จัดมาแก้คันกับแอนดรอย์ตัวล่าสุดของ xenon_art ที่ยังคงซ้ำซากกับ Samsung Galaxy Note 2 LTE แต่คราวนี้มากับสีใหม่ล่าสุด ขาวขอบทอง เครื่องนอกไม่ง้อศูนย์ มาดูกันว่ามันสวยหรือเปล่า?
หวังว่ายังไม่เบื่อกับรีวิวแกะกล่อง Samsung Galaxy Note 3 ของผมนะครับ ตัวนี้เป็นตัวที่ 3 แล้วของตระกูลนี้ ….มันสูบเงินในกระเป๋าดีจริง ๆ
ส่วนตัวชอบใช้งาน Note3 มาก ๆ ด้วยความที่จอใหญ่คมชัด มีปากกาที่ใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงเคสฝาพับที่ปิดแล้วหน้าจอดับอัตโนมัติ เปิดแล้วหน้าจอติดพร้อมใช้งานทำให้ผมรู้สึกคล่องตัวถึงแม้ว่ากล้องจะไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่นักหากเทียบกับ ไอโฟน 5 หรือ 5s
เพื่อน ๆ คงพอจะได้รู้สเปค และ หน้าตาของ น้องโน๊ต กันแล้ว และ คงจะพอทราบว่าเจ้าโน๊ต 3 เนี่ยมันมี 2 รุ่น ดังนี้
- รหัส SM-N900 เป็น Exynos Octa Core หรือ ซีพียู 8 แกนที่เค้าว่ากันว่าเปราะบาง พังง่าย คุณภาพต่ำ
- รหัส SM-N9005 เป็น Sanpdragon หรือ ซีพียู 4 แกนที่สื่อส่วนมากรีวิวออกมาว่าแรงกว่า ทนกว่า ปัญหาน้อยกว่า
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้เสพรีวิวภาคก่อน ๆ ของ Note3 LTE ไปดูกันได้ที่
- รีวิว แกะกล่อง Samsung Galaxy Note3 LTE หัวใจ Snapdragon ที่หลายคนรอคอย
- ไตรภาครีวิว ซัมซุง กาแลคซี่ โน๊ต3 LTE ภาคกล้องถ่ายรูป….ภาพเยอะ โหลดมหาโหด!!!!
- รีวิวซัมซุง กาแลคซี่ โน๊ต3 4G/LTE หัวใจ Sanpdragon ภาคทดสอบกล้องวีดิโอ 4K กับ สโลวโมชั่น (ชมคลิป)
- รีวิวภาคจบ Samsung Galaxy Note3 LTE บทสรุป…เพิ่มอีกพันกว่าคุ้มหรือไม่ (ชมคลิป)
ซัมซุง กาแลคซี่ โน๊ต3 LTE สีขาว-ทอง เครื่องนอก ราคา 20,000 บาท มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้
- ระบบปฏิบัติการล่าสุด 4.3 Jellybean พร้อมอัพเดท KitZKat ทันทีที่เปิดเครื่อง
- หน้าจอ 5.7 นิ้ว Full HD แบบ Super AMOLED
- หน้าจอความละเอียด 1920 x 1080
- ซีพียู QuadCore Snapdragon 800 ความเร็ว 2.3 กิ๊ก
- แรม 3 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 16 กิ๊ก ซึ่งเป็นเครื่องฮ่องกง ต่างจากเครื่องศูนย์ไทยที่ให้มา 32 กิ๊ก
- กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน
- มีปากการะดับเทพ จดได้ทุกที่ ทุกเวลา
- ลูกเล่นล้ำ ๆ จาก Galaxy S4 ไม่ว่าจะโบก จะแอบดู จะหยุดภาพอัตโนมัติ
- สามารถถ่ายวีดิโอแบบสโลวโมชั่น และ ถ่ายวีดิโอคุณภาพระดับ 4K ได้
สำหรับเครื่องที่ผมสอยมาจากมาบุญครองนี้ เป็นเครื่องฮ่องกง โดยสังเกตุจากใบรับประกันเป็น Samsung Hong Kong โดยมันมีจุดต่างกับเครื่องศูนย์ดังนี้
- หน่วยความจำในตัวเครื่องมีให้ 16 กิ๊ก ต่างกับเครื่องไทยที่ให้มา 32 กิ๊ก
- ปลั๊กชาร์ตไฟบ้านมาเป็นหัว 3 ขาแบน
ว่าแล้วก็ชมแกะกล่อง พร้อมส่องตัวเครื่องสีขาวขอบทองกันเลย ปิดท้ายกันด้วยภาพปะทะ iPhone 5s สีทองด้วยนะจ๊ะ
ตัวกล่องตระกูลกาแลคซี่เป็นลายไม้ทั้งหมด ไม่ว่าจะรุ่นถูก รุ่นแพง เท่าเทียมกันหมด โดยหน้ากล่องมีเพียงคำว่า Galaxy Note 3 เท่านั้น และ ไม่มีสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็น 4G LTE แต่อย่างใด
กลับหลังหันมาดูด้านหลังกล่อง เอ้อ…มันไม่เหมือนเครื่องศูนย์ไทยที่จะมีสเปคคร่าว ๆ ให้ดูกัน แต่จะเป็นรายละเอียดอื่น ๆ ในภาษาจีนแทน โดยมีสัญลักษณ์ Lte บ่งบอกว่ารองรับ 4G
มุมล่างจะมีรหัสตัวเครื่อง SM-N9005 บ่งบอกความเป็น 4G LTE ที่ใช้ซีพียู Snapdragon QuadCore S800 ตัวแรงที่สุดในปัจจุบัน
เปิดกล่องออกมาก็……แน่นอนว่าเป็น กาแลคซี่ โน็ต 3 สีขาว-ทอง ตัวล่าสุดที่ผมกำลังเห่อในตอนนี้
พอเอาตัวเครื่องออกมาเช็คอุปกรณ์ และ การจัดวางต่าง ๆ เหมือนกัน โน๊ต 3 ที่ผ่านมาทั้ง 2 รีวิว ดังนั้นภาพบางส่วนจึงขอหยิบเอาภาพเดิมมาใช้บ้างในส่วนที่จะเป็นนะครับ
ไม่ได้ขึ้เกียจนะ แต่อยากจะให้เพื่อน ๆ เห็นได้จากพื้นหลังที่แตกต่างตอนถ่ายรีวิวสีขาว กับ สีขาวทอง จะทราบได้ว่าอุปกรณ์เครื่องศูนย์ กับ เครื่องนอกมีอะไรต่างกันบ้าง
อุปกรณ์ที่ท่านจะได้
1 ตัวเครื่อง
2 สายดาต้า / สายชาร์ต
3 หัวปลั๊กชาร์ตไฟบ้าน
4 หัวปากกาพร้อมคีมเปลี่ยนหัว
5 หูฟังสมอลทอล์ค
6 ซิลิโคนหูฟังสำหรับเปลี่ยน 2 คู่
7 คู่มือภาษาอังกฤษ/จีน
บรรดาคู่มือ ใบรับประกันต่าง ๆ ของศูนย์ฮ่องกง และ แน่นอนว่ามันเป็นภาษาจีน
หูฟังแบบ In Ear พร้อมแจ๊กขนาด 3.5 มม. ตามมาตรฐาน
มีซิลิโคนอีก 2 ขนาดเอาไว้ให้เปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมกับสรีระของรูหูเรา
อะแดปเตอร์ หรือ หัวปลั๊กชาร์ตไฟบ้านที่เมื่อเอาสายดาต้ามาเสียบประกอบร่างจะแปลงเป็น สายชาร์ต โดยหัวแปลงไฟนี้สามารถเสียบไฟได้ทั่วโลก
อแดปเตอร์ จ่ายไฟให้ Note3 ที่ 2 แอมป์ เหมือนเดิม และ เนื่องจากเป็นเครื่องฮ่องกง หัวปลั๊กจึงเป็นแบบ 3 ขาเหลี่ยม โดยความเก๋อยู่ตรงขาที่ 3 ที่เลื่อนลงมาเก็บได้ทำให้พกพาสะดวกไม่เกะกะ เวลาจะใช้ก็เลื่อนขาออกมาเพื่อเสียบไฟ
สายชาร์ต / สายดาต้า อ่า……คราวนี้ซัมซุงเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีก ไหงให้หัวสายมาแบบไม่เหมือนชาวบ้าน จากปกติเป็นหัวแบบ MicroUSB ที่สามารถใช้ร่วมกับชาวบ้านได้หมด ทิ้งให้ไอโฟนเป็นสามาร์ทโฟนเจ้าเดียวที่ใช้อะไรกับใครไม่ได้ จนรัฐบาลกลางยุโรปเริ่มจะเล็งบังคับให้ไอโฟนใช้หัวปลั๊กเหมือนคนอื่น เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค
แต่งานนี้ซัมซุงให้หัวแบบ USB 3.0 ซึ่งยังไม่มีใครใช้กันในตลาดสมาร์ทโฟน โดยหลักการแล้วหัวแบบนี้จะโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่าแบบปกติ ดังจะเห็นได้จากพวก external hard drive หลาย ๆ รุ่นในปัจจุบันใช้สาย USB 3.0 กันมาขึ้นเรื่อย ๆ
ดูกันชัด ๆ หัวแปลงที่อาจจะทำให้พวกเราต้องเสียเงินซื้อของซัมซุงใช้เท่านั้นหากสายเสีย หรือ ไปหาสายเทียบใช้กัน ถ้าต้องการใช้ให้เหมือนเป๊ะ
แต่………..ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องร้อง “ว้ายยยยยยย…..ซัมซุงมันบ้าไปแล้วเว้ยเฮ้ย”
ไม่ขนาดนั้นครับ xenon_art ลองเอาสาย MicroUSB มาตรฐานโลกมาลองชาร์ต และ เสียบเป็นสายดาต้าโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาใด ๆ
ปัญหาของการใช้ USB 3.0 กับ สมาร์ทโฟนที่เห็นตอนนี้จะเป็นความยุ่งยากของผู้บริโภคอย่างเรา ๆ เพราะหากพกสายซัมซุงไปไหนมาไหน ไม่สามารถเสียบกับชาวบ้านได้เท่านั้น ดังนั้นหากท่านมีอุปกรณ์หลายตัว คงต้องทิ้งสาย ซัมซุง ไว้บ้านแล้วพกสายมาตรฐานแทน
อีกส่วนหนึ่งที่แอบชื่นชมคือ คราวนี้ ซัมซุง ใส่ใจในรายละเอียดมาก ๆ โดยจากข้อมูล และ เสียงสะท้อนของผู้ใช้งาน Note ตัวเก่านั้น พบปัญหาหัวปากกาสึกจากการใช้งาน อีกทั้งมีความต้องการหัวปากกาไม่เหมือนกัน ดังนั้นใน Note 3 จึงมีหัวสำรองมาให้ใช้อีก 5 หัว และ เป็นหัวไม่เหมือนกันนะ มีทั้งหัวแหลม และ หัวทู่ พร้อมกับแหนบเอาไว้คีบเปลี่ยนหัวปากกาด้วย
ว่าแล้วก็มาถึงพระเอกของเรา กับ น้องโน๊ต3 ระบบ LTE สีขาว ขอบทอง….อร่ามมมมม
ด้านหน้าตัวเครื่องสวยงามตามแบบของ ซัมซุง หน้าตาการออกแบบปรับปรุงจากเดิมเล็กน้อย โดยยังคงคอนเซปต์ สี่เหลี่ยมลบมุม หน้าจอ 5 นิ้ว แบบ Super AMOLED HD สวย คม สีจัดจ้านตามแบบ ซัมซุง
ขอบจอบางทำให้ได้หน้าจอใหญ่แต่เครื่องไม่ต้องใหญ่ตามไปด้วย มาพร้อมปุ่มโฮมที่เคยมีคดีฟ้องร้องกับ แอปเปิ้ล ข้อหาลอกเลียนแบบ เอาไว้ควบคุมโน่น นั่นนี่
ด้านหน้าตัวเครื่องไม่ใช่สักแต่จะเป็นสีขาวนะครับ แอบมีรายละเอียดเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ทำให้สีขาวไม่น่าเบื่ออีกต่อไป โดยลายดังกล่าวจะสะท้อนออกมาขึ้นอยู่กับการหักเหของแสง
ตัวปุ่มโฮมปรับเปลี่ยนเพิ่มรายละเอียดลงไป โดยเป็นปุ่มสีเดียวกับตัวเครื่อง แต่ขอบปุ่มมีวงแหวนสีทองคาดโดยรอบ ตามกระแสของ 5s เนอะ
ด้านหลังสีขาวสวยงาม มีโลโก้ Samsung สีทองอยู่บนฝาหลังหนังสีขาว “หลอกลวง” ที่เป็นพลาสติคปั๊มขึ้นรูปแถมมีตะเข็บเดินด้ายสีขาว “ปลอม ๆ” โดยรอบฝาหลัง ซึ่งจะเหมือนกันทุกอย่างกับ น้องโน๊ต3 3G รหัส SM-N900 ต่างกันตรงสีทองเท่านั้น ไม่มีโลโก้ LTE เหมือนเครื่องศูนย์สีขาวขอบเงิน
ด้านบนเป็นกล้องระดับ 13 ล้านพิกเซล ที่ยังหาวิธีแตะหน้าจอเพื่อวัดแสงไม่ได้ มันมาพร้อมไฟ LED 1 ดวง
กล้องจะชัดเพียงใดไปดูรีวิวเก่าได้เลยครับ
ขอบรอบตัวเครื่องเป็นสีทองเข้ม ๆ เงา ๆ พร้อมร่องเล็ก ๆ 6 ร่องรอบเครื่องเอกลักษณ์ของ Note 3
โดยด้านข้างซ้ายของตัวเครื่องเป็นปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง
ด้านข้างขวามือเป็นปุ่ม ปรับเพิ่ม – ลดเสียง
ด้านบนของตัวเครื่องก็เหมือนซัมซุงรุ่นอื่น ๆ คือ มีรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาตรฐานโลกในปัจจุบัน ทำให้สามารถสำหูฟังยี่ห้ออื่นที่ถูกใจมาใช้ฟังเพลงได้อย่างสะดวก
ด้านล่างของตัวเครื่องตรงกลางช่องใหญ่จะเป็นช่องเสียบสายดาต้า ส่วนช่องรี ๆ ยาว ๆ นั้นเป็นลำโพง
รูกลม ๆ เล็ก ๆ เป็นลำโพสสนทนาโทรศัพท์
ไอ้ที่มุมนั้นไม่บอกคงต้องร้องอ๋อว่า มันคือปากกา S Pen ตัวใหม่ที่มากับ Note รุ่นใหม่ล่าสุดนั่นเอง
ด้านหน้าส่วนบนตรงกลางเป็นลำโพงสนทนาโทรศัพท์ ด้านข้างเป็นไฟ LED แสดงสถานะ และ เซ็นเซอร์การใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ
ถัดไปอีกหน่อยเป็นกล้องหน้าระดับ 2 ล้านพิกเซล
ด้านหน้าส่วนล่างก็ปกติของซัมซุงตระกูล กาแลคซี่ ทั่วไปคือ มีปุ่มโฮมตรงกลาง ขนาบข้างด้วยปุ่มเมนู และ ย้อนกลับ
ด้านหลังมุมบนจะมีร่องเอาไว้ “แงะ” ฝาหลังที่โดนหลอกว่าเป็นหนังออกมา ตอน “แงะ” ต้องค่อย ๆ นิดนึง ไล่แงะจากบนลงล่าง และ จากซ้ายไปขวา มันจะดัง แกร๊บ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องกังวลครับ เป็นปกติของ ซัมซุง อยู่แล้ว เพราะฝาหลังมันบางหน่ะ
นี่ไงครับ เขี้ยวล็อคฝาหลังที่มีอยู่รอบ ทำให้ฝาบาง แต่แน่นสุด ๆ
เปิดฝาหลังออกมาก็จะเห็นแบตเตอรี่ความจุ 3,200 mAh เหมือน โน็ต 2 และ ช่องใส่เมม ใส่ซิมที่แปลกตาไปกว่าเดิม
ช่องใส่เมม กับ ช่องใส่ซิมก็เหมือนกันเครื่องศูนย์ไทยทุกประการตามภาพด้านบน โดยการจะเอาซิมใส่เข้าไปต้องถอดแบตออกเท่านั้น จากนั้นก็เสียบซิมเข้าไปตรง ๆ ส่วนเมมก็คว่าหน้าลงเสียบเข้าไปตรง ๆ เช่นกัน แน่นหนาดีไม่มีปัญหาอะไรตรงจุดนี้
ด้านหลังมุมล่างจะเป็นปากกา S Pen เสียบอยู่แบบแน่น ๆ ไม่ต้องกลัวหาย การถอด และ เก็บทำได้สะดวกดีเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
ดึงออกมาปุ๊ป หน้าจอติดพร้อมเปิดแอพโน๊ตพร้อมให้เราจด จด จด จด และก็ จด เอกลักษณ์ และ จุดขายของโน๊ต3 เลยนะ
ปากกาหน้าตาคล้ายของเดิม แต่ดูแล้วสวยกว่าเดิมไม่รู้ว่าเห่อของใหม่ไปเองหรือเปล่า
ตัวด้ามสีขาวเข้ากับตัวเครื่อง มีปุ่มกดสั่งงานอยู่ที่ตัวด้าม ตรงปลายเป็นสีทอง
โลโก้ซัมซุงที่ปลายด้ามปากกา S Pen สีทองอร่าม แต่แหม่….ดูนาน ๆ มันไม่ค่อยทองนะ ออกจะสี “นาก” มากกว่า
ว่าแล้วก็เอา iPhone 5s สีทองมาถ่ายเปรียบเทียบกันดีกว่า ว่าสีทองใครสวยกว่ากัน
โดยรวมแล้ว ต้องบอกว่าแอบผิดหวังเล็ก ๆ กับสีทองตัวจริงที่เข้มจนอยากจะเรียกว่า Pink Gold หรือ สีนาก มากกว่า ครั้งแรกที่เห็นในเวปตอนโปรโมทผมดูแล้วเหมือนจะเหลืองกว่านี้ ประมาณทองเยาวราช แอบหวังว่ามันจะสวยกว่าสีทองของไอโฟนที่ออกทองจืด ๆ หม่น ๆ
เอาเป็นว่ามองบางมุมก็สวย แปลกตาดี มองบางมุมก็รู้สึกว่าไม่ค่อยทองสะใจเท่าไหร่ อันนี้แล้วแต่คนชอบครับ
โดยรวมการใช้งานก็ปกติตามมาตรฐานของ Note3 ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าผมชอบแค่ไหน เพราะนี่เป็นเครื่องที่ 3 แล้วที่ซื้อมาใช้ด้วยเงินของตัวเอง แถมแบนเนอร์ผมเค้าก็ไม่ได้ซื้ออีกต่างหาก (หรือเพราะเราไม่ได้ไปขายเค้าหว่า? 555)
ขอให้มีความสุขกับแอนดรอย์ของคุณครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
คุณอาร์ทครับ ในบทความมีคำผิดที่ต้องแก้ไขอยู่จุดหนึ่งครับ หน่วยคxยความจำครับ (X= ว)
ขอบคุณมาก ๆ ครับ ^^