้นเครื่อง
ด้วยความารอบคอบผมถามพนักงานว่า เกตที่ขึ้นเครื่องอยู่ไกลมั๊ย จะได้กะเวลาค่อย ๆ เดินถูก
พนักงานบอกว่า “No need sir, because we board from here!”
ห่ะว่าไงนะ เกตขึ้นเครื่องอยู่ใน Business lounge เลยเร๊อะ….สนามบิน JFK นิวยอร์ตเนี่ยนะ เออ….เจ๋งจริง
พอได้เวลาเค้าก็เปิดประตูสู่งวงพิเศษสำหรับ Business และ First ขึ้นไปยังชั้น 2 ของ Air Bus A380 สะดวก สบาย ไม่ต้องเบียดชาวบ้าน ไม่ต้องรีบขึ้นเครื่อง เพราะมันแทบไม่ต้องเดินเลย
ยืนตะลึงกับความ VIP ของเค้าแป๊ปนึง แล้วก็นึกได้ว่าเราดู “กะเหรี่ยงมาก” เลยเดินขึ้นเครื่องไปพร้อมความรู้สึกดี ๆ กับสายการบินนี้อีกแล้ว
ขึ้นเครื่องก็เสริฟเครื่องดื่ม จัดไวน์ขาวซะแก้วนึงให้มึนเล่น ๆ
ซุปบนเครื่อง….หากินยากนะครับ ต้องบิสเนส หรือ เฟิร์ส เท่านั้น
กุ้งย่างรองท้อง
อาหารจานหลักกับ lamp chop หอม ๆ ไม่สาบ
ปิดท้ายด้วยของหวาน….ปิดท้ายทริปตะลุยอเมริกา 10 วันแต่ใช้เวลาเขียนกว่าจะจบเป็นเดือน
เป็นไงครับ ประสบการณ์มากมายกับ ตะลุยอเมริกาครั้งนี้ สุดยอดมากมาย มีทั้งที่ประทับใจ มีทั้งเหนื่อย และ มีทั้งได้ประสบกาณ์ใหม่ ๆ ทุกครั้งที่บิน แม้ว่าจะไปเมืองเดิม ๆ ประเทศเดิม ๆ ก็ตาม
ประเด็นคือ เราต้องมองหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
บ้ายบาย อเมริกา แล้วเจอกันใหม่นะ ออแลนโด มหานครนิวยอร์คจ๋า คราวหน้าหนูจะไม่มาคนเดียวแล้วจ้า
ติดตาม xenon_art พาเที่ยวตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ติดตามมาพักนึงแล้วครับ ผ่านมาเห็น
ชอบมากเลยครับ ตั้งแต่พี่นำเที่ยวย่านของเล่นในฮ่องกงและ
เหมือนได้ไปด้วยนิดๆเลย( ^-^)
ขอบคุณคร๊าบบบ
Puri T.
ขอบคุณที่ติดตามผลงานคร้าบ
Build a bear ที่นั่นถูกกว่าไทยเยอะมั้ยคะ?
ถูกกว่าพอควร แต่ของเยอะกว่าครับ