ถามกันมาเยอะ ให้คำปรึกษากับ FC ที่บังเอิญเดินเจอกันก็แยะ วันนี้เลยทำสรุปมาให้ฟัง ประกอบการตัดสินใจ

ว่าคุณควรซื้อ BMW เครื่องดีเซล หรือ เบนซิน มากกว่ากัน

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #Howto #BMW #Diesel #VS #Benzine

นับว่าเป็นคำถามสั้น ๆ ง่าย ๆ เหมือนตอบง่าย แต่ถ้าสตไล์ผมมันตอบยากครับ 

เพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนมีความชอบต่างกัน มีความไม่โอเคคนละส่วนกัน ลักษณะการใช้รถต่างก้น สไตล์การเหยียบคันเร่งต่างกัน โดยเฉพาะคำว่า “ประหยัด” ของแต่ละคนไม่เท่ากัน

พอเอาทุกอย่างมาเป็นตัวแปร คำตอบของคำว่า “ดีเซล หรือ เบนซิน​” ดีกว่ากันนั้น มันไม่ง่ายเลย ดังนั้นผมให้ข้อมูลจากประสบการณ์ส่วนตัวกับการใช้ และ ซ่อมรถ BMW แบบนี้ครับ

  1. ดีเซล เสียงดัง เครื่องสั่น  เบนซิน นิ่ง เงียบ
  2. ประหยัดน้ำมันกว่า ในอัตราส่วน ดีเซล 2 ถัง วิ่งได้เท่ากัน เบนซิน 3 ถัง
  3. การซ่อมบำรุง ดีเซลโหดกว่าเยอะ ตีคร่าว ๆ หากสภาพโทรมเท่ากันเป๊ะ ๆ ดีเซลจะซ่อมแพงกว่า 50,000 บาทขึ้นไป บางทีอาจแพงกว่าเป็นแสน
  4. ราคาวันนี้ดีเซลแพงกว่า เพราะคนฮิตกว่า
  5. อนาคตขายต่อ ส่วนต่างใกล้เคียงกับวันนี้ที่เราจ่ายแพง เช่น วันนี้ดีเซลแพงกว่าเบนซินคันละ 40,000 บาท อนาคต ราคาขายต่อก็ต่างกัน 40,000 บาท (โดยประมาณ)

ทีนี้พอเอาข้อมูลทุกอย่างมารวมกัน เพื่อน ๆ ก็ลองพิจารณากันว่าเราเหมาะกับดีเซลหรือ เบนซิน

บางคนชอบรถเงียบ ๆ และไม่ได้รู้สึกว่าค่าน้ำม้นต่อเดือนที่อาจจะต่างกันสัก 3 พันบาทมันกระทบอะไรเรามาก เครื่องเบนซินน่าจะเหมาะสมกว่า

บางคนคิดจะเล่นดีเซลเพราะ “เค้าบอกว่า” ดีเซลประหยัดน้ำมัน ก็เลยอยากประหยัดด้วยการซื้อดีเซล แต่หากรวมค่าซ่อมที่เมื่อโซ่ไทมมิ่งหย่อนปุ๊ป ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 130,000 บาท ทันที (กรณีทำช่วงล่างแล้ว) คนที่ซื้อดีเซลเพราะอยากประหยัดเงิน อาจเสียเงินเยอะกว่าเดิม

 

บางคนเล่นดีเซลเพราะทอร์คเค้าเยอะ ไม่ต้องเหยียบคันเร่งมาก รถก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างมีกำลัง 

บางคนชอบเล่นรอบ ก็ชอบเบนซิน เพราะลากรอบในแต่ละเกียร์ได้สูงกว่า เร้าใจกว่า สะใจกว่า โดยเฉพาะสายซิ่งนั้น ควรรู้ไว้ว่าเครื่องดีเซลทำท่อยังไงก็ไม่มีเสียง ต่างกับเบนซินที่ท่อจะเอาลั่นแค่ไหนก็ได้ตราบใดที่ยังมองหน้าเพื่อนบ้านได้อย่างสบายใจ

บางคนใช้รถเยอะ ปีนึง 3 หมื่นโลฯ แบบนี้ไม่ต้องคิด ดีเซลคุ้มกว่าเยอะ ซ่อมสัก 250,000 บาท วิ่งไปอีก 100,000 กิโลสบาย ๆ

เห็นไหมครับ ว่ามีหลายตัวแปรมาก ๆ ในการเลือก เพื่อน ๆ ลองเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียของแต่ละเครื่องแล้วพิจรณาดูนะครับ โดยเฉพาะค่าซ่อมที่ดีเซลหนักกว่ามาก ๆ

เครื่องดีเซล ผมเคยปั้นไปสูงสุด เกือบ 3 แสนบาท

เครื่องเบนซิน ผมเคยปั้นไปสูงสุด แสนกว่าบาท

ส่วนที่โหดที่สุดในการซ่อมเครื่องดีเซล คือ โซ่ไทมมิ่งยืด

เพราะเค้ามีปัญหาโซ่ไทมมิ่งในเครื่องเกือบทุกรุ่นของรหัส F ไม่ว่าจะ F10 F30 F02 F15 F25 และอีกมากหลายหลาย F และพอโซ่หย่อนปุ๊ป การจะเปลี่ยนโซ่ต้องยกเครื่องออกจากตัวรถ ถอดเกียร์ จึงจะเปิดฝาหลังเครื่องเพื่อเปลี่ยนโซ่ สะพานโซ่ และ เฟืองโซ่ได้

พอยกออกมาแล้ว ทีนี้รอบเครื่อง ท่อยาง ท่อแวคคั่ม ท่อน้ำข้างเครื่อง และอีกมากมายเหมือนที่เคยปั้นให้ดูไปก็ต้องเปลี่ยนหมด ยังไม่รวมการทำความสะอาดระบบเขม่าดีเซลอีก รายละเอียดดูได้ที่

[BMW F10 525d] ซ่อมให้เป็นคัมภีร์ ถามว่าอะไรไม่ได้ซ่อมง่ายกว่า

ในขณะที่เครื่องเบนซิน โซ่ไทมมิ่ง เส้นใหญ่กว่า ยืดยากกว่า และต่อให้ยืดก็เปลี่ยนง่าย เพราะโซ่เค้าอยู่หน้าเครื่อง ไม่ต้องยกเครื่องลงทำให้ประหยัดไปเยอะ หลัก ๆ ก็หัวเทียน คอยล์จุดระเบิด หัวฉีด แล้วก็กล่อง ECU

นอกนั้นอะไหล่อื่น ๆ พวกระบบแรคพวงมาลัย แอร์ ระบบหล่อเย็น เกียร์ต่าง ๆ อายุ และ ราคาค่าเปลี่ยนใกล้เคียงกันครับ

แต่ถ้าถามผมนะ ทั้งดีเซล และ เบนซิน ดีหมดครับ ซื้ออะไรก็ไม่ผิด ไม่พลาดแน่นอน

_____________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art