Benz E-Class กับ BMW ซีรีย์ 5 ซื้ออะไรดี อันนี้เป็นปัญหาโลกแตกที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่จะตอบตัวเองได้

บทความนี้จึงทำขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลอีกด้านสำหรับรถมือสอง เพื่อประกอบการตัดสินใจให้ได้รถเหมาะกับความต้องการ

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #Mercedes #Benz #w212 #EClass #BMW #F10

สำหรับคนใจร้อน อยากเสพข้อมูลสั้น ๆ ง่าย ๆ บอกเลยว่า

“BMW แรงกว่า ขับสนุกกว่า สปอร์ตกว่า แต่ Benz นั่งสบายกว่า ขับง่ายกว่า พี่ รปภ. บริการถึงใจกว่า”

ถามว่า Benz อืดมั๊ย ไม่นะ เพียงแต่ถ้าต้องเทียบหาผู้ชนะ BMW มันชนะ ก็เท่านั้น

สำหรับรายละเอียด How to ซื้อ ผมมีทำไว้แล้วทั้ง 2 รุ่น ดังนี้

สามารถอ่านประกอบการพิจรณาได้ แต่ถ้ายังไม่มีเวลาไปอ่าน ผมสรุปสั้น ๆ ให้ได้ดังนี้

BMW F10 ซีรีย์ 5 

  • ช่วงอายุโฉมเปิดตัวปี 2010 – 2013
  • รุ่นปรับโฉมหรือ LCI ปี 2014 – 2016

ตัวปกติ และ LCI ต่างกันที่สังเกตุง่าย ๆ แต่อาจไม่ครบทั้งหมด ดังนี้

  1. ไฟหน้าเปลี่ยนใหม่เป็น Adaptive LED
  2. ไฟท้ายปรับสี
  3. กันชนหน้าเปลี่ยนใหม่
  4. ย้ายไฟเลี้ยวย้ายจากแก้มไปอยู่กระจกมองข้าง
  5. รุ่นท๊อป จอทีวีหัวหมอนเปลี่ยนทรง

Mercedes Benz W212 E-Class

  • ช่วงอายุโฉมเปิดตัวปี 2010 – 2013
  • รุ่นปรับโฉมหรือ Facelift ปี 2014 – 2016

ตัวปกติ และ Facelift ต่างกันที่สังเกตุง่าย ๆ แต่อาจไม่ครบทั้งหมด ดังนี้

  1. ไฟหน้าเปลี่ยนจาก 4 ตา เป็นไฟรวม
  2. ไฟท้าย LED
  3. ชุดกันชนรอบคันใหม่
  4. แผงแอร์คอนโซลหน้าเปลี่ยนใหม่
  5. เกียร์ย้ายมาไว้ที่คอพวงมาลัย เปลี่ยนจากเกียร์ 5 Speed เป็น 7 Speed 
  6. หน้าจอเรือนไมล์ เปลี่ยนเป็นจอสี
  7. จอ Command รุ่นใหม่
  8. พวงมาลัยทรงใหม่
  9. ที่เท้าแขนกลางเปลี่ยนทรงใหม่

ปล. รุ่นเปิดตัวช่วงรอยต่อปี 2013 จะได้เกียร์คอ 7 Speed และ จอเรือนไมล์สี

จะเห็นได้ว่าอายุ และ การปรับโฉมของ W212 และ F10 ไล่เลี่ยกันมาก ๆ และเค้าเป็นคู่ที่เพื่อน ๆ เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว

บทความนี้จะมาแยกแยะเชิงเปรียบเทียบให้อ่านใน “มุมมองของผม” ซึ่งไม่อาจครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็หวังว่าจะพอเป็นข้อมูลให้ตัดสินใจได้ โดยขอแบ่งการเปรียบเทียบเป็นส่วน ๆ ดังนี้

  1. หน้าตา
  2. การขับขี่
  3. การนั่ง
  4. Option / อุปกรณ์ต่าง ๆ
  5. ราคา
  6. จุดอ่อน
  7. การบำรุงรักษา
  8. อู่ / อะไหล่
  9. ของแต่ง

คำเตือน

บทความนี้ อ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัว และ ความเห็นส่วนตัว อาจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ข้อมูลไม่ครบถ้วนทั้งหมด

โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล

หน้าตา

F10 ภายนอกดูใหญ่ คาแรคเตอร์ดูทันสมัย และโฉบเฉี่ยว ไม่ว่าจะเป็นก่อน หรือ หลัง LCI เนื่องจาก ก่อน หรือ หลัง LCI ตัวรถไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

W212 ภายนอกดูแบน และ เล็ก คาแรคเตอร์โดยรวมรถดูสุขุม นุ่ม ลึก เพียงแต่โฉม 4 ตา (ก่อน Facelift) อาจดูไม่ทันสมัยเท่าไหร่ ผิดกับตัว Facelift ที่ดูทันสมัยมาก โฉบเฉี่ยวขึ้นมาก สำหรับผมยังคงดูทันสมัยแม้ปัจจุบันรุ่น W214 จะเปิดตัวแล้วก็ตาม

แต่ทั้งคู่ ให้ความรู้สึก หรูหรา ยามเกรงใจไม่ต่างกัน เพียงแต่ภาพลักษณ์ของ Benz ให้ภาพจำความป๋า แจกทิปมากกว่า เวลาไปห้างฯ Benz ยามจะกุลีกุจอมากกว่า (คหสต)

การขับขี่

การเปรียบเทียบนี้ ผมเทียบแบบพยายามเลือกผู้ชนะ อยู่บนพื้นฐานให้เข้าใจตรงกันว่า ดีทั้งคู่ ตอบโจทย์หายห่วงนะครับ

ดังนี้ผมขอพูดรวม ๆ ว่า BMW แรงกว่า ตอบสนองการกดคันเร่งได้ดีกว่า ไม่ว่าจะความเร็วต่ำ หรือ ความเร็วสูง กดเมื่อไหร่ก็มา ไม่มีความอืดให้เห็นไม่ว่าจะเป็นเครื่องตัวไหน BMW มีคาแรคเตอร์สปอร์ตมากกว่า

ในขณะที่ Benz จะเน้นเซ็ทรถให้นุ่มนวล ไม่กระชาก ขับง่ายไม่ต้องเลี้ยงคันเร่งเพราะกลัวผู้โดยสารจะเวียนหัว แถมเผลอ ๆ หลับได้อีก ช่วงความเร็วสูง จังหวะเร่งแซงตอนเดินทางไกล ไม่มีปัญหา W212 ทำได้สบายมาก

ระบบช่างล่าง BMW ออกแนวคมกว่า แน่นกว่า Benz ที่เน้นความนุ่มนวลเหมือนเคย แต่ความเกาะถนนทำได้ดีทั้งคู่โดยไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเลย

แต่เจ้า F10 ก่อนปี 2013 (ก่อน LCI) จะได้ระบบเลี้ยว 4 ล้อ ฟิลลิ่งการขับขี่ การกลับรถ ทำได้คมกว่า Benz แต่หลังจากปี 2013 จะโดนตัดระบบนี้ออก ทำให้ความคมลดลงไป ส่วนตัวผมว่าไม่ต่างกับ Benz แล้ว

การนั่ง / ภายใน

BMW F10 ตัวท๊อป 525d, 528i และ 523i ปี 2010 – 2013 จะได้เบาะ comfort ที่ยกมายาก ซีรีย์ 7 F02 ดังนั้น เบาะคู่หน้านั่งสบายที่สุดในสามโลก ไม่มีใครกินเค้าได้เลย

แต่พอหลังจากเลิกใช้เบาะ Comfort ในปี 2013 แล้วแถมเป็นจอหลังเบาะให้แทน (พร้อมกับตัดระบบเลี้ยว 4 ล้อ) บอกเลยว่านั่งสบายสู้ W212 ไม่ได้ ทั้งทรง ทั้งความนุ่ม และ ทุก ๆ อย่าง ดังนั้นหากไม่ใช่ Comfort Seat งานนี้แพ้ W212 ครับ

เบาะหลัง F10 ก็ยังคงนั่งไม่สบาย หนา ๆ แข็ง ๆ แถมพื้นที่โดยรวมแคบกว่า W212 นั่งแล้วเมื่อยหลัง และ เมื่อเข่า ยิ่งทางไกลยิ่งเห็นผลว่า W212 ซึ่งถึงที่หมายแล้ว ผู้อาวุโส ไม่มีใครบ่น

W212 นั่งสบายกว่า F10 ในทุกตำแหน่งแบบไม่มีอะไรคาใจ

สำหรับ BMW F10 ตัวเบาะ M Sport ต้องเป็นคนที่ชอบจริง ๆ คนตัวใหญ่ หรือ คนเน้นนั่งสบายสไตล์รถหรู อย่างได้ขับเชียว 

Option / อุปกรณ์ต่าง ๆ

อุปกรณ์ที่จำเป็นในมุมมองของ Mercedes Benz ประเทศไทย ต่างกับ BMW อย่างมาก

BMW F10 ได้ Option มากกว่า ดีกว่าต้้งแต่รุ่นถูกสุด ไม่ว่าจะเป็น Keyless, Push Start หรือ จอหลัง ประตูดูด ในรุ่นท๊อป

แต่ Benz W212 รถศูนย์แทบไม่ได้อะไรเลย ยังคงต้องกดรีโมทกุญแจ และเอากุญแจเสียบสตาร์ท

ดังนั้นในส่วนนี้ Benz แพ้ไปแบบไม่ต้องเขียนอะไรมาก

ราคา

ทั้ง 2 ตัว มีอายุไล่ ๆ กัน หากเป็นรุ่นก่อน LCI / Facelift ทั้ง 2 ตัว ราคาไม่หนีกันมาก เริ่มต้นกันที่ 7 แสนกว่าแล้ว (ณ. เดือน พฤษภาคม 2565)

แต่พอเป็น LCI / Facelift F10 ราคา จะไม่ค่อยต่างกับ W212 โดยอ้างอิงจากรุ่น 528i กับ E200 ซึ่งเป็นเครื่องเบนซินเทอร์โบทั้งคู่

ในขณะที่ F10 LCI 525d รุ่นพิมพ์นิยม ราคาจะแพงกว่า W212 ประมาณ 10% เพราะ W212 รถศูนย์ไทยมือสอง ไม่มีเครื่องดีเซลให้เลือก

แต่ W212 Facelift มีเครื่อง ดีเซลไฮบริด แทน ซึ่งราคาจะถูกกว่า E200 เนื่องจากการซ่อมบำรุงระบบไฮบริดแพงมาก ราคามือสองจึงตกลงหนักมาก อนาคตหากมีทางเลือกสำหรับแบตฯ ไฮบริดที่ถูกลง ผมว่าราคาอาจดีดขึ้นมาได้

จุดอ่อน

BMW F10

เครื่องดีเซล ถือว่าทน แต่ต้องตรวจสอบรอบเครื่องพวกท่อยางต่าง ๆ และ ล้างทำความสะอาด DPF ท่อไอดี และส่วนประกอบต่าง ๆ เนื่องจากจะมีคราบเขม่าเกาะกรัง เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่วน EGR ก็ต้อง regenerate ใหม่ แต่ถ้าเสียนี่แพง ๆ ทั้งนั้นเลยครับ

จุดที่เครื่องดีเซล BMW ต้องหมั่นเช็คทุก 100,00 กิโล คือ โซ่ไทมมิ่ง ที่จะยืด และ ทำให้เครื่องพังได้

F10 มีอาการประจำตัวคือน้ำรั่วไปกองอยู่พื้นเบาะหลังฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นเพราะแผ่นปิดช่องพวงมาลัยซ้าย หลังเกะเก็บของที่เป็นยางเสื่อมสภาพ ทำให้น้ำรั่วเข้ามาจากแผงจิ้งหรีดกระจกบังลมหน้า

เครื่องเบนซิน ก็ทน ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ อย่างมากก็ชุดซ่อมเทอร์โบ และ อุปกรณ์ยางต่าง ๆ และ ชุดคอยล์จุดระเบิด

หากซื้อมาแล้วก็ตรวจฝาครอบโบลวเออร์ในห้องเครื่องว่ากรอบ แตกไปตันหรือไม่ ป้องกันโบลวเออร์แอร์เสีย

ภายใน F10 อาการประจำตัวคือ มือจับลอก ที่เก็บของเบาะหลังหัก ที่เก็บเหรียญหัก ช่องปิดที่วางแก้วน้ำหัก ผ้าหลังคาร่่วง

Mercedes Benz W212

เครื่องเบนซินตัวก่อน Facelift เป็น M271 Evo ชอบมีปัญหาเฟืองแอดวานซ์เสีย มอร์เตอร์ไฟฟ้าล็อคคอพวงมาลัยเสีย อื่น ๆ ก็ซ่อมตามสภาพ 

พอเป็นเครื่อง M274 ปัญหาเฟืองแอดวานซ์แก้ไขแล้ว้ มอเตอร์ไฟฟ้าล้อคคอพวงมาลัยเลิกใช้แล้วเพราะเป็นเกียร์คอแทน

ดังนั้นเครื่อง M274 ถือว่ามีจุดซ่อมน้อยกว่า M271 Evo ในตัวก่อน Facelift ผมซื้อมาซ่อม 4 คันแล้ว ไมล์ตั้งแต่ 100,000 – 150,000 กม. แต่ละคันไม่เจออะไรหนัก ๆ เลย

ส่วนเกียร์ 7 สปีด ตัวนี้ต้องระวัง หมั่นถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 80,000 – 100,000 กิโลฯ เพื่อยืดอายุการใช้งาน

ภายใน W212 ปุ่มลอก ผ้าหลังคาร่วง อื่น ๆ ไม่มีอะไรครับ ดูแลง่ายมาก

ซ่อมบำรุง

ค่าอะไหล่ช่างล่าง อะไหล่เครื่องยนต์ต่าง ๆ ทั้ง BMW และ Benz ในปัจจุบัน โดยรวมแทบไม่ต่าง เจรียมไว้สัก 3 – 4 หมื่นบาทต่อปี (หลังจากซ่อมชุดใหญ่มาแล้ว)

ค่าบำรุงรักษาต่อปี ไม่ต่างกรณีรถปี และ สภาพเดียวกัน

จากประสบการณ์ปั้นรถทั้ง 2 รุ่น หากไมล์เท่ากัน ค่าใช้จ่ายในการซ่อมหนัก ๆ สไตล์ผม BMW สูงกว่าประมาณ 20% โดยเฉพาเครื่องดีเซล เพราะมีจุดต้องทำเยอะมากกว่าเครื่องเบนซินใน Benz

แต่หากเทียบเครื่องเบนซินใน F10 แล้ว เจ้า W212 เครื่อง M271 Evo ตัวก่อน Facelift ซ่อมเยอะกว่า 528i / 520i พอเป็นเครื่อง M274 ซ่อมพอ ๆ กับ 528i / 520i กรณีปีเดียวกัน ไมล์ใกล้เคียงกัน

สรุปเอารุ่นไหนดี

สั้น ๆ ง่าย ๆ คือ “BMW แรงกว่า ขับสนุกกว่า แต่ Benz นั่งสบายกว่าในทุกที่นั่ง” เลือกสไตล์ที่ชอบเลย ส่วนผมเน้นนั่งสบายมากกว่า เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อย “เกรี้ยวกราด” เหมือนเมื่อก่อน เลือก W212 ครับ

ส่วนอู่ที่ซ่อมในคลิปนี้ และอู่ ซ่อมรถอื่น ๆ ผมรวบรวมให้แล้วในบทความนี้

รวมรายชื่ออู่ที่พี่อาร์ตแนะนำ ซ่อม Benz, BMW

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art