รวมความรู้ไส้กรองรถยนต์ สิ่งเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม (เล่ายาวเลย)

ไส้กรองรถยนต์ ไอเท่มง่าย ๆ ราคาไม่แพงที่หลายคนมองข้ามความสำคัญ แต่จริง ๆ เค้าเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่มีผลต่อการใช้งานรถยนต์อย่างมาก

มันเป็นยังไง มีอะไรบ้าง แล้ววันนี้ผมจะอวยยี่ห้อไหนมาชมกัน

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #ไส้กรองรถยนต์ #Mahle #มาฮ์เล่

เชื่อว่าหลายคนเวลาเอารถไปเช็คระยะ คงไม่ค่อยมีใครระบุยี่ห้อไส้กรองกับอู่มากนัก เพราะคิดว่ามันก็แค่ไส้กรอง หรือ อาจจะไม่ทราบว่าเราระบุยี่ห้อให้อู่ได้ แต่จริง ๆ แล้วไส้กรองราคาหลักพันบาท ให้ผลการใช้งานที่แตกต่าง สินค้าคุณภาพจะยืดอายุเครื่องยนต์ของเราได้ อีกทั้งรถยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

โดยเฉพาะช่องเราที่เน้นทำรถให้ดี อายุยืน และ เน้นของคุณภาพ ดังนั้นคนที่ตามผมมาสักระยะจะสังเกตุว่าผมมักจะใช้ยี่ห้อ Mahle และเกือบทุกคลิป รถทุกคันที่ปั้นไป ผมเลือกใช้ไส้กรอง Mahle ทุกครั้งที่มีโอกาส วันนี้เลยจะมาเล่าเรื่องของ Mahle / มาฮ์เล่ และ สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับไส้กรองรถยนต์ให้ฟังกัน

Mahle เป็นแบรนด์สัญชาติเยอรมัน โดยบริษัทเค้ามีประวัติยาวนาน และ ผลิตสินค้าสำหรับยานยนต์มากมายเรียกว่าในรถแบรนด์ยุโรปของเรานั้นมีแบรนด์ Mahle อยู่เยอะมากโดยที่เราไม่รู้ตัว ไล่มาตั้งแต่ลูกสูบ ก้านสูบ ไส้กรองรถทั้งคัน หม้อน้ำ วาล์วน้ำ ออยคูลเลอร์ ลามไปจนถึงอุปกรณ์ในระบบแอร์มากมาย ซึ่งพวกนี้เป็นชิ้นส่วนที่ติดตั้งมาจากโรงงานประกอบรถยนต์แทบทั้งสิ้น

แบบนี้ผมเรียกว่า อะไหล่ OEM หรือ Original Equipment Manufacturer ซึ่งผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แท้ให้รถของเราจริง ๆ ไม่ใช่แบรนด์อะไรก็ไม่รู้ แต่เหมาเรียก OEM เพื่อเรียกราคา หรือ ให้เราเข้าใจผิดว่าของมีคุณภาพ

ด้วยเหตุนี้เวลาผมปั้นรถจึงมักจะเลือกใช้ของแท้ หรือ OEM ที่คุณภาพเทียบแท้จริง ๆ และ ในกรณีของไส้กรอง คือ Mahle ครับ

ในรถของเราไส้กรองจะมีหลายส่วนคือ

กรองน้ำมันเครื่อง
กรองอากาศ
กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
กรองเกียร์
กรองห้องโดยสาร หรือ กรองแอร์

กรองน้ำมันเครื่อง

เราควรเปลี่ยนตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด โดยมากจะอยู่ที่ 8,000 – 10,000 กม. โดยจะต้องเช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง และ เปลี่ยนไส้กรองน้ำม้นเครื่อง

เจ้ากรองน้ำมันเครื่องนี้มีหน้าที่กรองเศษโลหะ หรือ เศษแปลกปลอมที่อาจปะปนเข้ามาในระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์ รถของเราจะมีปั๊มทำหน้าที่ปั๊มน้ำมันเครื่องให้วิ่งผ่านกรองน้ำมันเครื่องเพื่อกรอง ก่อนจะวนกลับเข้าสู่ระบไปหล่อลื่นใหม่ วนอยู่อย่างนี้ไปตลอดการทำงานของเครื่องยนต์

โดยอู่ดี ๆ นั้นเวลาถอดไส้กรองน้ำมันเครื่องออกมา จะตรวจเช็คผ้ากรองด้วยว่ามีเศษโลหะ หรือ มีความผิดปกติใด ๆ หรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่ารถเราไม่มีอาการผิดปกติ หากมีเศษแปลกปลอมจะได้รีบแก้ไขก่อนอาการจะลุกลามใหญ่โต

เห็นไหมครับว่ากรองน้ำมันเครื่องเป็นอะไหล่ราคาหลักร้อยบาทที่ทำงานตลอดเวลา และ สำคัญมากในเครื่องยนต์ ถ้าใช้กรองไม่ดี กระดาษห่วย ก็จะไม่สามารถกรองเศษชิ้นเล็ก ๆ ได้ ทำให้เศษเล็ก ๆ ไปทำลายตัวเครื่อง ระยะยาวเครื่องอาจจะพังได้ หรือ บางกรณีไส้กรองไม่ดี น้ำมันไหลผ่านไม่สะดวก ทำให้แรงดันน้ำมันเครื่องไม่ได้ค่าตามที่รถเราต้องการ เครื่องยนต์จะสึกหรอเร็วกว่าปกติ

กรองอากาศ

กรองอากาศในห้องเครื่องยนต์ ควรเปลี่ยนทุกครั้งที่ถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือ 8,000 – 10,000 กม. แต่ตรงนี้หลายคนอาจเห็นว่าถอดออกมาเช็คแล้วไม่ดำ ใช้ลมเป่าเอาก็ได้ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ไม่ใช่ทุกคันที่ควรทำแบบนั้น

อันนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานมากกว่า รถเรา เรารู้เองว่าใช้หนักแค่ไหน ถ้าวิ่งต่างจังหวัด หรือ วิ่งทางฝุ่น ทางลูกรังบ่อย ๆ เปิดกรองอากาศออกมากแน่นอนว่ามันจะดำน่าเกลียด อันนี้เป็นปุ๊ปเปลี่ยนทันที

แต่สำหรับคนวิ่งในเมืองที่ฝุ่นไม่ดำ ก็ใช่ว่าจะสะอาด เพราะฝุ่นบางประเภทไม่มีสีให้เราเห็น อย่าง PM2.5 ตอนนี้ กรองอากาศดักจับได้ แต่ถอดกรองออกมาจะมองไม่เห็น หรือ มองแล้วเหมือนไม่ค่อยสกปรก

ผมแนะนำว่ากรองอากาศอยากให้เปลี่ยนทุกครั้งที่ถ่ายน้ำมันเครื่อง เพราะกรองสะอาดหมายถึงอากาศที่เข้าเครื่องยนต์จะสะอาดไปด้วย อีกทั้งโฟลวของอากาศที่เข้าเครื่องยนต์จะไหลได้ดีกว่า ส่งผลให้รถวิ่งดีขึ้น ประหยัดน้ำมันมากกว่าไส้กรองที่อุดตัน

กรองห้องโดยสาร หรือ กรองแอร์

ทำหน้าที่กรองฝุ่นละอง และ กลิ่นในรถยนต์ ตัวกรองมักจะคั่นระหว่างโบวเออร์แอร์ในตู้แอร์ กับท่อส่งความเย็นในระบบรถของเรา กรองที่ดีจะต้องกรองอนุภาคเล็ก ๆ ได้ อย่างพวก Mahle LAO หรือ LAK-P ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ เจ้าตัว LAO ผมใช้ประจำกับรถทุกคันที่เค้ามีผลิต แต่ปัจจุบันแทบไม่เห็นในตลาดแล้วด้วยความที่ราคาสูงมาก ที่เห็นทำตลาดหลัก ๆ หาซื้อง่ายราคาไม่แพงคือ LAK-P ที่ตัวกรองเป็นสีเหลือง ตัวกรองใช้ผ้านำเข้าจากยุโรป แล้วนำมาพับ เข้าขอบในเมืองไทย ทำให้ราคาถูกกว่ากรองนำเข้าทั้งชิ้นเยอะมาก ผมว่าเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว

อีกตัวนึงคือ LAK (ผ้ากรองสีเทาดำ) ซึ่งเป็นกรองคาร์บอน ตัวนี้ก็ดี มีคาร์บอนช่วยดูดซับกลิ่นได้ อันนี้ราคากลาง ๆ คุณภาพดีตามมาตรฐาน Mahle เป็นสินค้านำเข้าทั้งตัว ราคาจะแพงกว่า LAK-P (ผ้ากรองสีเหลือง) ซึ่งสำหรับคู่นี้แบรนด์เดียวกัน เราก็เลือกตามงบประมาณเลยครับ

ซึ่งกรองแอร์ที่ดี เนื้อกรองต้องถี่พอให้ดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ ตัวผ้าเคลือบสารป้องกันการอับชื้น ในขณะเดียวกันต้องไม่แน่นจนลมแอร์เราเบากว่าปกติ ซึ่งตรงนี้ Mahle ตอบโจทย์เลย

ประเทศไทยเรามักจะเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 18 -21 องศา ท่ามกลางอาการร้อนชื้น รวมกับปริมาณฝุ่นที่ค่อนข้างมาก แนะนำให้เปลี่ยนกรองแอร์ปีละครั้งเพื่อรักษาความสะอาดสดชื่นในรถยนต์ของเราให้ได้มากที่สุด บางครั้งเราใช้รถไปสักพัก หากรู้สึกว่าเปิดแอร์วูบแรกมีกลิ่นอับชื้น ให้ลองเปลี่ยนกรองแอร์ดูครับ ส่วนมากจะแก้ปัญหาได้

กรองน้ำมันเชื้อเพลิง

ต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ กรองเบนซิน และ กรองดีเซล

สำหรับเครื่องดีเซลพวกรถยุโรป แนะนำให้เปลี่ยนทุก 50,000 กม. ตัวนี้เปลี่ยนง่าย ส่วนมากจะอยู่ใต้ท้องรถบริเวณฝั่งคนนั่งด้านซ้าย จะเป็นกรองทรงกระบอก แล้วมีท่อน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่หัว-ท้าย เค้าจะวางคั่นระบบส่งน้ำมันก่อนจะไปยังชุดหัวฉีด

เครื่องเบนซิน ตัวกรองมักจะอยู่ในถังน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะติดอยู่กับปั๊มติ๊ก (ในรถรุ่นใหม่ ๆ) ทำให้เปลี่ยนยากกว่า แต่โชคดีที่เค้าจะเปลี่ยนตามอาการมากกว่า

อาการที่บ่งบอกว่ากรองเริ่มตัน หรือ เสื่อมสภาพ คือ เวลาเร่งแล้วมีอาการสะดุด เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงไหลไปสู่ระบบหัวฉีดไม่ได้ค่าตามที่รถตัองการ บางทีมีไฟเครื่องโชว์ บางครั้งเสียบคอมฯ แล้วจะขึ้นว่า misfire ครับ

กรองเกียร์

แนะนำต้องเปลี่ยนทุกครั้งที่ถ่ายน้ำมันเกียร์ รถบางยี่ห้อจะติดอยู่กับอ่างน้ำมันเครื่องเลย บางยี่ห้อจะเป็นกรองแยกจากอ่างน้ำมันเครื่อง

กรองตัวนี้สำคัญมาก เพราะเปลี่ยนในระยะโหด ๆ พร้อมน้ำมันเกียร์ที่ประมาณ 50,000 – 100,000 กม. ดังนั้นกรองตัวนี้อย่าประหยัดครับ เลือกใช้ของดีจะดีกับรถเราที่สุด เพราะมันคอยกรองเศษแปลกปลอมในระบบน้ำมันเกียร์ ทำให้น้ำมันเกียร์เราคงความสะอาดเสมอ และกรองที่ดีต้องละเอียดพอที่จะดักจับเศษโลหะเล็ก ๆ แต่ต้องไม่ทึบเกินไปส่งผลให้แรงดันน้ำมันเกียร์ต่ำกว่าค่าที่ตัวรถต้องการ