แกะกล่อง Galaxy Tab S ขาวขอบทอง จอคม ๆ 8.4 นิ้ว กล้อง 8 ล้าน

จากข่าว ซัมซุง Galaxy Tab 4 รุ่นที่อายุสั้นที่สุด มาดูตารางเปรียบเทียบสเปคกัน จนสรุปแล้วตัดสินใจซื้อ Tab S หน้าจอ 8.4 นิ้วมารีวิวแก้เซ็งกัน

รีวิวมือถือสมาร์ทโฟนไปแล้วหลายรุ่น ทั้งรุ่นราคาประหยัด และ รุ่นแพง ๆ จนสังเกตุว่าไม่ได้รีวิวแท๊ปเล็ตแอนดรอยนานมากแล้ว เลยเริ่มต้นมองหาแท๊ปเล็ตหมื่นกลาง ๆ คุ้มค่ามารีวิวฝากแฟน ๆ

เท่าที่มองในตลาดตอนนี้แท๊ปเล็ตในตลาดมีมากมายหลายราคาหลายคุณภาพให้เลือกซื้อ แต่หากต้องการแท๊ปเล็ตสเปคดี ๆ สักตัวเอาไว้ใช้งานอย่างคุ้มค่านั้น มีให้เลือกไม่เยอะจริง ๆ ยิ่งหากโจทย์คือ คุ้มราคา ขายต่อง่าย โทรศัพท์ได้ หน้าตาทันสมัย คำตอบจริง ๆ ก็เหลือไม่กี่ตัว และ มักจะหล่นมาที่ยี่ห้อ ซัมซุง ทุกที

ตัดสินใจสอย Galaxy Tab S หน้าจอ 8.4 นิ้ว รุ่นล่าสุดจากข่าว Samsung เปิดตัว Galaxy Tab S รุ่นล่าสุด…สเปคเป็นไงมั่งมาดูกัน มารีวิวให้ชมกัน

ส่วนตัวผมใช้ iPad Mini with Retina เป็นแท๊ปเล็ตคู่กาย (ใช้ร่วมกับลูกชาย) และ หากมีเวลาก็จะทำรีวิวเปรียบเทียบกันให้ชมเหมือนเคย

ว่าแล้วมาดูซิว่าจ่ายเงินไป 16,900 บาทเราได้อะไรบ้าง

Galaxy Tab S 8.4 นิ้ว

รองรับ 4G LTE โทรศัพท์ได้ (ใส่ได้ 1 ซิม)
ซีพียู 8 แกน โดยเป็นการใส่ 4 แกนลงไป 2 อัน QuadCore 1.9 กิ๊ก + QuadCore 1.3 กิีก
แรม 3 กิ๊ก
ระบบปฏิบัติการ Android KitKat 4.4.2
หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 8.4 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล
กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล
กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
หน่วยความจำในตัวเครื่องมีให้เลือก 16 กิ๊ก และ 32 กิ๊ก
เพิ่มการ์ดได้สูงสุด 128 กิ๊ก
แบตเตอรี่ความจุ 4,900 มิลิแอมป์
ขนาด 125.6 x 212.8 x 6.6 มิลิเมตร
มีสีดำไททาเนียม และ ขาวขอบทอง

มาเริ่มแกะกล่องกันโลด

หน้ากล่องลายไม้พร้อมรูปตัวเครื่องที่หน้ากล่องตามสไตล์ซัมซุงที่ใช้มาจนคุ้นเคย….แต่ เปลี่ยนบ้างเหอะเบื่อแล้ว

เปิดกล่อง เลื่อนกล่องด้านในออกมาจะเจอ Galaxy Tab S รุ่นหน้าจอ 8.4 นิ้ว ใส่ซองที่ไม่รู้ผ้า หรือ กระดาษ แต่นิ่มมาก ตัวเครื่องแน่นกล่องกันเลยทีเดียว ใครทำกล่องตกพร้อมเครื่องคงจะน่าหวาดเสียวไม่น้อย

ด้านหลังกล่องมีสเปคคร่าว ๆ ทำให้เรารู้ว่าเครื่องศูนย์ไทยมามุขเดิมอีกแล้วกับการนำรุ่น SM-T705 ที่เป็น OctaCore หรือ ซีพียู 8 แกนมาขาย โดยรุ่นนี้ใช้ซีพียูของซัมซุงเอง ซึ่งแน่นอนว่าประสิทธิภาพจะสู้รุ่นที่ใช้ QuadCore ของ Snapdragon ไม่ได้

OctaCore คือการเอา QuadCore รุ่นปกติมาใส่เข้าไปในเครื่อง 2 ตัว โดยแต่ละตัวจะทำงานแต่ละหน้าที่ต่างกัน ไม่ได้ทำงานพร้อมกันทั้งหมด ดังนั้นเครื่องจะไม่ได้แรงตามจำนวนแกนซีพียู แต่จะแรงตามความเร็วของซีพียูที่ทำงานหน้าที่นั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากระบบการทำงานใช้ซีพียูส่วนของ QuadCore 1.9 กิีก มันก็จะเร็วแค่ 1.9 กิ๊ก ต่างกับรุ่น QuadCore Sanpdragon ที่ซีพียูวิ่ง 2.3 กิ๊ก ทำให้การทำงานมันเร็วกว่ากันแบบรู้สึกได้ทันที

แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า Octacore จะ “ห่วย” นะครับ เพียงแต่มันแรงสู้ไม่ได้เท่านั้น

ยกเครื่องออกมา เปิดฝากล่องกระดาษลงไปก็จะเจอกับอุปกรณ์ที่ให้มาแบบมาตรฐาน ที่ดูโล่ง ๆ นั้นเพราะเครื่องมันใหญ่นั่นเอง ไม่ได้ให้มาน้อยนะจ๊ะ 555

อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย

ตัวเครื่อง
คู่มือเริ่มต้นใช้งาน
ใบรับประกัน
สายดาต้า
อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟบ้าน
หูฟัง
ซิลิโคนสำรอง 2 คู๋

ใบรับประกันแบบจิ๋วตามสไตล์ซัมซุง เอาใจวัยรุ่น เพราะวัยชรา เอ้ย….ผู้อาวุโสไม่มีปัญญากรอกได้แน่นอน ดังนั้นใครกรอกได้แสดงว่ายังเด็กอยู่ อิ อิ อิ O_o*

คู่มือฉบับย่อสำหรับเริ่มต้นใช้งาน ที่ไม่ค่อยได้เปิดอ่านกัน ดูรีวิวแทนแล้วกันนะจ๊ะ

สายดาต้า เอาไว้ต่อกับคอมพิวเตอร์โอนถ่ายข้อมูลลง Tab S หรือ จะเอาไว้ชาร์จไฟกับปลั๊กที่เป็นหัว USB ก็ได้

อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟบ้าน ที่เมื่อเอาไปเสียกับสายดาต้าแล้วจะกลายเป็นสายชาร์จได้ทันที

หัวแปลงไฟนี้จ่ายไฟแรง ๆ ที่ 2 แอมป์เพื่อทำให้แบตเตอรี่ขนาดยักษ์ 4,900 มิลิแอมป์เต็มเร็วขึ้น

หูฟังแบบ InEar หรือ “จิ้มเข้ารู” เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลงแบบไม่รบกวนคนรอบข้าง หรือ จะเอามาใช้โทรศัพท์ยิ่งดีใหญ่ไม่ต้องถือเครื่องใหญ่ ๆ มาแนบหู

จุกหูฟังซิลิโคนสำรองอีก 2 คู่ 2 ขนาดให้เลือกใช้ตามสรีระรูหูของเรา

ใครรูใหญ่ รูเล็ก ก็เลือกกันตามสะดวก…หึ หึ

ดูอุปกรณ์เรียกน้ำย่อยกันไปจนเพื่อน ๆ คงจะรำคาญแล้วชิมิ ถึงเวลาพระเอกของเรา Samsung Galaxy Tab S หน้าจอ 8.4 นิ้ว สีขาวขอบทอง!!!!!!

ด้านหน้าตัวเครื่อง หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 8.4 นิ้ว คมชัดสุด ๆ ด้วยความละเอียดสูงกว่า Full HD ด้วยการแสดงผลที่ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล (FullHD = 1920 x 1080 พิกเซล)

ตัวเครื่องสีขาวสวยงาม พร้อมขอบรอบหน้าจอสีขาวสะอาดตา

ด้านหลังเอาแนวคิด และ ดีไซน์ของ galaxy S5 มาเป๊ะ ๆ คือเป็นพลาสติคเคลือบด้วยสารที่ให้ความรู้สึกคล้ายยาง พร้อมรูบุ๋ม ๆ ป้องกันการลื่นหลุดมือ มองเผิน ๆ เหมือน S5 ขยายขนาดด้วยไฟฉายโดราเอมอน 555

สวยดีนะ แต่ส่วนตัวชอบแบบฝาหลัง “หนังหลอกลวง” เหมือน Note 3 มากกว่า

กล้อง 8 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อมไฟแฟรช LED

โลโก้ซัมซุงสีทองบนพื้นสีขาวสวยงามมากครับ ชอบ ๆ

เคสผมยังไม่ได้ซื้อนะครับ แต่เท่าที่เช็คมาจะมีขาย 3 สีคือ ดำ แดง และ ขาว สนนราคาค่าตัวคือ 1,890 บาท โอ้ววววมายก๊อดดดดด

ปุ่มกลม ๆ ที่เห็นเอาไว้เชื่อมต่อกับเคสของซัมซุง โดยเค้าใช้ชื่อว่า Book Cover Case ที่ปรับการใช้งานได้ 3 โหมดคือ View, Touch และ Type ซึ่งก็เรียกไปเก๋ ๆ อย่างนั่นแหละ มันก็คือเคสที่พับฝามาตั้งได้ 3 ระดับนั่นเอง

ใครอยากเห็นรีวิวพร้อมเคส บอกเลยว่าเสียใจด้วยนะจ๊ะ เดินถามมาหมดแล้ว สรุปเคสยังไม่เข้า….อดปาย

ขอบด้านข้างสีทองสวยงามทำจากวัสดุอลูมีเนียม แข็งแรง น้ำหนักเบา ที่สำคัญให้อารมณ์หรูหราทันสมัย เข้ากั๊นเข้ากับ กับตัวเครื่องสีขาว สีโปรดของผม

ด้านขวามือของตัวเครื่องเรียบ ๆ โชว์สีทองชัด ๆ

ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องรวบรวมทุกอย่างเอาไว้ฝั่งนี้ฝั่งเดียวเพื่อความสะดวกเวลาใส่เคสฝาปิด

โดยจากบนลงล่างจะเป็น ปุ่ม Power, ปุ่มปรับเพิ่ม – ลดเสียง, ช่องอินฟราเรด, ช่องใส่เมมโมรี่ขนาด MicorSD และ ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Micro Sim

ด้านบนของตัวเครื่องที่เห็นช่องรี ๆ ยาว ๆ นั้นเป็นลำโพง ซึ่ง Tab S ทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมลำโพงสเตอรีโอ โดยจะมีลำโพงอยู่ทั้งหัวเครื่อง และ ก้นเครื่อง เวลาวางแนวนอนแล้วจะกลายเป็นลำโพงซ้าย – ขวา ดูหนังกันสนุก สนั่นกันไปข้างนึง

ส่วนรูปกลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนรูเข็มที่ขอบเครื่องด้านขวาน่าจะเป็นรูไมโครโฟนสำหรับอัดเสียงเวลาถ่ายวีดิโอ

ด้านล่างของตัวเครื่องตรงกลางจะเป็นช่องเสียบสายดาต้าแบบ Micro USB มาตรฐานสามาร์ทโฟนปัจจุบัน

รูกลม ๆ ใหญ่ ๆ เป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาตรฐานทั่วไป ส่วนรูกลม ๆ เล็ก ๆ อีกฝั่งนึงจะเป็นรูไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์ ในกรณีที่คุณใช้แท๊ปเล็ต 8.4 นิ้วยกขึ้นมาคุยโดยไม่พึ่งพาหูฟัง หรือ บลูทูธ

ด้านหน้าส่วนบนก็เหมือนมือถือปกติทั่วไป คือ ตรงกลางเป็นช่องลำโพงสนทนาโทรศัพท์ ขนาดด้วยเซ็นเซอร์จับการทำงานต่าง ๆ กล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล และ ไฟ LED แสดงสถานะ

ด้านหน้าส่วนล่างก็เช่นกัน ประกอบด้วยปุ่ม 3 ทหารเสือ ตรงกลางเป็นปุ่มโฮมอันเลื่องลือของซัมซุงที่เคยมีปัญหาฟ้องร้องกับ Apple มาแล้วว่าไปก๊อปของเค้ามาใช้

ขนาดข้างด้วยปุ่มย้อนกลับ และ ปุ่มเมนูที่ปัจจุบันระบบปฏิบัติการแอนดรอย์ล่าสุดอย่าง Kitkat 4.4 ใช้เป็นปุ่ม Task Manager คือจะแสดงรายชื่อแอพฯ ที่ใช้งานอยู่ สามารถปิด หรือ สลับใช้แอพฯ ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

Galaxy Tab S มาพร้อมระบบจดจำลายนิ้วมือ ทำให้เราสามารถปลดล็อคหน้าจอด้วยการรูดนิ้วผ่านปุ่มโฮมเหมือนรุ่นเทพอย่าง Galaxy S5 ได้ และ แน่นอนว่ามันมีระบบ Private Mode ที่ทำให้เราซ่อนไฟล์ต่าง ๆ ที่เป็นส่วนตัวได้ หมดปัญหาเรื่องคลิปหลุดสินะ

แท๊ปเล็ตตัวนี้แม้จะมาด้วยหน้าจอใหญ่ถึง 8.4 นิ้ว แต่ยังคงจับถนัดมือ (ใหญ่ ๆ ของผม) และ ด้วยความบาง และ น้ำหนักที่เบามาก ๆ เพียง 298 กรัม ทำให้สัมผัสแรกรู้สึกว่าน่าจะใช้งานคล่องตัวพอดี ไว้รอใช้นานกว่านี้แล้วจะมาสรุปให้ฟังอีกทีในรีวิวภาคจบ

หน้าตาเมนูการใช้งาน หรือ UI (User Interface) ของซัมซุงที่เรียกว่า TouchWiz UI ตัวล่าสุด ใช้งานเหมือน Galaxy S5 นั่นแหละ เพราะม้นคือ S5 ขยายขนาด 555

หน้าตาเมื่อเรียกใช้งานโทรศัพท์ เค้าคงลืมขยายขนาดปุ่มกดมาด้วย

ล้อเล่นหน่ะครับ….เค้าทำปุ่มกดโทรศัพท์มาเพื่อให้เรากดง่าย ไม่ใช่ใหญ่เต็มจอ จะโทรหาใครทีเอื้อมกดเบอร์กันเมื่อย

โดยรวมแล้วหลังจากแกะกล่อง และ สัมผัสตัวเครื่องคร่าว ๆ ลองเล่นโน่นนั่นนี่ ส่วนตัวผมว่ามันดีทีเดียว หน้าจอคมชัดสะใจ ทำให้การใช้งานได้อารมณ์พรีเมี่ยม สเปคแรง ๆ ไม่อายมือถือรุ่นแพง ๆ โดยเฉพาะขนาดที่พอเหมาะกับความเป็นแท๊ปเล็ต แต่บาง และ เบา พกพาสะดวก ที่สำคัญมันยังใช้เป็นโทรศัพท์ได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะซื้อมาเป็นโทรศัพท์+แท๊ปเล็ต คือ พกเพียงเครื่องเดียวใช้คุ้ม หรือ จะใช้เป็นแท๊ปเล็ต+โทรศัพท์ คือ พกเพิ่มอีกเครื่องจากมือถือที่มีอยู่ จะใช้มันเป็นโทรศัพท์ก็ไม่ใช่เบอร์หลัก

ฟีเจอร์ล้ำ ๆ อย่าง Ultra Power Saving Mode หรือ โหมดโคตรประหยัดพลังเงาน, ระบบปลดล็อคด้วยนิ้วมือ หรือ แม้แต่ Private Mode จากรุ่นใหญ่ Galaxy S5 เค้าใส่มาให้ครบ ๆ ทำให้ Tab S ตัวนี้ลูกเล่นแพรวพราวที่สุดในตลาดแท๊ปเล็ตแอนดรอย์

การใช้งานจริง ๆ จะเป็นอย่างไร กล้อง 8 ล้านจะชัดแค่ไหน ที่สำคัญ….เมื่อมันเทียบกับ iPad Mini with Retina แล้วต่างกันอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันต่อไป