รถจบคนไม่จบ กับแรงม้า 392 ตัวในคราวก่อน บวกความคาใจว่าบูสมาไม่เต็มอาจจะเป็นที่ Intercooler เล็กไป

วันนี้เราพาออกทะเลกันต่อด้วยการเติมของเพื่อไปให้ถึง 400 แรงม้า มาลุ้นกันว่าจะได้มั๊ย

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #Howto #BMW #F02 #740Li #N55 #Intercooler #BlowOff #FTPMotorsport #ChargePipe #BoostPipe

ปฏิบัติการเติมของ

Blow-Off Valve

คราวก่อนเคยรีวิว Turbo Smart blow off valve ไป แล้วถอดออก เพราะตอนนั้นมีอาการบูสมาไม่เต็ม แต่แล้วมารู้ทีหลังว่าตอนที่ทดสอบ smoke test นั้น ดำเนินการผิดครับ 

เนื่องจาก diverter/blow off ตัวนี้เป็นระบบไฟฟ้า ดังนั้นตอน smoke test ต้องกดสวิทช์ On เอาไว้ แบบไม่ต้องสตาร์ทรถ เพื่อให้ไฟไปเลี้ยง blow off วาล์วไฟฟ้าจะได้ปิด 

ทีนี้เลยใส่เข้าไปใหม่ แล้วทดสอบอย่างถูกต้อง …แฮ่ม ๆ ไม่มีควันรั่วแล้วครับ หมายถึง blow off valve ของผมทำงานสมบูรณ์ ตอนนี้เราสามารถคุม diverter ได้ดีกว่าเดิม แถมได้เสียง ฟิ้ว ๆ ตอนถอนคันเร่งปลุกเร้าอารมณ์มาด้วย

Blow off valve ราคา 16,000 บาท

Charge pipe + Boost Pipe

ผมสั่งของ FTP Motorsport จะเป็นท่ออลุมิเนียมเคลือบสีกันความร้อน นำมาทดแทนท่อพลาสติคเดิมของรถ ที่หากรถมีอายุแล้วท่อพลาสติคอาจแตก หรือ รั่วได้ (สามารถทำ smoke test ทดสอบได้)

โดยท่อนี้จะแข็งแรงกว่า บูสหนัก ๆ ท่อจะไม่มีการเสียรูป หรือ แตก โดยเฉพาะ Charge Pipe (ท่อหลังอินเตอร์) ซึ่งเป็นท่อที่อัดอาการเข้าเครื่องขึ้นชื่อเรื่องปากพลาสติคแตก 

ส่วน Boost Pipe (ท่อจากเทอร์โบ เข้าอินเตอร์) ก็ขึ้นชื่อเรื่องอากาศรั่วเช่นกัน โดยมักจะรั่วตรงปากเข้าอินเตอร์

คันนี้ตอนประกอบเครื่องครั้งแรก ท่อ 2 ชิ้นนี้ก็รั่วด้วยความเก่า เบิกใหม่หมดไปหมื่นกว่าบาท ตอนนี้ก็ยังใหม่มาก ๆ ใช้งานได้ดี

แต่ไหน ๆ เราวางแผนรื้อเปลี่ยน Intercooler อยู่แล้ว และ ตอนเปลี่ยน blow off valve ก็จะต้องถอดท่อ Boost pipe เลยตัดสินใจรื้อครั้งเดียวเอาให้ครบ หมดปัญหากังวลในอนาคต

เอาจริง ๆ ตอนนั้นหากสั่งของซิ่งมาตั้งแต่แรก ประหยัดไปเยอะเลย

ชุดนี้ราคา 18,500 บาท

Intercooler

อีก 1 ไอเท่ม ที่รถจูนควรมี ผมอธิบายไปเยอะแล้วใน [How to] Intercooler จำเป็นแค่ไหนสำหรับคุณ สามารถกับไปอ่าน หรือ ดูคลิปเก่าได้ครับ

คันนี้ปัญหาบูสาไม่เต็มนั้น สิ่งหนึ่งที่คาใจผม คือ บูสเยอะขึ้น อัพใบหน้ามาใหม่ อินเตอร์เดิมจะกลายเป็นคอขวดของระบบอากาศหรือเปล่า? อินเตอร์เราเล็กไปมั๊ย 

แบบนี้มันต้องลองครับ เลยเสาะหาอินเตอร์คุณภาพ ในราคามิตรภาพมาทดสอบ ซึ่งเป็นแบบ No brand แต่ผมเช็คคุณภาพแล้ว ดีมาก โดยเฉพาะคออากาศเข้าด้านในมีการเพิ่ม ครีบ จัดเรียงอากาศให้กระจายเต็มหน้าอินเตอร์ฯ อย่างทั่วถึง ซึ่งต้องบอกว่า เหมือนของ Wagner ในราคาถูกกว่าครึ่งนึง

Intercooler ราคา 22,000 บาท เป็นระบบ Bar & Plate ทนทาน เหมาะกับการใช้งานประจำวัน เพราะอมความร้อนช้ากว่า รถติดไม่ต้องห่วงเรื่องความร้อน 

การติดตั้ง ไม่ต้องแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ถอดของเก่า ใส่ของใหม่ได้เลย เพียงแต่ตอนใส่จะฟิต ๆ หน่อย เพราะอินเตอร์ตัวนี้ใช้พื้นที่เดิมของรถอย่างเต็มประสิทธิภาพ 

ใส่เสร็จแล้วช่างอู่ RR Roadrunner ก็จัดการทำขาอลูมิเนียมยึดล่างอีกทีนึงเพื่อความแข็งแรง ใส่เสร็จก็ทำ Smoke Test เช็คอากาศรั่ว ปรากฏว่าสมบูรณ์มาก ไม่มีอากาศรั้่วเลยทั้งระบบ โดยเฉพาะอินเตอร์ ที่สวย ใหญ่ และ สมบูรณ์มาก

ทีนี้อินเตอร์ใหม่ ดีกว่าเดิมแค่ไหน ผมได้ทำการทดสอบแบ่งเป็น 2 แบบ คือ เดินเบาธรรมดา กับ เร่งเครื่องแบบจอดนิ่ง ค้างไว้ที่ 3000 รอบต่อนาที ผลที่ได้คือ

รอบเดินเบาปกติ จอดนิ่ง พัดลม Hatari 1 ตัวเป่าหน้ารถห่าง 4 เมตร

อินเตอร์ฯ เดิมโรงงาน

  • อุณหภูมิภายนอก 30.75 C
  • แรงดันอากาศ 995.55
  • อุณหภูมิหลังอินเตอร์ 58 C

หลังใส่อินเตอร์อัพเกรด

  • อุณหภูมิภายนอก 34.5
  • แรงดันอากาศ 981.09
  • อุณหภูมิหลังอินเตอร์ 49.5 C

เร่งขณะจอดนิ่งที่ 3000 รอบ จอดนิ่ง พัดลม Hatari 1 ตัวเป่าหน้ารถห่าง 4 เมตร

อินเตอร์ฯ เดิมโรงงาน

  • อุณหภูมิภายนอก 30.75 C
  • แรงดันอากาศ 993
  • อุณหภูมิหลังอินเตอร์ 57.75 C

หลังใส่อินเตอร์อัพเกรด

  • อุณหภูมิภายนอก 34.5 C
  • แรงดันอากาศ 992
  • อุณหภูมิหลังอินเตอร์ 50.25 C

จากการทดสอบ อุณหภูมิลดลงเฉลี่ยนประมาณ 12 องศา ทั้งจอดเดินเบา และ เร่งเครื่องขณะหยุดนิ่งในอู่ที่ไม่มีลมประทะ อาศัยแค่พัดลมธรรมดาที่เอาไว้เป่าคนเท่านั้น ถือว่าผลงานทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดมาก ตอนแรกกะว่าลดลงสัก 5 องศา แบบจอดนิ่ง ก็ถือว่าดีมากแล้ว อันนี้ถือว่าสอบผ่าน

คุยกับช่างหลาย ๆ คนที่เห็นผลการทดสอบ เค้าบอกว่าหากขับจริงบนถนนน่าจะลดมากกว่านี้อีกเพราะอากาศปะทะเข้าหน้ารถแบบเต็ม ๆ แต่อันนั้นไม่ขอทดสอบนะครับ มันอันตรายเกินไป และ ก่อนถอนอินเตอร์เดิมไม่ได้วิ่งเก็บข้อมูลก่อน หากทดสอบตอนนี้ก็จะไม่มีข้อมูลเทียบอยู่ดี

เอาตัวเลขมาเทียบดีกว่า เพราะหลังจากเปลี่ยนอินเตอร์อัพเกรดแล้ว นำรถไปขึ้น Dyno วัดแรงม้ากัน จาก Ep ก่อนหน้านี้ เราประกอบเครื่องเสร็จขึ้นวัดได้

392 แรงม้า กับแรงบิด 523ft/lbs ที่เครื่อง @4900 rpm

341 แรงม้า กับแรงบิด 455ft/lbs ที่ล้อ  @4900 rpm

ตอนนี้แรงม้าที่ได้จบที่

431 แรงม้า กับแรงบิด 5119 ft/lbs ที่เครื่อง @5400 rpm

375 แรงม้า กับแรงบิด 455 ft/lbs ที่ล้อ @5400 rpm

ได้แรงม้าขึ้นมา 34 ตัว ถือว่าเยอะมาก ๆ กับการ “ดึง” กว่าเดิมแบบผิดหูผิดตา ทดสอบขับมาหลายวัน ช่วงเที่ยง ๆ อากาศร้อน ๆ อาการรถไม่แรงเหมือนตอนเช้าหายเป็นปลิดทิ้ง เรียกว่าแรงม้าคงที่ทั้งวัน หรือ อาจตกลงเล็กน้อยจนผมไม่รู้สึกก็ได้

แต่สรุปแล้ว อินเตอร์ ราคา 22,000 บาท ตอบโจทย์ผมได้อย่างคุ้มค่ากับราคาจับต้องง่าย จนรู้สึกว่า เราจะสั่งมาทำ OEM แบรนด์ตัวเองขายดีมั๊ย 555

แล้วยังไงต่อ?

เอาจริง ๆ ก็พึงพอใจกับสมรรถนะที่ได้แล้ว เพราะเกินกว่าที่ใช้จริงในชีวิตประจำวันไปเยอะ แต่ผมอยากไปให้สุด กับรถ daily use ระดับ Luxury ที่เน้นเหนียว ใช้งานได้จริง แรงแบบผู้ใหญ่ไม่ให้ใครจี้ตูดเล่น

ดังนั้นผมวางเอาไว้ที่ 400 แรงม้าที่ล้อ หรือประมาณ 450 แรงม้าที่เครื่อง ซึ่งเราจะต้องทำอะไรต่อ ใช้งบเท่าไหร่ ติดตามชมตอนต่อไปครับ

_____________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art