สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ที่น่ารัก วันนี้ xenon_art ของแนะนำ 10 ข้อควรรู้ในการเตรียมตัวไป ฮ่องกง แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
ผมพยายามรวบรวมลิ้งค์ และ ข้อมูลที่จำเป็นมาไว้ในที่เดียวกันจะได้อ้างอิงง่ายขึ้น โดยจะคอยอัพเดทเรื่อย ๆ โดยจะเน้นแต่ส่วนที่เป็นการเตรียมตัว และ ข้อมูลจำเป็นที่ต้องรู้ก่อนไปเที่ยวอ้างอิงจากประสบกาณ์ส่วนตัว ดังนั้นบางอย่างอาจไม่ตรงใจใคร หรือ บางอย่างอาจตามใจผมมากเกินไป O_o%
การเตรียมตัวไปเที่ยว ฮ่องกง นั้นง่าย ๆ สบาย ๆ เพราะบินประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น โดยสายการบินมีให้เลือกมากมาย มีโปรเยอะแยะตามแต่ช่วงของปี ส่วนมากผมเลือกใช้สายการบิน Emirates
1 อัตราแลกเปลี่ยน
ฮ่องกงใช้เงินสกุล HK$ หรือ ฮ่องกงดอลล่าห์ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1 เหรียญฮ่องกง = 4.5 บาท
ก่อนเดินทางไปฮ่องกงแนะนำว่าควรจะเช็คให้ดี ๆ ว่าแลกที่ไหนถูกสุด คุ้มสุด เพราะหากเราใช้เยอะส่วนต่างก็จะเยอะไปด้วย และ สำหรับคนที่คิดจะไปรูดการ์ดที่โน่น อัตราแลกเปลี่ยนจะถูกบวกเข้าไปเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญ = 4.50 บาท
เมื่อรูดการ์ด ตอนเค้ามาเรียกเก็บจะแพงขึ้น โดย อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญ = 4.60 – 4.65 บาท
ลิ้งค์สำหรับเช็คอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่าง ๆ
กรณีไปแล้วเงินหมด ไม่สะดวกรูดการ์ด หากมี ATM แบบใหม่ที่เป็น Visa หรือ แบบ Global ATM สามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ที่ฮ่องกงได้ทันที ทุกตู้มีเมนูภาษาอังกฤษครบ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง และ หากกดไม่ได้เค้าก็ไม่ได้ยึดบัตรแต่อย่างใด
ผมใช้ กสิกร ATM/Visa ที่โดนบังคับทำ สามารถกดได้ทุกตู้แต่อัตราแลกเปลี่ยนจะแพงกว่าแลกเงินสดประมาณ 10 สตางค์
2 สภาพอากาศ
เป็นข้อมูลสำคัญอีกอย่างหนึ่งกับการเดินทาง ไม่ว่าจะไปประเทศใดก็ตาม เพราะมันเป็นตัวชี้วัด “แฟชั่น” ของเรากันเลยทีเดียว
การเลือกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศทั้งสิ้น คงไม่มีใครเอารองเท้าแพง ๆ ไปใส่เดินตอนหน้าฝนหรอกนะ…อย่างน้อยผมก็คนนึงหล่ะ
แนะนำเวปเช็คอากาศแม่น เป๊ะ เพราะเป็นกรมอุตุของฮ่องกงเอง
http://www.weather.gov.hk/wxinfo/currwx/fnd.htm
3 เลือกเสื้อผ้า – เค้าแต่งตัวกันยังไง
ฮ่องกง เป็นเมืองแฟชั่น เป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นเมืองในเอเชียเหมือนเรา ดังนั้นการแต่งตัวไม่ค่อยต่างจากบ้านเรามากสำหรับหน้าร้อน และ หน้าฝน แต่พอถึงหน้าหนาวเค้าจะแต่งตัวดีกว่าบ้านเรา สาว ๆ จัดเต็มกันด้วยบู๊ต มินิเสกิร์ต พร้อมเลกกิ้ง กับเสื้อโค๊ตขนสัตว์ หนุ่ม ๆ ก็จะเป็นสูทพร้อมโค๊ตประดับปกด้วยขนสัตว์
สำหรับผมแล้วการไปฮ่องกง เป็นกิจกรรมสบาย ๆ ง่าย ๆ การจัดเสื้อผ้าจัดเหมือนที่ใส่อยู่ในประเทศไทย แน่นอนว่าต้องมีชุดที่เข้ากับตารางท่องเที่ยวด้วย เช่น หากมีแผนไป ดิสนีย์แลนด์ ในหน้าร้อน ก็ควรใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และ รองเท้ากีฬาเก๋ ๆ สักคู่
ส่วนวันเดินเล่นในเมืองอื่น ๆ ก็แต่งตัวเหมือนอยู่ไทยนั่นแหละ โดยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ส่วนคุณผู้หญิงถ้าไม่แน่จริง รองเท้าส้นสูงห้ามเด็ดขาด เลือกรองเท้าเดินสบาย แต่เก๋ ๆ สวย ๆ ไปเดินเชิดที่โน้นชิลด์ ๆ
ความผิดพลาดง่าย ๆ ที่เห็นบ่อย ๆ – หลาย ๆ คนบอกว่าไปต่างประเทศให้เลือกรองเท้าที่ใส่สบายเดินง่าย ผมจึงมักจะเห็นคณะเดินทางที่ “พลาด” ด้วยการใส่รองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้ากีฬา กับชุดกระโปรง หรือ เกงเกงแบบไม่เข้ากัน เชื่อหรือไม่ผมเคยเจอคณะหนึ่ง ใส่ผ้าซิ่นมาเต็มยศอย่างสวย แต่ใส่รองเท้ากีฬา ^^! และ ส่วนมากคนกลุ่มนี้จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุแล้วทั้งนั้น ต้องจับลูก ๆ มาตีก้นซะให้เข็ดโทษฐานไม่ดูแลพ่อ – แม่
หากคุณเป็นผู้สูงอายุการใส่รองเท้ากีฬาไปเที่ยวเหมาะสมที่สุดเพื่อรักษาเข่าอันมีค่า ทว่าบอบบาง เพียงแต่ต้องหาเสื้อผ้าที่เเหมาะสมกับรองเท้าผ้าใบ เช่น เสื้อยืด กับเกงเกงยีนส์ หรือ เกงเกงวอร์มไปเลย ไม่ใช่ใส่กระโปรงผ้าไหมกับรองเท้าผ้าใบ
ตัวอย่างที่ดีในการใส่รองเท้าผ้าใบให้เข้ากับชุดแบบผู้ใหญ่แต่ดูดี ไม่เว่อร์ สำหรับพ่อ-แม่ของเรา เวอร์ชั่นหน้าหนาว (ขอปิดหน้าคุณแม่ผมไว้หน่อยนะจ๊ะ กลัวดัง)
อีกความผิดพลาดนึง คือ ความคิดว่า “ไปเมืองนอกต้องหนาว” ผมเคยเจอคณะทัวร์ที่ฮ่องกง ใส่รองเท้าบู๊ต คลุมด้วยแจ๊คเก็ตอลังการ บางคนมีผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่อย่างเทพ เอ่อ แต่……เจ๊ครับ ตอนนี้มันหน้าร้อนนะ ระวังเป็นลม!
ตัวอย่างเวอร์ชั่นหน้าร้อน ที่ใส่ไปแล้วเหมือนคนพื้นที่
ตัวอย่างเวอร์ชั่นหน้าหนาวที่แอบ “เยอะ” แต่ก็กลมกลืนกับคนที่โน่น
ดังนั้นการแต่ตัวให้เข้ากับอากาศจึงสำคัญมาก และ เป็นสิ่งที่คนที่ไม่ค่อยได้บิน มักจะพลาดอยู่เสมอ ๆ ผมเองเวลาไปประเทศที่ไม่คุ้นเคยก็มีอาการ “พลาด” มาแล้วเหมือนกัน
4 กระเป๋าสะพาย หรือ ถุงยังชีพ
มีความเชื่อผิด ๆ ถึงการไปต่างประเทศว่า กระเป๋าสะพาย โดยเฉพาะกระเป๋าเป้ เป็นเสมือน “ถุงยังชีพ” ที่ต้องมีอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ไม่ว่ายารักษาโรค น้ำดื่ม อาหารแห้ง ลูกอม กระดาษทิชชู่ ปากกา และ สารพัด
ถ้าหากท่านจะไปเดินป่าก็โอเค แต่นี่มัน ฮ่องกง นะคร้าบบบบบ
ไม่ได้ต่างอะไรกับกรุงเทพเท่าไหร่นัก 7-11 มีให้เห็นทุกมุมเมือง อาหารการกินสะดวก ห้องน้ำมีทุกห้าง สะอาดกว่าบ้านเราอีก สบายหายห่วง
ผมมักจะใช้กระเป๋าสะพายข้าง โดยพาดมาด้านหน้า หรือ กระเป๋าคาดอกเก๋ ๆ สักใบ โดยสิ่งที่ผมมักจะพกในกระเป๋ามีดังนี้
- กล้องถ่ายรูป – คงไม่ต้องบอกนะว่าเอาไว้ทำอะไร
- กระดาษเปียก หรือ baby wipe – เอาไว้เช็ดมือ เช็ดปาก ตอนกินขนมข้างถนน
- แบตสำรอง หรือ Power Bank – เผื่อแบตมือถือหมด
- แผนที่ฮ่องกงฉบับที่หยิบจากสนามบิน – เอาไว้ขึ้นแท๊กซี่แล้วเค้าฟังสำเนียงอังกฤษเราไม่ออก จะได้ชี้ให้ดู ไม่ไปผิดที่แน่นอน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะใช้ชีวิตใน ฮ่องกง อย่างไร หากเน้นเดินในห้าง ไปในที่ ๆ เป็นแหล่งช็อปปิ้งชิลด์ ๆ ก็เดินตัวเปล่าออกจากโรงแรม ขากลับค่อยหิ้วถุงพะรุงพะรัง
หากคุณไปมันทุกที่แบบผม เดินข้างถนนบ้าง กินข้างถนนบ้าง เข้าห้างบ้าง กระเป๋าเล็ก ๆ เบา ๆ สำหรับใส่ของจิปาถะสักใบจะทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น เพราะการกินของข้างถนนแล้วไม่มีกระดาษ มันสร้างความหงุดหงิดได้พอสมควร
ที่แน่ ๆ ช่วงนี้ห้ามเด็ดขาดคือ กระเป๋าคาดเอว….มันเอ้าท์แล้ว!
5 เปิด Data Roaming
เท่าที่ลองกันมาตอนนี้ซิมเติมเงินสำหรับเล่นเน็ตต่างประเทศ ผมว่าคุ้มทึ่สุด ทั้ง Sim2Fly, Dtac GoInter และ TrueMove H Travel Sim ล้วนมีราคาเท่ากันทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเที่ยวในเอเชีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น และ ที่อื่น ๆ ราคาทั้ง 3 ค่ายเท่ากันคือ 399 บาท ใช้อินเตอร์เน็ตได้ 6 กิ๊ก (ความเร็วสูงสุด 4G) แต่ระยะเวลา AIS และ DTac เท่ากันคือ 10 วัน ในขณะที่ True ใช้ได้ 8 วัน
ข้อดีของซิมพวกนี้คือ ไม่ต้องห่วงเน็ตไหลเพราะลืมเปลี่ยนเครือข่ายอย่างที่หลาย ๆ คนโดนกันมาก เพราะซิมพวกนี้ล็อคเครือข่ายที่เหมาะสมให้อยู่แล้ว
หากใครต้องการโทรออกรับสายด้วยเบอร์ประจำ คงต้องพกมือถือที่ใช้ได้ 2 ซิม แล้วเปิดแพคเกจเสียงเพิ่ม อย่างผมใช้ AIS จะเปิดแพก Voice Roaming 20 นาทีไปด้วย
6 ปลั๊กไฟ
แน่นอนว่าคนสายไอทีอย่างพวกเราสายชาร์ตแบตต่าง ๆ คงต้องพกกันไปมากมาย ไม่ว่าจะชาร์ตสมาร์ทโฟน ชาร์ตกล้อง ชาร์ตแท๊ปเล็ต และ อีกมากมาย
ที่ฮ่องกงเค้าใช้ระบบไฟไม่เหมือนบ้านเรา โดยจะเป็นแบบ 3 ขาเหลี่ยม แต่กระแสไฟแบบ 220 โวลท์เช่นเดียวกัน ดังนั้นให้หัวแปลงธรรมดาก็สามารถใช้งานได้ทันที
ใครไปนอนโรงแรมก็หมดห่วงเพราะที่โน่นเค้ามักจะมีหัวแปลงให้ยืมเสมอ โดยโทรไปที่ front desk หรือ House Keeping บอกว่า “Please send me adaptor” หรือ “พลีส เซ้น มี อะเด็ปเตอร์”
ข้อมูลเพิ่มเติมปลั๊กไฟทั่วโลกดูได้ที่ http://electricaloutlet.org/
7 แอพแนะนำ
แอพที่เกี่ยวกับ ฮ่องกง มีมากมาย ผมลองมาแล้วกว่า 20 แอพ แต่ถึงเวลาจริง ๆ ก็ใช้อยู่ไม่กี่แอพ โดยแอพที่ใช้ง่ายควรมีติดเครื่องจริง ๆ ดังนี้
Google Map
เอาไว้ดูตอนจะหลงทาง หรือ ค้นหาสถานที่ ซึ่งถ้าใช้แอนดรอย์ก็มีอยู่แล้ว หากเป็นระบบอื่น ๆ แนะนำให้ดาวโหลดจากไทยไปก่อนเลย และ ถ้าเราค้นหาข้อมูลอะไรไว้สามารถปักหมุดเซฟเก็บไว้ได้
Trip Advisor
แอพคู่มือการท่องเที่ยวที่สะดวก แถมสามารถใช้ GPS เพื่อบอกเราได้ว่าแถวนี้มีอะไรบ้างทั้งสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงร้านอาหาร แอพนี้มีทั้งบน Android, iOS, Windows Phone และ Blackberry
MTR Tourist
แอพนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินเพราะจะช่วยเราหาเส้นทางรถไฟที่เหมาะสมให้เรา เพียงแค่กรอกต้นทาง และ ปลายทางที่ต้องการไปเท่านั้น
เมื่อกดค้นหาระบบจะคำนวณเส้นทาง สถานที่ที่ต้องเปลี่ยนขบวน (ถ้ามี) และ เวลาในการเดินทางแต่ละช่วงมาหให้เสร็จ
MTR Mobile
เมื่อได้เส้นทางแจกแอพ MTR Tourist แล้ว ปัญหาต่อมาที่พบบ่อยคือ ไม่รู้ว่าตึก หรือ ห้างที่เราจะไปออกประตูไหน แอพ MTR Mobile ช่วยได้ โดยมีตารางบอกเรียงลำดับตามตัวอักษรไว้เรียบร้อย หรือ จะใช้ช่องค้นหาก็ยังไหว เรียกว่าเป็นแอพที่มีประโยชน์มาก ๆ
8 เตรียมแผนที่ – ข้อมูลให้พร้อม
คนไอทีอย่างเราจะไปเที่ยวทั้งทีต้องไฮเทคกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นแอพดี ๆ ติดเครื่องไว้ดังที่กล่าวไปแล้ว เรายังสามารถใช้ สมาร์ทโฟนของเราได้มากกว่านั้นแบบง่าย ๆ ดังนี้
- ไปกูเกิ้ล หรือ หาข้อมูลสถานที่ที่อยากไป แล้วเซฟภาพเก็บไว้ ไม่ต้องเสียเวลาเปิดแอพ หรือ โหลดแผนที่ที่โน่น เร็ว และ ประหยัด
- ย่อแผนที่ฮ่องกงลงมือถือ โดยผมย่อไว้แล้วเพื่อน ๆ สามารถโหลดไปเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนแล้วใช้งานได้ทันที โหลดได้จากบทความ แจกแผนที่ ฮ่องกง แบ่งตามพื้นที่เหมาะกับการดูบนมือถือ
บทความน่าสนใจ
- xenon_art พาตะลุยแหล่งของเล่นในฮ่องกง Hong Kong Toy area
- พาเที่ยวแหล่งสินค้า IT ที่ ฮ่องกง โดย xenon_art
อยากตามรอย xenon_art พาชิม ไปเสพ กินฮ่องกง: ลายแทงของอร่อยที่ฮ่องกง ย่านถนน Canton
9 เช็คอิน Online
อีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คน “พลาด” บ่อย ๆ คือ การเช็คอิน โดยส่วนมากจะชินกับการไปสนามบินก่อน 2 – 3 ชั่วโมงเพื่อไปต่อแถวเช็คอินกระเป๋า และ รับบัตรโดยสาร (Boarding Pass) รวมถึงการจัดที่นั่งให้ได้ดังใจ ทำเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ
การเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน – รู้หรือไม่ว่าเมื่อเราซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว สามารถให้ตัวแทนออกตัวจัดการเลือกที่นั่งให้เราได้เลยตามแผนผังที่นั่งบนเครื่องบิน เหมือนการซื้อตั๋วหนังเลย จะนั่งตรงปีก นั่งตรงหาง เอาทางเดินหรือหน้าต่าง จัดการให้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนจ่ายเงินค่าตั๋ว
เช็คอินจากบ้าน – หลาย ๆ สายการบินมีบริการ Online Check-in โดยเปิดให้เช็คอินผ่านเวปล่วงหน้า 24 ชั่วโมง เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยเค้าจะมีตั๋วให้เราปริ๊น หรือ ส่งเมลล์หาเรา พอถึงสนามบินก็มักจะมีช่องทางพิเศษสำหรับผู้ที่เช็คอินออนไลน์มาแล้ว ส่วนมากแถมนี้จะสั้นมาก ๆ ด้วย
10 เลือกวิธีเดินทางเข้าเมืองจากสนามบิน
สำหรับคนที่ไม่เคยมา หรือ ไม่ค่อยได้มา พอมาเครื่องลงที่ฮ่องกงแล้วมักจะ “มึน” “งง” กับการตัดสินใจครั้งแรกหลังนั่งเครื่อง 3 ชั่วโมง คือ จะไปโรงแรมยังไง?
การเดินทางเข้าเมือง มีทางเลือกในการเข้าเมืองหลายวิธีมากมาย แต่ที่แนะนำจริง ๆ มี 2 วิธี ดังนี้
1 เช่ารถ ลีมูซีน โดยที่ผมใช้ประจำก็จะเป็นรถตู้ Alphard นั่งได้ 7 คน แต่ถ้ากระเป๋าใบใหญ่มาก ๆ ก็นั่งไม่พอ บางทีก็นั่งรถเก๋งซึ่งเป็น Benz S-Class โดยทั้ง 2 แบบราคาพอ ๆ กันคือ 660 เหรียญฮ่องกง หรือ ประมาณ 3 พันบาท สะดวก ง่าย หรูหรา นั่งตรงถึงโรงแรมฝั่งเกาลูนได้เลย เหมาะสำหรับคนเดินทางพร้อมผู้ใหญ่ หรือ เด็กเล็ก และคิดว่าจ่ายเงินซื้อความสะดวกตรงนี้ได้
ข้อเสีย – ถ้ารถติดจะใช้เวลานานพอสมควร ส่วนเรื่องแพง ไม่แพง ขึ้นอยู่กับวิจารณญานของแต่ละคน
2 รถไฟ Airport Express เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเข้าเมือง เพราะสะดวก รวดเร็ว นั่งจากสนามบินไปถึงเกาลูน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที รถติดแค่ไหนก็ไม่หวั่นราคาก็กำลังดี ประมาณ ร้อยเหรียญต่อเที่ยว ถ้าซื้อตั๋วแบบ ไป- กลับ จะถูกลง และ ถ้าซื้อตั๋วแบบไป – กลับ เป็นคู่ก็จะถูกลงไปอีก ส่วนราคาต้องเช็คอีกครั้งหนึ่งตามช่วงที่ไป แต่ส่วนมากไม่เกิน 200 เหรียญ
เมื่อนั่งถึงสถานีที่ต้องการแล้ว จะมีป้ายชี้ไป Shuttle Bus ซึ่งเป็นรถบัสฟรีบริการส่งถึงโรงแรมตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่ ถ้าโรงแรมที่เราพัก ไม่มีอยู่ในรายการสามารถบอกพนักงานได้ว่าเราพักโงแรมไหน เค้าจะแนะนำให้นั่งไปลงโรงแรมใกล้ ๆ เพื่อเดินต่อไปอีกนิดหน่อย
ที่สำคัญขากลับเราสามารถใช้บริการ City Check-in เพื่อเช็คอินกับสายการบิน ส่งมอบกระเป๋า และ รับบัตรที่นั่ง (Boarding Pass) ได้เลย โดยไม่ต้องไปทำอีกครั้งที่สนามบิน ทำให้หมดกังวลเรื่องไปสนามบินไม่ทัน โดยผมมักจะเช็คอินก่อน แล้วเดินเล่น กินข้าว ซื้อของต่อจนได้เวลาสัก 2 ชั่วโมงก่อนเวลาขึ้นเครื่องค่อยขึ้นรถไฟไปสนามบิน
โดยเฉพาะคนที่พักฝั่งเกาลูน สถานที Kowloon Airport Express Station อยู่ที่ Element Place ซึ่งเป็นห้างที่มาเปิดคร่อมสถานีรถไฟ มีร้านอาหารเทพ ๆ มากมาย พร้อมด้วยแหล่งช๊อปปิ้งให้ทิ้งท้ายก่อนกลับ
หากใครไม่มีอะไรทำ และ ใช้บริการสายการบิน Emirates แนะนำมื้อเย็นก่อนขึ้นเครื่องรอบดึกกับร้านอาหารสุดเทพ xenon_art พาชิม: Chinese Kitchen ร้านโปรดของผมมาเปิดสาขาหน้าทางขึ้นเครื่อง Gate 64 ที่ฮ่องกงแล้ว
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่วางแผนไป ฮ่องกง นะครับ ใครมีเทคนิค คำแนะนำอื่น ๆ สามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่
สำหรับคนที่จะเดินทางพร้อมเด็กเล็ก แนะนำ
บทความอื่น ๆ ทั้งกิน ทั้งเที่ยว เช็คได้ที่นี่เลย
- xenon_art พาตะลุยแหล่งของเล่นในฮ่องกง Hong Kong Toy area
- ชี้เป้า ไปฮ่องกงซื้อ Gundam และ P.O.P (วันพีช) ที่ไหนถูก
- xenon_art ชี้เป้า…มาฮ่องกงซื้อเลโก้ที่ไหนถูก และ สะดวก
- รวมรีวิวร้านอาหารในฮ่องกง
- รวมเรื่องเที่ยวในฮ๋องกง
ทิ้งท้ายกันไว้ด้วยทริปฮ่องกงง่าย ๆ สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
ตารางการเที่ยวฮ่องกงของบ้านผมไม่ยากทุกวันเหมือนเดิม 4 วัน 3 คืน ประมาณนี้
9:00 – โมงตื่น (สายหน่อยนะ วันหยุดจะรีบไปไหน)
9:30 – แวะ Starbuck ตรง Habor City กินกาแฟ และ ขนมปังเล็กน้อย
10:00 – Toy R Us เปิดพอดี เป็น moment ที่ลูกชอบมาก ๆ ตอนวิ่งเข้าไปพร้อมประตูเค้ากำลังเปิด
11:00 – แวะเล่นเกมส์ร้านตู้เกมส์ แถว ๆ Toy R Us หรือ เดินดูหนังสือ และ ของเด็กชั้น B1
11:30 – ออกหาของกินรอบ ๆ ตามโพส กินฮ่องกง: ลายแทงของอร่อยที่ฮ่องกง ย่านถนน Canton
13:00 – เดินเล่นชิลด์ ๆ ช็อปปิ้งตามอัธยาศัย หากไม่ช็อปก็มีกิจกรราครอบครัวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Disney Land, Ocean Park, ชมวิว Victoria Peak ซึ่งพวกนี้คงไม่ต้องบรรยาย หาอ่านได้ทั่วไป สำหรับบ้านผม ถ้าขึ้เกียจ ก็นั่ง Taxi ตรงจากโรงแรมไป Disneyland หรือ Ocean park เลย รถฟงรถไฟ รถบัส ไม่ได้กินผมหรอก เพราะผมเก็บเงินเผื่อให้ฟุ่มเฟือยเรื่องความสะดวกในการเดินทางไว้แล้ว ไปประหยัดส่วนอื่น เช่น ช็อปปิ้งแทน
แต่ถ้าไปใกล้ ๆ อยากให้นั่งรถไฟ และ รถเมลล์บ้างนะครับ เป็นประสบการณ์ให้ลูก เปิดโลกให้เค้าหน่อย ไหน ๆ ก็เสียเงินบินไปต่างประเทศแล้ว
แต่หากจะไป มงก๊ก (Mong Kok) แนะนำว่าอย่าเอารถเข็นไป ให้ทนอุ้มลูกเอา เพราะคนแน่น ฟุตบาทเล็ก แถมคนเดินกันเร็ว อุ้มเอาเร็วกว่า ไม่ว่าจะเดินไปดูของ IT, ของเล่น, แผ่นเกมส์ หรือ เสื้อผ้าที่ Lady Market.
17:30 – กลับโรงแรมด้วย Taxi เพราะของเยอะ และ เหนื่อยแล้ว วางกระเป๋า นั่งพัก เตรียมตัวลุยกิน
18:00 – จากโรงแรมบนถนน Canton ก็เลือกเลยว่าจะชิมร้านไหนใน “ลายแทง” กันต่อ
กิจกรรมมาตรฐานของบ้านผมเวลาไปฮ่องกงคือกิน กับ ซื้อของเล่น ของสะสมต่าง ๆ เพราะพวกแบรนด์เนมแพงพอ ๆ กับบ้านเรา
ส่วน Toy R Us ถูกกว่าบ้านเราพอสมควร โดยเฉพาะ Lego และ ปืน Nurf ส่วนรถ Hotwheel ไม่ต่างกันมาก
บริเวณชั้น B1 ที่มี Toy R Us จะมีร้านเสื้อผ้าเด็ก รองเท้าเด็กขาย ให้ดูป้ายเซลครับ ถ้าไม่เซล บางครั้งราคาพอ ๆ กับไทย เสียเวลาหิ้ว
ที่น่าสนใจคือ ร้านหนังสือแถวนั้น มีหนังสือเด็กเพื่อการเรียนรู้เยอะ และเป็นหนังสือที่บ้านเราไม่มี
ขอให้สนุกกับการไปท่องเที่ยวครับ
________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE FacebookFanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ผมพลาดเรื่องกระเป๋าคับ ใช้เป้ใบใหญ่ซื้อของใส่เป้ ของตัวเองมีนิดเดียวนอกนั้นของเพื่อนหมดเลย หนักคนเดียว พลาดจริงๆ
555 คราวหน้าเอาใหม่
ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้เยอะ และละเอียดมาก ๆ เลยค่ะ
ยินดีครับ ขอให้เทึ่ยวสนุกนะครับ
ขอบคุณมากครับ…
จะไปฮ่องกงเอง เดือนตุลา 57 ครับ หาข้อมูลเยอะ กลัวเรื่องขึ้นเครื่องไม่ทันครับ พักที่ จิมซ่าจุ้ย แล้วแฟนอยากไปมาเก๊าด้วย ไปแค่ 3วัน 2คืน กลัวไม่ทันครับ แต่ก็แอบกล้าเล็กๆ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ไปมาเก๊าต้อง 1 วัน หรือ รีบ ๆ สามารถออกแต่เช้า แล้วเร่งเที่ยวให้เสร็จกลับมาฮ่องกงได้ประมาณบ่าย 3 ครับ แต่เวลาเที่ยวในฮ่องกงจะหายไปเยอะเลย
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลย
ยินดีเสมอครับ มีคำถามโพสถามได้ที่นี่ และ ที่หน้าแฟนเพจนะครับ
ที่สนามบินhkมีจุดรับฝากกระเป๋ามั้ยค่ะ คือบินตรงจากเชียงใหม่ถึงเที่ยงคืน กะจะนอนรอเช้าแล้วไปนองปิงที่เดียวจะได้ไม่เสียเวลาตีไปตีกลับ. รึมีที่พักใกล้ๆสนามบินรอบดึกราคาประหยัดแนะนำมั้ย แอบงกค่ะ^^
มีจุดรับฝากกระเป๋าที่ชั้น 3 เทอมินัล 2 ครับ วันละ 140 เหรียญ ยังไงลองดูที่ลิ้งค์นี้ครับ
https://www.hongkongairport.com/eng/passenger/departure/all/baggage/left-baggage.html
ว่าจะไปกับสามีเดือนไหนควรจะไปยังไม่เคยไปฮ่องกงกันเลยและโรงแรมไหนควรจะใช้รถอะไรเดินทางแบบไหนพอถึงฮ่องกงแล้วคะแนะนำหน่อยคะ
ถ้ายังไม่มีลูกไปช่วงไหนก็ได้เพราะฮ่องกงเที่ยวได้ตลอดปี
ช่วงหน้าร้อนเมษา พฤษภา อากาศประมาณ 30 ไม่ร้อนมาก ราคากลาง ๆ
ช่วงหน้าฝน ฝนตกเดินเที่ยวยากนิดนึง แต่โรงแรมถูก แถมเป็นช่วง Sale ลดราคากันทั้งเกาะ (ช่วงเดียวกับประเทศไทย ราคาพอ ๆ กัน)
ช่วงสิ้นปี อากาศเย็นสบาย แต่งตัวสวย แต่แพงโรงแรมกว่าปกติ 20%
โรงแรมขึ้นอยู่กับงบประมาณครับ ลองตั้งงบดูครับว่าค่าโรงแรมคิดไว้ในใจเท่าไหร่ 5,000 8,000 หรือ 10,000 จะได้แนะนำถูกครับ