ดองเค็มมาร่วมเดือน กลับมาต่อกันอีกครั้งกับ xenon_art ตะลุยเมกา ซึ่งเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนที่ 4 ซึ่งผมจะบินเดี่ยวเที่ยว นิวยอร์ค ศูนย์กลางความยิ่งใหญ๋แห่งหนึ่งของประเทศมหาอำนาจที่มีเทพีเสรีภาพเป็นเอกลักษณ์ของเมือง
ความเดิมตอนที่แล้ว
xenon_art ตะลุยอเมริกา ตอนที่ 1 ทำใบขับขี่สากล + เช่ารถ
xenon_art ตะลุยอเมกา ตอนที่ 2 ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง USA แบบใหม่ง่ายกว่าเดิม
xenon_art ตะลุยอเมริกา ตอนที่ 3 เที่ยวออแลนโด ช็อป Outlet ราคาถูก
งานนี้มาเที่ยวนิวยอร์คคนแเดียวแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะจริง ๆ “ไอ้น้องรัก” ที่ “คิดว่า” จะมาด้วยกันชวนให้มาลุยนิวยอร์คกัน เราก็โอเคร ได้เลย พอจองตั๋วเสร็จ “ไอ้น้องรัก” โทรมาบอกว่า…..โทษทีพี่ ผมไม่ไปแล้ว ติดหญิง เอ้ย พอดีมีประชุมเยอะ ไม่สะดวกไป แป่ววววววว
เอาหล่ะวุ้ย Alone in New York แบบไม่เคยเหยียบมหานครแห่งนี้มาก่อน ทีนี้ก็ต้องหาข้อมูลเพื่อไม่ให้เราดู “กะเหรี่ยง” เที่ยวกรุง และ ด้วยความเป็นคนสายไอทีทั้งที มันต้องใช้อะไรล้ำ ๆ กว่ากระดาษจด และ แผนที่ทั่วไปใช่มั๊ย?
มีสมาร์ทโฟนที่พกไปด้วย พร้อมซิม T-Mobile แบบเติมเงินที่เล่นเน็ตได้ไม่จำกัดแบบนี้ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์เต็มที่
งานนี้ xenon_art ขอแนะนำแอพ NYC Map สุดยอดแผนที่ แห่งมหานครนิวยอร์ค บนไอโฟน (เท่าน้้น)
แอพนี้จะจับสัญญาณ GPS เพื่อหาตำแหน่งของเรา พร้อมแสดงบนแผนที่ จากนั้นรอบ ๆ ตัวเราก็จะรายล้อมด้วยโลโก้แบรนด์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะร้านอาหาร ร้านกาแฟ เสื้อผ้า แฟชั่นแบรนด์เนม รวมถึงโรงแรมด้วย เป็นแอพสารพัดประโยชน์ที่ใช้งานง่าย พลิกแพลงใช้ได้เยอะ ซึ่งด้วยความง่ายของมัน ผมก็ปรับเอามาใช้เป็นแผนที่เดินเที่ยวในนิวยอร์คแบบไม่มีหลง
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยใช้แผนที่ที่ไม่ว่าจะละเอียดแค่ไหน ก็มาตกม้าตายตอนที่เราต้องมาหาว่า เราหันหน้าไปทางไหนของแผนที่ แต่กับแผนที่บนแอพ NYC Map ทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปเพราะบรรดาแบรนด์เนมเหล่านี้ป้ายใหญ่เห็นชัด เดินไปถึงไหนก็จะจำแนกออกว่าเราอยู่มุมไหน หันหน้าไปทางไหน และ ต้องเดินไปถนนไหนต่อ
นอกจากนี้ผมยังมีแอพอีกตัวคือ TripAdvisor (City Guides) ที่เอาไว้คอยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมถึงใช้ GPS หาตำแหน่งเราแล้วบอกว่าใกล้ ๆ ที่เราอยู่มีจุดสนใจอะไรที่น่าไปบ้าง เรียกว่าเป็นแอพที่มีประโยชน์มาก
ผมลองโหลดมาหลายแอพ ทดสอบแล้วสรุปเหลือใช้จริงเพียง 2 แอพเท่านั้น
หลาย ๆ คนคงเคยเห็นแอพแผนที่รถไฟใต้ดินของ New York ซึ่งผมก็โหลดมาด้วย เพียงแต่ไม่ได้ใช้เลย จึงไม่ได้กล่าวถึง
ทำไมหน่ะเหรอ?…..เพราะผมเดินล้วน ๆ ไม่ได้นั่งรถไฟเลย มีแบบเหนื่อยสุด ๆ ก็นั่งแท๊กซี่เท่านั้น เพราะไปไกล และ ซื้อของเยอะถือไม่ไหว
กายพร้อม ใจพร้อม แอพพร้อม ก็เดินทางจากออแลนโด มุ่งหน้าสู่ มหานครนิวยอร์คด้วยเครื่องบินกันเลย โดยสายการบินที่ใช้เป็น Jet Blue สายการบินภายในประเทศที่บริการดีใช้ได้สายการบินหนึ่ง และที่ นิวยอร์ค มีเทอร์มินอลเป็นของตัวเองคือ Terminal 5
ตอนผมบินออกจาก ออแลนโด เครื่องดีเลย์ ไป 30 นาที เล่นเอาพนักงานพยายามเร่งทุกอย่างแบบสุดความสามารถเพื่อไปให้ถึง สนามบิน JFK ที่ New York ให้ทันเวลา
ที่นั่งจะมี 2 แบบ คือ แบบธรรมดา และ แบบ Extra Space โดยเราสามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่ออัพเกรดเป็นแถวที่นั่งที่กว้างเป็นพิเศษ
การเรียกขึ้นเครื่องก็ปกติ คือ เรียกผู้โดยสารที่จ่ายเงินเพิ่มก่อน จากนั้นก็เรียกผู้โดยสารที่นั่งท้ายเครื่องทยอยขึ้นเครื่องตามลำดับแถวที่นั่น
แต่….มนุษย์ ก็คือ มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย หรือ ประเทศที่เจริญแล้วอย่าง อเมริกา คนไม่ค่อยสนใจ จะแย่ง กรูกันขึ้นเครื่องก่อน จนพนักงานต้องห้ามแล้วห้ามอีก ซึ่งจะรีบขึ้นไปไหนกันครับพี่น้อง ขึ้นก่อนแล้วถึงก่อนหรือเปล่า????
ขึ้นก่อน ขึ้นหลัง ถึงพร้อมกัน แต่ขึ้นก่อนต้องไปนั่งเมื่อยก่อนนะอย่าลืม….เวลาผมบิน ของไม่เยอะ ไม่ต้องรีบไปแย่งที่เก็บของเหนือศีรษะ ดังนั้นมักจะปล่อยให้คนขึ้นเกือบหมดก่อนแล้วเราค่อยขึ้นไป ขอยืดเส้นยืดสายให้เต็มที่ก่อนไปอุดอู้บนเครื่อง
เก็บภาพเครื่องขายอุปกรณ์ไอทีแบบอัตโนมัติของ Best Buy มาฝาก เราจะเห็นตู้แบบนี้เกือบทุกสนามบินในสหรัฐอเมริกาเลย และ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมักจะต้องตั้งไว้หน้าห้องน้ำ พยายามดูแล้วไม่มีทิชชู่ขายซะหน่อย เห็นมีแต่ไอพ๊อต หุูฟัง และ แบตสำรอง (power bank)
ใครขาดอะไร ก็เอาเครดิตการ์ดเสียบแล้วซื้อได้เลย
จาก ออแลนโด ถึง นิวยอร์ค ใช้เวลาบินประมาณ สองชั่วโมงกว่า จากเครื่องดีเลย์ไป 30 นาที กัปตันผมเก่งมาก เครื่องลงจอดก่อนเวลา 10 นาที ซิ่งสายฟ้าฝุด ๆ เบย
เมื่อลงเครื่องแล้วก็ไม่มีอะไรมากเพราะเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 20 นาทีต่อมาก็ก็ได้กระเป๋าครบ พร้อมมุ่งหน้าสู่โรงแรมด้วยรถแท๊กซี่
จากการหาข้อมูล รถไฟต้องนั่ง 2 ต่อ หรือ จะนั่ง Shuttle Bus ก็ยังได้ แต่เครื่องผมลงมารับกระเป๋าขนาดใหญ่สุดของ Samsonite 2 ใบ ออกมาจากสนามบินสามทุ่มกว่า ๆ ตัดสินใจยอมเสียเงินแพงแต่ไม่เหนื่อยดีกว่า
รถแท๊กซี่จากสนามบินเข้าเมืองคิดอัตราเหมา โดยแบ่งตามโซนของโรงแรม ผมพักที่ W Hotel โดนค่าแท๊กซี่ไป 53 เหรียญกว่า ๆ รวมกระเป๋า และ ทิบ เบ็ดเสร็จผมให้ไป 65 เหรียญ หรือ ประมาณ 1950 บาท แพงนิดหน่อย แต่รับได้เมื่อเทียบกับความสบาย และ ซื้อเวลากินข้าว+เข้านอน
W New York โรงแรมที่จองผ่าน Priceline.com เวปเดิมที่ผมจองรถเช่นใน ออแลนโด โดยให้ภรรยาจองให้ล่วงหน้า 1 วัน ทำให้ราคาลดลงมาพอสมควรเหลือเพียงคืนละ 300 เหรียญโดยประมาณ
หากใครรู้จักโรงแรมนี้จะรู้ดีว่าแพงพอสมควร แต่อยู่ใกล้ Central Park และ Fifth Avenue ช่วงตึก NBC หรือ Rockefeller Building อันเลื่องชื่อ เดินจากโรงแรมไปเพียง 5 – 10 นาทีเท่านั้น
เค้าบอกมาว่า…โรงแรมในนิวยอร์ค แพง และ เล็ก ที่ไหนก็เล็กหมดแหละ ถ้าจะเอาห้องใหญ่ ๆ ก็แพงมากกกกก
เชื่อแล้วครับ เพราะจ่ายไปคืนละเกือบหมื่น ได้ห้องแค่เนี้ย นี่ผมยืนหลังพิงตู้เสื้อผ้าแล้วนะถ่ายออกมาได้แค่นี้เอง
ช็อตมาตรฐานในห้องน้ำตามสมัยซะหน่อย และ ก็อ่ยางที่เห็น งานนี้พก Nex 5N ไปก็เอาไว้เพียงถ่ายงาน Blackberry Live 2013 เท่ห์ ๆ เท่านั้น ที่เหลือใช้ iPhone5 ถ่ายตลอดทริป
เสียดายไปนิดตรงที่เอา Blackberry Z10 ไปด้วย แต่ไม่มีซิมเลยต้องใช้ไอโฟนแทน
เรื่องของเรื่อง คือ ทางฝ่าย PR ของงานแจ้งว่าจะจัดซิม AT&T พร้อมดาต้ามาให้เพื่อใช้กับ Blackberry Z10 ได้เราก็เลยไปถอย Nano Sim ของ T-Mobile มาใส่ไอโฟน หวังว่าจะทำรีวิวการใช้งานด้วยโครงข่าย 4G ปะทะกันระหว่าง Blackberry กับ iPhone ซะหน่อย
สรุปพอถึงงานที่ ออแลนโด เค้าแจ้งว่าเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย ซิม AT&T ที่เตรียมมาให้โทรออก รับสายได้อย่างเดียว เล่นเน็ตไม่ได้….เลยต้องเก็บ Blackberry Z10 ตัวเก่งลงกระเป๋าเดินทางโดยปริยาย เสียดายมากกกกก
สำหรับคนที่มาเที่ยวอเมริกาเกิน 5 วัน และ ต้องการใช้อินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะแชร์รูป เช็คเมล เล่นเฟส แนะนำให้เปิดวิมเติมเงินที่นี่ใช้ จะเปิดรัฐใดก็สามารถใช้งานได้ทั่วประเทศ
หากเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ Micorsim เช่น Blackberry Q10, Z10 หรือ พวกแอนดรอย์รุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้ซิมเล็ก แนะนำไปซื้อซิมเติมเงินของ AT&T เพราะเครือข่ายครอบคลุมกว่า และ เน็ตแรงกว่า
แต่หากท่านพก iPhone 5 มาเมกา และ ต้องใช้ Nano Sim หรือ ซิมจิ๋ว ไม่สามารถซื้อซิม AT&T มาใช้งานได้เพราะเค้าล็อคระบบไว้กับ Apple ซึ่งต้องเปิดซิมรายเดือนเท่านั้น ทางเลือกเดียวคือ T-Mobile ที่ยอมขายซิมเติมเงินขนาด Nano Sim แต่ที่ New York สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เดิน ๆ อยู่ขึ้น No Service สลับกับ 4G
ถ้าจะดื้อใช้ AT&T จริง ๆ ก็เตรียมอุปกรณ์ตัดซิมมาด้วยแล้วไปเปิดซิมเติมเงินขนาด เล็ก แล้วเอามาตัดเองนะจ๊ะ
สำหรับราคาแบบเติมเงินผมใช้แบบ 3G+4G Unlimited data + โทรหาเบอร์บ้านฟรีทั่วโลกไม่จำกัดนาที + โทรในเมกา + sms รวมแล้วเกือบร้อยเหรียญ หรือ 3000 บาท ถือว่าไม่แพงนะครับ ถ้าไป 7 วัน หารออกมาแล้วตกวันละเพียง 429 บาท แถมโทรกลับบ้านฟรีด้วย
ตื่นมาวันแรกใน นิวยอร์ค สิ่งที่คิดถึง และ ต้องการไปที่สุด แถมอยู่ใกล้โรงแรมด้วยนั่นคือ New York Grand Central Station หรือ สถานีรถไฟหลักของเมืองที่มีประวัติยาวนานย้อนกลับไปถึงยุคสร้างเมืองกันเลยทีเดียว
เก็บภาพที่ระลึกกับทางเข้าซะหน่อย เห็นเค้าถ่ายกันเยอะเลยตามน้ำไป นี่เป็นเทคนิคที่ผมใช้มาตลอดเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ
หากเราไปยังประเทศ หรือ เมืองที่ไม่คุ้นเคย หากเจอพวกคณะทัวร์แนะนำว่าให้รีบเดินตามเค้าไปแบบห่าง ๆ คอยดูว่าเค้าแนะนำอะไร มีประวัติเป็นอย่างไร ดีกว่าอ่านหนังสือเป็นกองเลย อ้อ…แน่นอนว่าต้องเล็งหาคณะทัวร์ที่เค้าพูดภาษาที่เราฟังรู้เรื่องนะ 555 ถ้าจังหวะไม่ดีเจอคณะที่ใช้ภาษาไม่รู้จักก็อาศัยดูว่าเค้าชี้อะไร ถ้าพูดนานนนนน แปลว่าสำคัญ ให้เก็บภาพที่ระลึกเอาไว้กันเหนียว
แต่ถ้าเจอพวกถือหนังสือท่องเทียวไปด้วย เดินดู เดินถ่ายรูปไปด้วย บอกได้เลยว่า มันก็เหมือนเราแหละ ไม่รู้เรื่องหรอก อิ อิ อิ
สถานะการณ์การรักษาความปลอดภัยใน New York ยังคงแน่หนาจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่จะเห็น ทหาร หน่วยสวาท และ ตำรวจ ประจำตามสถานที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ
เดินไปหน้าด้าน ๆ แล้วบอกว่าขอถ่ายรูปหน่อย เค้าก็ยิ้มให้แล้วปล่อยให้เราถ่ายตามใจชอบ เพียงแต่เค้าอยู่ในหน้าที่ ไม่สามารถหันมาแอ๊คชั่นกับกล้องได้
สัมผัสแรกของ xenon_art กับ Grand Central Station ตื่นเต้นมว๊ากกกก มือสั่น รูปมัวเลย <<<ข้ออ้าง
ช่วงนี้เค้าฉลอง 100 ปีพอดี ตรงหน้าต่างบานยักษ์จึงประดับเลข 100
บู๊ธขายตั๋วกลางสถานี จุดเด่นอีกจุดหนึ่งที่บรรดาภาพยนต์ฮอลลีวู๊ดชอบมาถ่ายกัน
ป้าย และ เคาเตอร์ขายตั๋วที่ยังคงเอกลัษณ์ดั้งเดิม คลาสสิคจริง ๆ
ลองเดินเข้ามาดูตรงชานชลาซะหน่อย โอวววว เห็นข้างนอกหรูหราอลังการ พอเข้ามาด้านใน สถาพก็เก่าแก่ และ ไม่มีการประดับประดาอะไร
รถไฟนี้ส่วนมากจะวิ่งอยู่ใต้ดินของมหานครนิวยอร์ค โดยจะสังเกตุได้ว่าตอนเราเดินบนฟุตบาท จะมีตะแกรงเหมือนฝาท่อระบายน้ำ แต่มองลงไปจะเป็นเป็นรางรถไฟ
สำรวจชั้นใต้ดิน ก็จะเจอห้องน้ำ….คิวยาวมากกกกกก ใครปวดหนักที่นี่อันตรายมาก ให้ไปหาห้องน้ำจากโรงแรมติดกับสถานนี
ชั้นล่างก็จะมีชานชลาต่าง ๆ สวยงามตามรูปมัว ๆ จาก iPhone5 ที่ยังเจ็ตแล็คอยู่
อาชีพรับขัดรองเท้า อาชีพเก่าแก่อาชีพหนึ่งของคนอเมริกา ยังคงมีให้เห็นกันอยู่
เอาหล่ะครับ มือเช้ามื้อแรกในนิวยอร์คของผม จัดกันที่ชั้นใต้ดินสถานนี้รถไฟในตำนานนี่แหละ
ด้านล่างของสถานีเป็นศูนย์อาหารอารมณ์คล้าย ๆ ฟู๊ดคอร์ท บ้านเราเพียงแต่ไม่ต้องแลกคูปอง
มีอาหารมากมายหลายชาติให้เลือก แอบมีอาหารไทยด้วยนะครับ แต่คงยังเช้าอยู่ ยังเตรียมร้านไม่เสร็จ
เดินไปเดินมา ผมมาจบที่ร้านนี้ เพราะขนาดอาหารปริมาณไม่มาก ราคาไม่แพง หากเทียบกับร้านอื่น ๆ ที่จะได้แซนวิชชิ้นยักษ์ที่ดูยังไงก็กินไม่หมด
ซื้อแล้วก็เดินมาหาที่นั่่งในบริเวณรับประทานอาหารที่เค้าจัดไว้ให้ ตบแต่งให้อารมรณ์เหมือนนั่งอยู่ในขบวนรถไฟเลยครับ
อาหารเช้าง่าย ๆ ที่ศูนย์อาหารชั้นใต้ดินของสถานนีรถไฟตำนานของนิวยอร์ค….แอบถ่ายติด (หรือจงใจ?) สมาร์ทโฟนมาด้วย แหมก็บล็อคผมเป็น lifestyle IT นี่นา
มื้อนี้กินไปสิบกว่าเหรียญ ซึ่งถือว่าปกติของทีนี่ ใครจะเที่ยวเมกา เรื่องราคาค่าครองชีพ ทำใจไว้ก่อนเลยนะตอนเที่ยวอย่าคิดมากเดี๋ยวจะไม่สนุก
วิธีของผมในการไปเที่ยวต่างประเทศคือ ประหยัดบ้าง เปลืองบ้างสลับกันไป ผมก็กินทั้งอาหารข้างถนนถูก ๆ เพื่อสัมผัสกับวิถีชิวิตคนทั่วไป และ ไปกินร้านอาหารหรู ๆ เพื่อสัมผัสรสชาติแบบไฮโซ ที่โดนไปมื้อนึง 5,000 บาท (ทานคนเดียวนะ) กลับถึงบ้านก็จะได้ความทรงจำดี ๆ ในหลาย ๆ มุม
มื้อเช้าสำคัญมาก เน้นอิ่ม เน้นกินให้เยอะนะครับ เวลาเดินเที่ยวจะได้มีมีปัญหา ส่วนมื้อกลางวันกินเร็ว ๆ ง่าย ๆ ไม่เสียเวลาการเดินเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ รวมถึงช๊อปปิ้งด้วย บางทีก็ข้ามมื้อเที่ยงไปเลยก็มี แล้วไปจิบกาแฟตอนบ่ายแทน ส่วนมื้อเย็นจัดหนักหน่อย กินอาหารดี ๆ จิบไวน์ แล้วออกมาเดินรับลมเย็น ๆ ยามค่ำคืนของนิวยอร์ค
พอกินอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินขึ้นชั้น 2 หรือจริง ๆ ต้องเรียกว่าชั้นลอย เพราะฝรั่งเค้าเรียก Balcony โดย xenon_art มุ่งหน้าตรงไปยัง East Balcony
เห็นรูปคงไม่ต้องบอกว่าไปไหนนะ
เมื่อ Apple มาเปิด Apple Store ครั้งแรกใน Grand Central Station นี้ สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก
อารมณ์ของร้านได้ความผสมผสานของอารมณ์ระหว่างการจัดร้านแบบ minimalist ของสตีฟ จ๊อบส์ ที่เน้นเรียบง่าย ใช้งานได้จริง และ สีสรรไม่ฉูดฉาด โอบล้อมด้วยบรรยากาศของสถานนีรถไฟเก่าแก่ หรูหราเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง
การมาเปิดร้านที่นี่ผมมองว่าเค้าได้ประโยชน์ทั้งจากการขายโดยตรง และ ได้ผลทางการตลาดเป็นอย่างมาก เป็นการโปรโมทแบรนด์ให้คนรู้สึกว่าเป็นสินค้าอเมริกันแท้ ๆ อยู่คู่กันมานาน แถมตัวร้านก็เป็นป้ายโฆษณา Apple ได้เป็นอย่างดี
ดื่มด่ำกับบรรยากาศของ Grand Central Station แล้วก็เดินลัดเลาะต่อมาเพียงไม่กี่บล็อคก็จะถึง Time Square อีกหนึ่งสถานที่ที่ทุกคนต้องมา โดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
จากภาพด้านบน แอบเห็นป้ายสถานนีตำรวจ NYPD สุดเก๋ที่ออกแบบป้ายไฟได้เข้ากับบรรยากาศโดยรอบจริง ๆ
ระหว่างเดินไป Time Square ก็เจอกับ…..ว้าวววว รถดับเพลิงคันยักษ์
เห็นเค้าถ่ายรูปกันใหญ่ ผมเลยถ่ายมั่ง จริง ๆ แล้วเสียงไซเรนรถดับเพลิง รถตำรวจ เป็นของคู่กับเมืองนี้ทีเดียว เพราะได้ยินทั้งวัน ทั้งคื แต่คันนี้พิเศษตรงที่ปกติจะเห็นรถดับเพลิงซิ่งอย่างเร็วจนถ่ายรูปไม่ทัน แต่คันนี้เค้าไม่ได้ออกมาปฏิบัติหน้าที่ จึงมีโอกาศให้ได้ถ่ายรูปกัน
มาถึงแล้ว Time Square บรรยากาศช่วงสาย ๆ ของวันศุกร์ คนยังบางตา อากาศกำลังดี
มุมมองเข้าไป เป็นมุมที่ชอบถ่ายกัน เลยถ่ายมั่ง
จุดเด่นของ Time Square คือบรรดาป้ายไฟโฆษณาที่เรียกว่าอัดแน่นไปทุกตารางเมตรของตัวตึกกันเลยทีเดียว และ ไม่น่าเชื่อว่าเทคโนโลยีบ้าน ๆ แบบป้ายไฟนี้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของโลกไปได้
ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นไปเยอะ บรรดาป้ายไฟธรรมดาก็ถูกพัฒนาเป็นจอภาพขนาดยักษ์ หลากทรง มีทั้งเรียบ ทั้งโค้งแสดงภาพ หรือ ภาพยนต์โฆษณาบนกำแพงตึกระฟ้าให้พวกเราได้แหงนหน้าถ่ายรูปเป็นที่ระลึกทั้ง ๆ ที่ปกติไม่ชอบดูโฆษณา….จริงป่ะ
โดยรอบบริเวณของ Time Square ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เป็นร้านค้า และ อาคารบริษัท เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเป็นย่าน Broadway ที่มีโรงละครเวทีเรียงรายให้เราเลือกซื้อบ้ตรเข้าไปชม แต่เตือนไว้หน่อยว่าที่นั่งดี ๆ ของโชว์ดี ๆ ควรจอง หรือ เช็คกับโรงแรมให้ดีก่อน เดี่ยวไปถึงแล้วจะไม่ได้ดู
อาชีพสุดฮิตในย่าน Time Square คือการแต่งตัวเป็นคาแรคเตอร์ตัวละครต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Hello Kitty, Buzz Light year, Woody, Ironman, Batman และ Spiderman เป็นต้นแต่ที่เห็นเยอะหน่อยช่วงนี้ก็ Ironman ที่ออกมาเดินให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปแล้วเก็บเงิน
ค่าบริการแล้วแต่จะให้ ถ่ายก่อนค่อยจ่าย ถ้าจ่ายน้อยเค้าก็จะมีลูกเล่นอ้อนวอนขอเพิ่ม ถ้าให้เยอะก็จะโดนลูกไม้ขอเพิ่มเช่นกัน ด้วยความที่ผมส่งรูปของที่จะซื้อไปให้ภรรยาเลือกแล้วต้องยืนรอคุณเธอตื่นขึ้นมาอ่านข้อความทำให้ต้องยืนอยู่ตรงนี้เป็นชั่วโมงทำให้เห็นเลยว่าพวกนี้ทำงานกันเป็นทีมครับ แก็งค์ เอ้ย ทีมใครทีมมัน แต่ทีมที่ดูแล้วลูกค้าเยอะหน่อยก็ทีม 3 คน ประกอบด้วย Batman, Ironman และ Spiderman ที่ Ironman จะเป็นตัวชูโรงมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปเยอะ พอมีลูกค้าปุ๊ป อีตา Batman กับ Spiderman (ลงพุง) ที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ก็จะเดินเข้ามาร่วมถ่ายรูปและขอเงินด้วย เห็นทำแบบนี้ตลอดชั่วโมงนึง สงสัยได้ไปเป็นร้อยเหรียญ
จนเจอสาวฝรั่งคนหนึ่งร้องบอกว่า No…I only want Ironman – ไม่นะ….ฉันจะถ่ายกับไอร่อนแมนเท่านั้น
อีตาแบตแมน กับ สไปดี้ จ๋อยไปเลย 555
Toy R Us สาขาใหญ่ยักษ์กลาง Time Square เป้าหมายหลักของผมเลยคัรบ และ ตรงหน้า Toy R Us นี่แหละ ที่ผมยืนประมาณชั่วโมงนึง แล้วได้ประสบการณ์การทำงานเป็นทีมของอีกตา 2 ซุปเปอร์ฮีโร่ลงพุง
ร้านของเล่นนี้เป็นร้านใหญ่ที่สุดเจ๋ง คนเดินเข้าออกเพียบ มีทีเด็ดตรงที่เค้ามีชิงช้าสวรรค์อยู่ข้างในเลยนะ
บรรยากาศส่วนหนึ่งด้านใน Toy R Us – Time Square ที่ผมซื้อของเล่นให้ลูกไปเยอะเลย สำหรับราคาของเล่นที่นี่ เพื่อน ๆ ที่สนใจจะไปเที่ยว หรือ ฝากคนไปซื้อ สามารถเช็คราคาของเล่นได้ที่
อัพเดทราคาของเล่นใน อเมริกา USA วันที่ 23 พค 56 (Target + Toy R Us)
แถวบริเวณ Time Square ก็มีพื้นที่ว่าง ๆ เป็นถนนคนเดิน ได้บรรยากาศตัดกับการจราจรที่วุ่นวายของเมืองใหญ๋ แถมยังมีการแสดงข้างถนน หรือ Street Performance ด้วย
การแสดงก็น่าตื่นเต้นดี แต่เผอิญผมเคยเห็นที่เก่งกว่านี้ เจ๋งกว่านี้มาแล้วในสเปน ตอนไปงาน Mobile World Congress ปีที่ผ่านมา การแสดงนี้เลยสนุก แต่ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนคนดูท่านอื่น ๆ ในบริเวณ
สิ่งที่น่าสนใจของคณะแสดงชุดนี้คือ วิธีการพูด เค้ามีวิธีการพูดโน้มน้าวจิตใจคนได้ดี ติดมุกตลกไปด้วยทำให้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาหยุดยืนดูการแสดง
มีมุกหนึ่งผมชอบมาก ๆ โดยแปลเป็นไทยได้ว่า
“เข้ามาเลย เข้ามาเลย มาดูการแสดงของเราใกล้ ๆ เราไม่กัดหรอก และ ถึงแม้เราเป็นคนดำ เราก็ไม่ได้ติดยา ไม่ได้เป็นมาเฟีย”
อีกคนหนึ่งยืนไกลออกไปตะโกนออกมาว่า “จริง ๆ นะ เราเลิกเป็นมาเฟียแล้ว”
“ถ้าดูแล้วชอบ แต่หากคุณไม่มีเงิน ไม่เป็นไร เพียงเดินเข้ามาจับมือพวกเราแล้วบอกว่า นายเก่งมาก เพียงเท่านี้พวกเราก็มีความสุขแล้ว”
“แต่ถ้าคุณให้เงินเรา 3 เหรียญ จะเป็นกำลังใจที่ดีกับพวกเรา”
“ถ้าคุณให้เรา 5 เหรียญ พวกเราจะรู้สึกว่าเป็นดาราดังเลยทีเดียว”
“แต่ถ้าคุณให้เรา 10 เหรียญ…….คุณหิ้วผมกลับบ้านได้เลย”
บรรดาคำพูดเหล่านี้เรียกเสียงหัวเราะ และ เสียงปรบมือได้เป็นอย่างดี แถมยังทำลายกำแพงระหว่างนักแสดง กับคนดูอีกด้วย
เก็บเอามาคิด เก็บเอามย่อยสลายใช้ในชีวิตของเราได้นะ
มีคนบอกว่า Time Square ตอนกลางวัน และ ตอนกลางคืนให้อารมณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางคนก็บอกว่ากลางคืนสวยกว่ากลางวัน เพราะป้ายไฟจะโดดเด่นมาในเวลากลางคืน
เอ่อ…..ต้องมาดูป้ายโฆษณาไฟฟ้าตอนกลางคืน
แล้ว….มันจะสวยขึ้นกว่าตอนกลางวัน
อืม….อยู่กรุงเทพไม่ค่อยเหลียวแลป้ายโฆษณาตามถนนเลยนะ นี่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาอเมริกาจะให้เดินมาดูป้ายไฟโฆษณาเนี่ยนะ
พูดเหมือนจะไม่มา แต่ก็ยังคงเดินแวะมาชมไฟตอนกลางคืนกับเค้าเหมือนกัน บรรยากาศคนแน่นเหมือนตอนกลางวัน อากาศเย็นลงเดินสบายขึ้น เพราะเนื่องจากผมมาเที่ยวในเดือนพฤษภาคม หากมรช่วงฤดูหนาวสงสัยหิมะกลบมิด หรือ แข็งตายก่อน
บรรดาป้ายไฟโฆษณาในตอนกลางคืนสวยไปอีกแบบ บรรยากาศโดยรวมของ Time Square ดูมีชีวิตชีวาสมกับเป็นเมือนใหญ๋
เอาจริง ๆ แล้วในทุก ๆ ที่ที่เราไป บรรกาศตอนกลางคืน กับ กลางวันมันแตกต่างกันจริง ๆ เพราะตอนกลางคืนท้องฟ้าเป็นสีดำมึด ชับเน้นบรรยากาศ และ สถานที่ให้โดดเด่นขึ้นมา จำได้ว่าตอนงานฉลองของในหลวง ผมพาครอบครัวไปเดินดูไฟถนนราชดำเนิน ช่างให้ความรู้สึก และ ความทรงจำไม่รู้ลืมจริง ๆ
เก็บภาพตัวเองไว้สักหน่อย <<<อีกแล้ว
กำลังมองหามื้อเย็น เล็งว่าจะกินร้านไหนดี เพราะคนเยอะไปหมด แถมมาคนเดียวด้วยสิ เอาไงดีหว่าไม่ชอบต่อคิวร้านอาหารด้วยสิเรา
นั่นไง…มีพนักงานยืนถือป้ายโฆษณา TGI Fridays พร้อมแจกคูปองลดราคา 15% ฉลองเปิดสาขาใหม่ใน Time Square ด้วยสิ แบบนี้หมายความว่าร้านเค้าคนยังไม่เยอะ ขนาดต้องออกมาเรียกลูกค้ากันเลย เหมาะกับเรามาก ๆ
เดินไปขอบัตรลดแล้วมุ่งหน้าเข้าซอยสู่ร้าน TGI Fridays ทันที
หน้าร้านตามสไตล์เค้าเลย หากยังจำกันได้ (ถ้าคุณแก่พอ) สมัยก่อน TGI Fridays เคยมาเปิดสาขาในที่ที่อาหารแห่งหนึ่งปากทางสุขุมวิท ซอย 2 ใกล้ ๆ โรงแรม JW Merriott และ เป็นตึกเดียวกันกับที่มีร้าน Challenger ซึ่ง xenon_art ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิตเมื่อ 20 ปีก่อน พ่วงด้วยชุดลำโพง 5.1 ต่อคอมของ Altec Lansing ที่ปัจจุบันยังใช้อยู่แม้ว่าจะเปลี่ยน PC ไปแล้ว 4 ชุด
ปัจจุบันใช้ PC ที่บ้านปั่นบล็อคล้านเรื่องราวของ xenon_art นี้ยังเป็นสเปค QuadCore อยู่เลยครับ แต่ลง Windows 8 Pro ได้อย่างไม่มีปัญหา
มาเมกาทั้งทีต้องกิน Buffalo Wings ครับ เรียกว่าเป็นอาหารพื้นบ้านของอเมริกาเลยก็ว่าได้ คล้าย ๆ กับ ไข่พะโล้ ที่ไปไหนในประเทศไทยก็หากินได้
ปีกไก่ทอดซอสเผ็ด ของ TGI Fridays อร่อยพอใช้ได้ แต่สู้ที่ Hooters กับ Cheesecake Factory ไม่ได้
ขนาดไม่อร่อยนะ ผมซัดคนเดียวเรียบเลย
ต่อด้วยอาหารจานหลัก ซี่โครงหมูย่างซอสบาบิคิว จานนี้ก็ไม่โดนครับ ผมว่ากินที่ Tony Roma’s สยามพารากอนอร่อยกว่า นุ่มกว่า ทั้ง ๆ ที่ เมนูนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของคนที่นี่
เอาเป็นว่ามื้อนี้ผมโอเคนะ อร่อยดีกับ Buffalo Wing และ เกือบจะอิ่มแล้ว พอมาเจอ Baby Back Rib ไม่ค่อยอร่อยเลยไม่เสียใจเท่าไหร่ เพราะกินไม่ลงอยู่ดี
ใครอยากวัดดวงก็ลองมาทานสาขา Time Square ได้นะ
ติดตาม xenon_art ตะลุย New York ตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
น่าไปเที่ยวจังเลย …อ่านแล้ว อยากไป ฝุด ฝุด
สนุก และ อากาศดีมากครับ
แบบนี้ต้องวางแผน ตะลุย อเมริกา ซะแล้ว 5555
[…] […]
[…] […]
[…] […]
แจ่ม ข้อมูลละเอียด สุดยอดไกด์เลยนะท่าน เอาประเทศแถบยุโรปบ้างนะ
ยุโรปช่วงนี้ยังไม่ได้ไปครับ อิ อิ อิ
เยือนแหล่งท่องเที่ยว เรียนรู้วัฒนธรรม Summer นี้ที่ London (4 สัปดาห์) 4 เมษายน-2 พฤษภาคม 2558
เรียนเต็มที่ กับ The Burlington School สถาบันสอนภาษาขนาดใหญ่ที่ดีที่สุด ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจาก British Council & English UK
เที่ยวสุดคุ้ม รับประกันความมันส์ กับกิจกรรมสุดพิเศษ นั่งเรือล่องแม่น้ำเทมส์ พร้อมชมวิวลอนดอนจากมุมสูง ด้วยกระเช้าไฟฟ้า London Eye
กินอยู่สบาย เรียนรู้การใช้ชีวิตและวัฒนธรรมกับเจ้าบ้าน อย่างแท้จริง ได้รับการดูแลโดย Host Family ที่ผ่านการ Screen มาแล้วอย่างดี ทานมื้อเช้า-เย็นที่บ้าน และ Hot Lunch ที่โรงเรียน
เดินทางสะดวก น้องๆ สามารถเดินทางจากบ้านมาโรงเรียน ได้โดยบัสหรือรถไฟ
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพียง 155,000
สนใจติดต่อ บริษัท Key Education ได้ทุกช่องทาง
โทร: 02-656-7130
Facebook: Keyeducation
Instragram: Keyeducation
Line: Keyeducation