420d รถออกศูนย์เดือน 11 ปี 2014 จดทะเบียน 2015 วิ่งมาแล้ว 67,xxxx กิโลฯ รถสวย ภายในเนี๊ยบมาก ลองขับแล้วแน่นเฟิร์มดี คิดว่าน่าจะเก็บงานไม่เยอะ

แต่….พอรื้อออกมายังโดนไปอีกหลายอย่าง ส่วนจะโดนอะไรบ้างมาดูกัน

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #BME #F32 #Howto #420d #430i 

สารภาพเลยว่าจั่วหัว “เรียกแขก” ไปอย่างนั้นแหละ จริง ๆ รถคันนี้สวยมาก พื้นฐานดีมาก ๆ ประวัติเข้าศูนย์ทุกเม็ด แม้กระทั้งเคลมประกันเก็บสีรอบคันตอนเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา

แต่ที่จั่วหัวแบบนี้เพราะมี FC อินบ็อคมาถามบ่อย ๆ ว่า รถมือสองซื้อมาต้องเอามา “ซ่อมใหญ่” ครั้งแรกเป็นแสนเหมือนที่ผมชอบทำมั๊ย หรือ ขับตามสภาพ แล้วเสียค่อยซ่อมก็ได้

บทความ และ คลิปด้านบนนี้จึงทำให้ดูว่า รถสวย ๆ แบบเจ้า 420d คันนี้ จริง ๆ สามารถขับได้เลย แต่ถ้าเรารื้อออกมาเช็คทั้งคันก่อนใช้งาน จะทำให้เราได้ใช้รถที่สมบูรณ์จริง ๆ วันหลังหากรถมีอาการผิดปกติ เราจะสามารถจับอาการออกได้ง่ายกว่า

อีกทั้งยังมีหลายชิ้นที่ผมมักจะซ่อมก่อนเสีย เพราะประหยัดเงินกว่ารอให้เสียแล้วซ่อม อย่างเช่น คอน้ำข้างเครื่อง ที่ควรเปลี่ยนตามอายุการใช้งานเลย ในราคา 1,300 บาท แต่หากให้คอแตก ต้องเรียกสไลด์เข้าอู่ เพราะขับไม่ได้ ถ้าฝืนขับ เดี๋ยวน้ำแห้ง เครื่องพังต่อยาวเลย เห็นไหมครับ แค่ค่ารถสไลด์ก็แพงกว่าค่าคอน้ำแล้ว

ส่วนคันนี้ก็ไปเช็คชุดใหญ่ที่ RR RoadRunner ลาดพร้าว 80 ตามตามสเต็ปดังนี้

ส่วนของเหลว

รถวิ่ง 67,xxx เข้าศูนย์ตลอด รับรองน้ำมันเกียร์ยังไม่เคยเปลี่ยนแน่นอน เพราะศูนย์ BMW ไม่ชอบเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และมีความเข้าใจผิด หรือ สื่อสารผิดว่าน้ำมันเกียร์ของ BMW นั้นเป็น LifeTime แต่เชื่อเถอะครับ ถามอู่ไหนก็ได้ (ที่ไม่ใช่ศูนย์) ทุกคนบอกเลยว่าน้ำมันเกียร์ต้องถ่าย

ถ่ายน้ำมันเกียร์ออกมาดู ก็ดำปิ๊ดปี๊ตามคาด จัดการถ่ายน้ำมมันเกียร์ ZF และ เปลี่ยนอ่างเกียร์ใหม่

ส่วนน้ำมันเครื่อง ในระบบแจ้งว่าเหลืออีก 6,000 กม. แต่คันนี้ปั้นแล้วไม่ได้ใช้ต่อ หากรอ FC ที่ชอบมารับต่อไป ผมจึงสั่งรีเซ็ตใหม่ทั้งหมด จะได้จบเรื่องไป

น้ำมันเฟืองท้าย ก็ถ่ายทิ้งเปลี่ยนใหม่เช่นกัน เพราะศูนย์น่าจะไม่เปลี่ยนเหมือนเคย

ส่วนเครื่องยนต์

เครื่องดีเซลของ BMW พวก N47 ควรต้องเช็คโซ่ไทมมิ่งว่ายืดหรือยัง โดยอู่ RR. Roadrunner ใช้เครื่องมือพิเศษตรวจความตึงของโซ่ โดยไม่ต้องเปิดฝาเครื่อง พบว่าตอนนี้ความตึงอยู่ในเกณฑ์ใช้งานได้ปกติยังไม่ต้องทำอะไร ซึ่งจริง ๆ แล้วตัวโซ่ จะเริ่มยืด หรือ ควรจะเปลี่ยนตอนระยะ 1 แสนกิโลฯ ขึ้นไป คันนี้วิ่ง 67,xxx กม. ดังนั้นมันยังไม่หย่อนก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

หลังจากเช็คโซ่แล้ว ก็ดำเนินการล้างทำความสะอาดระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น DPF, EGR, ท่อไอดี ต่าง ๆ เพราะเครื่องดีเซลจะมีคราบเขม่าดำติดอยู่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังพบว่าโอริงตรงท่อเข้าอินเตอร์คูลเลอร์เริ่มมีอาการรั่วซึม จึงจัดการเปลี่ยนไปทั้งชุด

ส่วนอื่น ๆ ก็เป็นพวกซีล มู่เล่ย์ และ สายพานหน้าเครื่อง รวมถึงคอน้ำข้างเครื่อง มีรายการดังนี้

  1. มู่เล่ย์หน้าเครื่อง
  2. สายพานหน้าเครื่อง
  3. ยางแท่นเครื่อง
  4. ยางแท่นเกียร์
  5. ซีลข้อเหวี่ยงหน้า
  6. กรองอากาศ
  7. กรองแอร์
  8. ลิ้นไอดี
  9. คอน้ำบน
  10. ท่อไหลกลับเข้ากระปุก
  11. โอริงคอ
  12. โอริงท่อระบายไอน้ำมันเครื่อง

ส่วนช่วงล่าง

คันนี้ตอนขับทดสอบ รู้สึกว่าแน่นดี เหมือนจะไม่มีอะไร แอบได้ยินเสียงกุ๊ก ๆ เบา ๆ ที่ช่วงล่างหน้าขวา พอรื้อออกมาเห็นเลยว่าปีกนกหน้าขวาลูกหมากแตก เริ่มมีน้ำม้นซึมออกมาแล้ว ส่วนปีกนกซ้ายเริ่มมีรอยฉีกขาดที่ลูกหมากเช่นกัน

จัดการเปลี่ยนทุกอย่างที่จำเป็นไปดังนี้

  1. ปีกนกบน ซ้าย-ขวา
  2. ปีกนกล่าง ซ้าย-ขวา

ส่วนโช้คอัพยังดีอยู่ โดยเป็นช่วงล่างระบบ Adaptive Suspension หรือ โช้คไฟฟ้าที่อัพเกรดมาใช้ของ Bilstein กระบอกเหลือง ประกันถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023 สบายหายห่วง

รวมรายการซ่อมไปทั้งหมดดังนี้

  1. น้ำมันเครื่อง 550 x 5.5 ลิตร =  3,025 บาท
  2. กรองน้ำมันเครื่อง 600 บาท
  3. น้ำมันเกียร์ 650 x 6 ลิตร = 3,900 บาท
  4. อ่างน้ำมันเกียร์ 2,600 บาท
  5. น้ำมันเฟืองท้าย 750 บาท
  6. มู่เล่ย์หน้าเครื่อง 6,600 บาท
  7. สายพานหน้าเครื่อง 750 บาท
  8. ยางแท่นเครื่อง 2,600 x 2 = 5,200 บาท
  9. ยางแท่นเกียร์ 1,000 x 2 = 2,000 บาท
  10. ซีลข้อเหวี่ยงหน้า 2,000 บาท
  11. กรองอากาศ 1,100 บาท
  12. กรองแอร์ 1,400 บาท
  13. ลิ้นไอดี 2,500 บาท
  14. คอน้ำบน 1,300 บาท
  15. ท่อไหลกลับเข้ากระปุก
  16. โอริงคอ 450 บาท
  17. โอริงท่อระบายไอน้ำมันเครื่อง
  18. ปีกนกบน ซ้าย-ขวา
  19. ปีกนกล่าง ซ้าย-ขวา
  20. เช็คโซ่ไทมมิ่ง 1,500 บาท
  21. ล้างท่อไอดี 2,000 บาท
  22. ค่าบริการ 3,000 บาท

นอกจากนี้ผมยังมีเบิก แผงจิ้งหรีด กับ ใบปัดน้ำฝนมาจากย่านวัดโสมฯ

  1. แผงจิ้งหรีดเบิกศูนย์ 2,300 บาท
  2. ใบปัดน้ำฝน Valeo 1,050 บาท

รวมเก็บงานทั้งสิ้น 62,675 บาท

หากใครสนใจตามรอยไปทำ ติดต่อนัดคิวกับอู่เอาเองตามเบอร์ด้านล่างนี้ ผมไม่มีส่วนได้ ส่วนเสียใด ๆ ทั้งสิ้น พิจารณากันเอาเองจ้า

งานนี้ถือว่าไม่เยอะ ไม่ถึง 5% ของราคารถมือสองในปัจจุบัน ถือว่ารับได้เลยครับ เพียงแต่อย่างที่บอก รถสวย ขับแล้วเหมือนไม่มีอะไร ไม่ได้หมายความว่าซื้อมาแล้วไม่ต้องซ่อมครับ

งานนี้ซ่อมไปครบทั้งหมดที่เจอในวันนี้ สบายใจไปอีกยาว เพราะหลายอย่างถ้าไม่ทำวันนี้อนาคตอาจจะพังยาว ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ คอน้ำบน ราคาแค่ 1,300 บาท แต่หากรอจนพังงานนี้ยาวครับ

ก็หวังว่าบทความนี้พอจะเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ได้ ส่วนจุดอื่น ๆ ที่คันนี้ไม่ได้ซ่อม เพื่อน ๆ สามารถอ้างอิงจาก Vlog ซ่อม BMW F30 คันน้ำเงินของผมได้ครับ เพราะเครื่อง และ อะไหล่ส่วนมากเป็นตัวเดียวกัน

BMW F30 320d ปี 2013 วิ่ง 8 หมื่น ซื้อมาปั้น โดนค่าอะไรบ้าง?

ส่วนอู่ที่ซ่อมในคลิปนี้ และอู่ ซ่อมรถอื่น ๆ ผมรวบรวมให้แล้วในบทความนี้

รวมรายชื่ออู่ที่พี่อาร์ตแนะนำ ซ่อม Benz, BMW

 

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art