มาแล้วจ้า ร้อน ๆ กับรีวิวแรกของปี 2557 เปิดซิงด้วยสมาร์ทโฟนแอนดรอย์ที่เฝ้ารอมานาน Samsung Galaxy Note 3 รุ่น “4G LTE” ซึ่งแอบวางจำหน่ายเปิดศักราชใหม่ได้ 2 วัน
ถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านบทความ ไตรภาครีวิว แกะกล่อง Samsung Galaxy Note3 แกะไป บ่นไป (รูปเยอะเหมือนเดิม) คงพอจะได้รู้สเปค และ หน้าตาของ น้องโน๊ต กันแล้ว และ คงจะพอทราบว่าเจ้าโน๊ต 3 เนี่ยมันมี 2 รุ่น ดังนี้
- รหัส SM-N900 เป็น Exynos Octa Core หรือ ซีพียู 8 แกนที่เค้าว่ากันว่าเปราะบาง พังง่าย คุณภาพต่ำ
- รหัส SM-N9005 เป็น Sanpdragon หรือ ซีพียู 4 แกนที่สื่อส่วนมากรีวิวออกมาว่าแรงกว่า ทนกว่า ปัญหาน้อยกว่า
ในคราวที่ศูนย์ไทยนำเข้า Samsung Galaxy Note 3 มาจำหน่ายก็ดันทุรังเอารุ่น 3G ที่ใช้ซีพียู Exynos เหมือนเดิม และ โดนรุมสกรำพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น
“ยัดเยียดของคุณภาพต่ำให้คนไทย”
“ทำไมไม่เอามาขายทั้ง 2 รุ่น”
“บ้านเราก็มี 4G นะเฟ้ย”
ประมาณนี้แหละซึ่งหากใครตามข่าวช่วงนั้นคงพอจำกันได้ และในที่สุด ซัมซุง ประเทศไทย ก็ทนแรงเสียดทานไม่ไหว ตัดสินใจนำเข้า Galaxy Note3 หรือ Note III ที่ใช้ ซีพียู QuadCore ของ Sanpdragon เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการจนได้ โดยเริ่มวางจำหน่ายหลังปีใหม่นี่เอง ด้วยราคา 24,900 บาท แพงกว่าตัวเดิม 1,400 บาท ในขณะที่เครื่องหิ้วมาบุญครองรุ่นเดียวกันนี้ขายกันอยู่เพียง 19,500 บาทเท่านั้น
ผมเองอยากลอง โน๊ต3 LTE มานานแล้ว แต่ลังเลเรื่องเครื่องนอกเล็ก ๆ จนในที่สุดเครื่องศูนย์ก็เข้ามาขายให้เราซื้อผ่อน 0% เย้…….จัดมาครอบครองเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเองพอดี และนี่คือที่มาของกระทู้นี้
ซัมซุง กาแลคซี่ โน๊ต3 LTE ราคา 24,900 บาท มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้
- มือถือแอนดรอย์ตัวล่าสุด ที่มีสเปคดีที่สุด ลูกเล่นมากที่สุด
- ระบบปฏิบัติการล่าสุด 4.3 Jellybean และ รอดัเดท KitZKat ก้นในอนาคต
- หน้าจอ 5.7 นิ้ว Full HD แบบ Super AMOLED
- หน้าจอความละเอียด 1920 x 1080
- ซีพียู Snapdragon QuadCore ความเร็ว 2.3 กิ๊ก
- กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน
- มีปากการะดับเทพ จดได้ทุกที่ ทุกเวลา
- ลูกเล่นล้ำ ๆ จาก Galaxy S4 ไม่ว่าจะโบก จะแอบดู จะหยุดภาพอัตโนมัติ
- สามารถถ่ายวีดิโอแบบสโลวโมชั่น และ ถ่ายวีดิโอคุณภาพระดับ 4K ได้
ก่อนจะไปชมส่วนอื่น ๆ และคุยถึงประสิทธิภาพว่าจะแตกต่างกับรุ่นปกติหรือไม่นั้น มาชมแกะกล่องตามสไตล์ xenon_art เจ้าเก่ากันก่อน
ตัวกล่องตระกูลกาแลคซี่เป็นลายไม้ทั้งหมด ไม่ว่าจะรุ่นถูก รุ่นแพง เท่าเทียมกันหมด โดยหน้ากล่องมีเพียงคำว่า Galaxy Note 3 เท่านั้น และ ไม่มีสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็น 4G LTE แต่อย่างใด
ด้านข้างเหมือนเดิมทุกประการ
ด้านหลังของกล่องมีสเปคคร่าว ๆ ที่พอให้เรารู้ว่าเสียเงินไป 24,900 บาท ได้อะไรมาบ้าง ซึ่งเมื่อก่อนผมมองว่ามันเหมือนโฆษณามากกว่าเสปคข้างกล่อง แต่ทำไปทำมาเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ แล้ว ต้องยอมรับว่าแบบนี้มันเข้าใจง่ายดี
ยกเว้นมือใหม่ หรือ คนหัดเล่น ไม่ทราบข้อมูลอะไรมาก่อนมากนักอาจรู้สึกว่ามันไม่ละเอียดเท่าที่ควร
โดยความจำ 32 กิ๊กนี้ เราจะได้ไม่เต็มเช่นเคยเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ หรือ ระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ไม่ต้องตกใจอะไรไป เพราะถ้าแบบนี้เรียกว่าโกงก็โกงมันทุกยี่ห้อ เพียงแต่….ซัมซุง ใส่ลูกเล่น โฆษณา และ ไฟล์ที่ผมไม่ได้ใช้เยอะไปหน่อย จึงใช้หน่วยความใจในตัวเครื่องไปถึง 6 กิ๊ก สำหรับระบบปฏิบัติการ ดังนั้นเราจะเหลือเมมให้ใช้ประมาณ 25 กิ๊ก ซึ่งผมว่าเหลือ ๆ แถมมีเมมอีก 32 กิ๊ก งานนี้ใช้สบายยยยย
รหัสตัวเครื่อง SM-N9005 บ่งบอกความเป็น 4G LTE ที่ใช้ซีพียู Snapdragon ระดับ QuadCore ตัวแรงที่สุดในปัจจุบัน
รุ่นน 3G ใช้ซีพียู OctaCore หรือ 8 แกน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมายไปทั่วโลกเนื่องจากเป็นการเอา CPU QuadCore 2 ตัว ตัวดีตัวนึง ตัวห่วยตัวนึ่งมาฝังลงบนบอร์ดเดียวกัน เพื่อให้ช่วยกันทำงาน
ที่สำคัญการทำงานของ CPU 8 แกนนั้นไม่ได้ทำงานพร้อมกัน ช่วยกันทำงานแล้วจะได้การทำงานที่เร็วขึ้ัน ประหยัดขึ้น แต่….มันเป็นการเลือกทำงานว่า งานไหนใช้แกนไหน ส่วนแกนที่ไม่ได้รับคำสั่งก็ไม่ได้ทำงาน ดังนั้นมีเหมือนไม่มี
เปิดกล่องออกมาก็……แน่นอนว่าเป็น กาแลคซี่ โน็ต 3 สีขาว สีโปรดของผมนอนเต็มกล่องแบบฟิต ๆ เลย
พอเอาตัวเครื่องออกมาเช็คอุปกรณ์ และ การจัดวางต่าง ๆ เหมือนกัน โน๊ต 3 ตัว OctaCore ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรครับ มันคือมือถือรุ่นเดียวกัน เสปคเหมือนกันทั้งหมดยกเว้น ซีพียู และ เมมโมรี่การ์ด ที่แถมมาเพียง 16 กิ๊ก เท่านั้น
ดังน้้น…….บรรดาอุปกรณ์ต่าง ๆ ในกล่องผมขอใช้ภาพจากรีวิวโน๊ต3 เดิมนะจ๊ะ แบบว่าขี้เกียจอะ 555
ยกเครื่อง เปิดฝาด้านในก็จะพบกับอุปกรณ์เรียงอย่างเป็นระเบียบ มีกระดาษคั่นแบ่งสัดส่วนกันลงตัว ผมชอบการจัดเรียงแบบนี้
อุปกรณ์ที่ท่านจะได้
1 ตัวเครื่อง
2 สายดาต้า / สายชาร์ต
3 หัวปลั๊กชาร์ตไฟบ้าน
4 หัวปากกาพร้อมคีมเปลี่ยนหัว
5 หูฟังสมอลทอล์ค
6 ซิลิโคนหูฟังสำหรับเปลี่ยน 2 คู่
7 คู่มือภาษาไทยฉบับย่อ
8 เมม 16 กิ๊ก (แถมเฉพาะเครื่องศูนย์ไทย)
ชุดคู่มือฉบับเล็ก ที่พยามยามใช้กระดาษน้ำตาล สื่อถึงการรักษ์ธรรมชาติ (หรือเปล่า?) แต่มันเป็นธีมเดียวกันกับตัวกล่องลายไม้
คู่มือ อืม…ขอเรียกเป็นใบปลิวดีกว่า เพราะไม่ได้บอกวิธีการใช้งานอะไรละเอียดนัก มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่กี่หน้า ซึ่งก็เพียงพอให้เราสามารถเริ่มต้นใช้งานพื้นฐานทั่วไป และ ฟีเจอร์สุดล้ำของซัมซุงได้อย่างสบาย
หูฟังแบบ In Ear พร้อมแจ๊กขนาด 3.5 มม. ตามมาตรฐาน
มีซิลิโคนอีก 2 ขนาดเอาไว้ให้เปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมกับสรีระของรูหูเรา
อะแดปเตอร์ หรือ หัวปลั๊กชาร์ตไฟบ้านที่เมื่อเอาสายดาต้ามาเสียบประกอบร่างจะแปลงเป็น สายชาร์ต โดยหัวแปลงไฟนี้สามารถเสียบไฟได้ทั่วโลกขอ
อแดปเตอร์ จ่ายไฟให้ Note3 ที่ 2 แอมป์ เหมือนเดิม
สายชาร์ต / สายดาต้า อ่า……คราวนี้ซัมซุงเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีก ไหงให้หัวสายมาแบบไม่เหมือนชาวบ้าน จากปกติเป็นหัวแบบ MicroUSB ที่สามารถใช้ร่วมกับชาวบ้านได้หมด ทิ้งให้ไอโฟนเป็นสามาร์ทโฟนเจ้าเดียวที่ใช้อะไรกับใครไม่ได้ จนรัฐบาลกลางยุโรปเริ่มจะเล็งบังคับให้ไอโฟนใช้หัวปลั๊กเหมือนคนอื่น เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค
แต่งานนี้ซัมซุงให้หัวแบบ USB 3.0 ซึ่งยังไม่มีใครใช้กันในตลาดสมาร์ทโฟน โดยหลักการแล้วหัวแบบนี้จะโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่าแบบปกติ ดังจะเห็นได้จากพวก external hard drive หลาย ๆ รุ่นในปัจจุบันใช้สาย USB 3.0 กันมาขึ้นเรื่อย ๆ
ดูกันชัด ๆ หัวแปลงที่อาจจะทำให้พวกเราต้องเสียเงินซื้อของซัมซุงใช้เท่านั้นหากสายเสีย หรือ ไปหาสายเทียบใช้กัน ถ้าต้องการใช้ให้เหมือนเป๊ะ
แต่………..ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องร้อง “ว้ายยยยยยย…..ซัมซุงมันบ้าไปแล้วเว้ยเฮ้ย”
ไม่ขนาดนั้นครับ xenon_art ลองเอาสาย MicroUSB มาตรฐานโลกมาลองชาร์ต และ เสียบเป็นสายดาต้าโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาใด ๆ
ปัญหาของการใช้ USB 3.0 กับ สมาร์ทโฟนที่เห็นตอนนี้จะเป็นความยุ่งยากของผู้บริโภคอย่างเรา ๆ เพราะหากพกสายซัมซุงไปไหนมาไหน ไม่สามารถเสียบกับชาวบ้านได้เท่านั้น ดังนั้นหากท่านมีอุปกรณ์หลายตัว คงต้องทิ้งสาย ซัมซุง ไว้บ้านแล้วพกสายมาตรฐานแทน
อีกส่วนหนึ่งที่แอบชื่นชมคือ คราวนี้ ซัมซุง ใส่ใจในรายละเอียดมาก ๆ โดยจากข้อมูล และ เสียงสะท้อนของผู้ใช้งาน Note ตัวเก่านั้น พบปัญหาหัวปากกาสึกจากการใช้งาน อีกทั้งมีความต้องการหัวปากกาไม่เหมือนกัน ดังนั้นใน Note 3 จึงมีหัวสำรองมาให้ใช้อีก 5 หัว และ เป็นหัวไม่เหมือนกันนะ มีทั้งหัวแหลม และ หัวทู่ พร้อมกับแหนบเอาไว้คีบเปลี่ยนหัวปากกาด้วย
ว่าแล้วก็มาถึงพระเอกของเรา กับ น้องโน๊ต3 ระบบ LTE ที่หลาย ๆ คนเฝ้ารอเพราะไส้ใน Snapdragon
ด้านหน้าตัวเครื่องสวยงามตามแบบของ ซัมซุง หน้าตาการออกแบบปรับปรุงจากเดิมเล็กน้อย โดยยังคงคอนเซปต์ สี่เหลี่ยมลบมุม หน้าจอ 5 นิ้ว แบบ Super AMOLED HD สวย คม สีจัดจ้านตามแบบ ซัมซุง
ขอบจอบางทำให้ได้หน้าจอใหญ่แต่เครื่องไม่ต้องใหญ่ตามไปด้วย มาพร้อมปุ่มโฮมที่เคยมีคดีฟ้องร้องกับ แอปเปิ้ล ข้อหาลอกเลียนแบบ เอาไว้ควบคุมโน่น นั่นนี่
ด้านหน้าตัวเครื่องไม่ใช่สักแต่จะเป็นสีขาวนะครับ แอบมีรายละเอียดเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ทำให้สีขาวไม่น่าเบื่ออีกต่อไป โดยลายดังกล่าวจะสะท้อนออกมาขึ้นอยู่กับการหักเหของแสง
ตัวปุ่มโฮมปรับเปลี่ยนเพิ่มรายละเอียดลงไป โดยเป็นปุ่มสีเดียวกับตัวเครื่อง แต่ขอบปุ่มมีวงแหวนสีเงินคาดโดยรอบ เอ๊ะ งานนี้ใครก๊อปใครระหว่าง iPhone 5s กับ Samsung Note 3
ด้านหลังสีขาวสวยงาม มีโลโก้ Samsung สีเงินสวยงามอยู่บนฝาหลังหนังสีขาว “หลอกลวง” มีตะเข็บเดินด้ายสีขาว “ปลอม ๆ โดยรอบฝาหลัง ซึ่งจะเกือบเหมือนกันทุกอย่างกับ น้องโน๊ต3 3G รหัส SM-N900
จุดเดียวของภายนอกตัวเครื่องที่จะบ่งบอกเราได้ว่าเป็นตัวแพง น้องโน๊ต 3 4G รหัส SM-N9005 คือ คำว่า “LTE” ที่ฝาหลังส่วนล่างเท่านั้น นอกนั้นรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกันเป๊ะ ๆ
ที่บอกว่ามันเป็นฝากหลังหนังสีขาวเดินตะเข็บแบบ “หลอกลวง” นั้น ก็เพราะว่ามันไม่ใช่หนังครับ แต่เป็นพลาสติคแต่ปั๊มขึ้นรูปพร้อมลายหนัง และ ตะเข็บ……โถ ทำไปได้
ใครที่ไม่เคยจับ ดูแต่โฆษณา หรือ ภาพโปรโมทจะนึกว่าซื้อซัมซุงเครื่องละสองหมื่นกว่าแล้วได้ฝาหลังเป็นหนังแท้ ต้องบอกว่า……เสียใจไอ้น้อง ต้องเสียเงินอีก 1,700 บาท ไปซื้อเคสฝาหลังแบบมีฝาปิดเป็นหนังมาเปลี่ยนแทนนะจ๊ะ
จุดนี้เป็นจุดที่ผมไม่ชอบที่สุดของเครื่องนี้ บ่นไปตั้งแต่ตอนรีวิว น้องโน๊ต 3 3G แล้วหล่ะ คือถ้าเค้าจ้างมารีวิวคงจะเขียนว่า…..ฝาหลัง วัสดุพลาสติคนั่นอย่างดี ดูแลรักษาง่าย เลอะยาก แถมยังทำให้ตัวเครื่องยังคงความเบา และ บางเอาไว้ตามแนวทางของ ซัมซุง โดยแท้……ฮิ้วววว เมพขิง ๆ 555
ด้านบนเป็นกล้องระดับ 13 ล้านพิกเซลพร้อมไฟ LED 1 ดวง โดยเชื่อว่าปีหน้าคงต้องเปลี่ยนเป็น 2 ดวงตามกระแส ก๊อป ไอโฟน 5เอส หึ หึ
กล้องจะชัดเพียงใด รอชมรีวิวเรื่องกล้องตามสไตล์ xenon_art เร็ว ๆ นี้ แต่เกริ่นไว้ก่อนเลยว่า เท่าที่ลองไป 2 – 3 รูป……ประทับใจพอสมควร
ขอบรอบตัวเครื่องเคลือบสีอลุมีเนียมเงางาม แถมเป็นร่องเล็ก ๆ 6 ร่องรอบเครื่องให้ความแปลกตากว่า Note รุ่นก่อน ๆ ที่เป็นเพียงสีเงินเท่านั้น
ด้านข้างซ้ายของตัวเครื่องเป็นปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง
ด้านข้างขวามือเป็นปุ่ม ปรับเพิ่ม – ลดเสียง
ด้านบนของตัวเครื่องก็เหมือนซัมซุงรุ่นอื่น ๆ คือ มีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาตรฐานโลกในปัจจุบัน ทำให้สามารถสำหูฟังยี่ห้ออื่นที่ถูกใจมาใช้ฟังเพลงได้อย่างสะดวก
ด้านล่างของตัวเครื่องตรงกลางช่องหย่าย ๆ เป็นช่องเสียบสายดาต้า รูกลม ๆ เล็ก ๆ เป็นลำโพสสนทนาโทรศัพท์ ส่วนช่องรี ๆ ยาว ๆ นั้นเป็นลำโพง
ไอ้ที่มุมนั้นไม่บอกคงต้องร้องอ๋อว่า มันคือปากกา S Pen ตัวใหม่ที่มากับ Note รุ่นใหม่ล่าสุดนั่นเอง
ด้านหน้าส่วนบนตรงกลางเป็นลำโพงสนทนาโทรศัพท์ ด้านข้างเป็นไฟ LED แสดงสถานะ และ เซ็นเซอร์การใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ
ถัดไปอีกหน่อยเป็นกล้องหน้าระดับ 2 ล้านพิกเซล
ด้านหน้าส่วนล่างก็ปกติของซัมซุงตระกูล กาแลคซี่ ทั่วไปคือ มีปุ่มโฮมตรงกลาง ขนาบข้างด้วยปุ่มเมนู และ ย้อนกลับ
ปุ่มเมนู และ ย้อนกลับเป็นปุ่มแบบสัมผัส มาพร้อมไฟที่ติดขึ้นมาหากอยู่ในที่มืด
ด้านหลังมุมบนจะมีร่องเอาไว้ “แงะ” ฝาหลังที่โดนหลอกว่าเป็นหนังออกมา ตอน “แงะ” ต้องค่อย ๆ นิดนึง ไล่แงะจากบนลงล่าง และ จากซ้ายไปขวา มันจะดัง แกร๊บ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องกังวลครับ เป็นปกติของ ซัมซุง อยู่แล้ว เพราะฝาหลังมันบางหน่ะ
นี่ไงครับ เขี้ยวล็อคฝาหลังที่มีอยู่รอบ ทำให้ฝาบาง แต่แน่นสุด ๆ
เปิดฝาหลังออกมาก็จะเห็นแบตเตอรี่ความจุ 3,200 mAh เหมือน โน็ต 2 และ ช่องใส่เมม ใส่ซิมที่แปลกตาไปกว่าเดิม
ช่องเมม อยู่ทับช่องใส่ซิม ไม่ต้องตกใจคัรบ ใช้งานง่ายมาก ๆ เพียงแต่การจะเอาซิมใส่เข้าไปต้องถอดแบตออกเท่านั้น จากนั้นก็เสียบซิมเข้าไปตรง ๆ
ส่วนเมมก็คว่าหน้าลงเสียบเข้าไปตรง ๆ เช่นกัน แน่นหนาดีไม่มีปัญหาอะไรตรงจุดนี้
ด้านหลังมุมล่างจะเป็นปากกา S Pen เสียบอยู่แบบแน่น ๆ ไม่ต้องกลัวหาย การถอด และ เก็บทำได้สะดวกดีเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
ดึงออกมาปุ๊ป หน้าจอติดพร้อมเปิดแอพโน๊ตพร้อมให้เราจด จด จด จด และก็ จด เอกลักษณ์ และ จุดขายของโน๊ต3 เลยนะ
ปากกาหน้าตาคล้ายของเดิม แต่ดูแล้วสวยกว่าเดิมไม่รู้ว่าเห่อของใหม่ไปเองหรือเปล่า
ตัวด้ามสีขาวเข้ากับตัวเครื่อง มีปุ่มกดสั่งงานอยู่ที่ตัวด้าม ตรงปลายเป็นสีเงินพร้อมร่องธีมเดียวกับขอบรอบตัวเครื่อง
โลโก้ซัมซุงที่ปลายด้ามปากกา S Pen
มันมาพร้อมระบบปฏบัติการ Android 4.3 Jelly Bean เหมือนเดิมไม่ใช่ ตัวล่าสุดอย่าง 4.4 KitKat ซึ่งเราคงต้องรอให้ซัมซุงออกอัพเดทกันต่อไป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ Samsung Galaxy Note3 LTE ตัวแรง ๆ ที่เป็นประเด็นมาตั้งแต่เปิดตัวในไทย เพราะเครื่องศูนย์ไทยนำตัว 3G ธรรมดาเข้ามาขาย ซึ่งเค้าคิดว่าพอแล้ว (มั๊ง) สำหรับคนไทย แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ 3G หรือ 4G หรอกครับ มันอยู่ที่ ซีพียู หัวใจของตัวเครื่องต่างหากที่คนเค้าเรียกร้องกัน
โดยช่วงนั้นมีเสียงก่นด่ากันจากหลายเวปว่าทำไมไม่นำเข้ามาจำหน่ายทั้ง 2 รุ่น หรือ นำเข้าเฉพาะรุ่น LTE ที่ใช้ Snapdragon ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าตัว 3G ที่ใช้ ซีพียู Octacore ของซัมซุง ซึ่งพิสูจน์มาแล้วจาก Samsung Galaxy S4 ว่ามัน “ไม่โดน” และ ทำให้เครื่องเสียงง่าย อาการเปิดไม่ติด นอนแน่นิ่งกันไปหลายเครื่อง
วันนี้ได้ น้องโน๊ต3 4G มาครอบครองจะได้ลองให้หายคันว่าที่เวปนอก และ สื่อไทยหลาย ๆ ที่เค้าบอกกันนัก บอกกันหนักหนาว่ามันดีกว่าจะเป็นอย่างไร
เบื้องต้น จากการใช้งานฟังค์ชั่นพื้นฐานได้ 2 วัน บอกได้เลยว่า…..อาการ “lack” หรือ จอดำแป๊ปนึงก่อนหน้าจอโทรศัพท์จะติดนั้นไม่มีให้เห็น ส่วนการใช้งานหนัก ๆ ที่เรียกประสิทธิภาพของซีพียูเทพ ๆ อย่างเล่นเกม และ ถ่ายวีดิโอนั้นยังไม่ได้ทดสอบ
แบตเตอรี่ใช้วันที่ 2 เอาสายชาร์ตออกตอน 8 โมงเช้า (เต็ม 100%) ใช้งานปกติ ไม่ได้เล่นเกม ไม่ได้ดูวีดิโอ เพียงแค่โทรออกรับสาย ส่งข้อความ เล่น Line และ BBM กับถ่ายรูปไป 20 รูป เช็คอีกทีตอน 6 โมงเย็นเหลือแบต 60%
เพื่อน ๆ สามารถติดตามชมรีวิวส่วนอื่นน ๆ ได้เร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ขอเล่นให้เต็มที่ก่อน
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ซื้อน้องโน๊ต 3 รุ่น 3G มาแล้วก็ไม่ต้องเสียใจไปครับ มันได้แรงต่างกันขนาดนั้น จะมีต่างกันเห็นชัด ๆ ก็เรื่องถ่ายวีดิโอ…..ปลอบใจตัวเองไป
ใครที่ยังไม่มีโน๊ต 3 ในครอบครอง และ กำลังเล็ง ๆ อยู่ ก็รอชมรีวิวจนครบ หรือ ถ้าคันมากและจ่ายอีก 1,400 บาทได้ ก็จัดรุ่น 4G ไปเลยครับ
ถ้าใครไม่ง้อประกันศูนย์ ไปจัดเครื่องหิ้วก็ได้ไม่ถึง 2 หมื่นบาท
ติดตามตอนต่อไปที่นี่เร็ว ๆ นี้จ้า
สเปคอย่างเป็นทางการ กาแลคซี่ โน๊ต3
- ระบบปฏิบัติการ Android Jellybean 4.3
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย
- หน่วยประมวลผล QuadCore Sanpdragon
- แรม 3 กิ๊ก
- หน้าจอแบบ Super AMOLED Full HD 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบ High CRI
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- มีหน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 กิ๊ก เพิ่มเมมแบบ MicroSD ได้สูงสุด 64 กิ๊ก
- แบตเตอรี่ความจุ 3,200 mAh
- มีระบบ Dual Camera, Sound & Shot, Animated Photo, Eraser Shot, Drama Shot และ 360 shot
- มีระบบ Group Play แชร์เพบง รูปภาพ ไฟล์เอกสารกับซัมซุงเครื่องอื่นได้
- Multi Vision แชร์วีดิโอ และ เชื่อมต่อมือถือให้เป็นหน้าจอเดียว
- Air Gesture: Air Browse, Air Call Accept และ Air Move
- S Translator ที่ไม่มีภาษาไทย
- รองรับไฟล์เสียง MP3, AAC, AAC+, eAAC+, WMA, AC3 และ FLAC
- รองรับไฟล์หนัง MPEG4, H.263, H.264, WMV, DivX
ขอให้มีความสุขกับแอนดรอย์ของคุณครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
รีวิวเข้าใจง่ายครับ