ไตรภาครีวิว: แกะกล่อง iPad Air เทคโนโลยีล่าสุด 64 บิต มันเบามาก…รักเลย

มาแล้วจร้า ร้อน ๆ จากอเมริกากับ iPad Air หรือ ไอแพดรุ่นใหม่ล่าสุดของแอปเปิ้ลที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาวันนี้

จากข่าว iPad ใหม่ใช้ชื่อ iPad Air เสปค หน้าตา มีอะไรใหม่บ้าง ซึ่งในงานเปิดตัวประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษจิกายน ซึ่งก็คือวันนี้ แต่เครื่องศูนย์มาบุญครองก็ไวปานจรวด มีขายกันเรียบร้อยแล้ว xenon_art ก็ไม่รอช้า จัดมารีวิวให้ชมกันทันที

หากใครยังจำไม่ได้ว่าไอแพดรุ่นใหม่ หรือ ที่เค้าเปลี่ยนชื่อเป็น iPad Air นั้นมีอะไรใหม่บ้างมาดูกันแบบ..สั้น..ง่าย..จบ..อะเคร?

ได้ชื่อใหม่แหวกแนว iPad Air
บางกว่าเดิม 1 มิล
เบากว่าเดิม ขีดครึ่ง (ประมาณ 160 กรัม)
แคบกว่าเดิม เพราะขอบจอด้านข้างแคบลง
ได้ไส้ประมาณ iPhone 5s มาใช้ โดยใช้ชิพ A7 ตัวล่าสุดพร้อมเทคโนโลยี 64 บิท และ ชิพ M7 ควบคุมการทำงานของ Motion sensor
เทคโนโลยีใหม่ รับสัญญาณไวไฟดีกว่าเดิม
เพิ่มรุ่นความจุ 128 กิ๊ก มาให้เลือกใช้
แรม 2 กิ๊ก
กล้องหลัง 5 ล้าน iSight Camera ถ่าย VDO แบบ HD
กล้องหน้า 1.2 ล้าน Facetime แบบ HD
ได้สีใหม่ตาม iPhone 5s คือ Silver กับ Space Gray

ว่าแล้วก็มาชมแกะกล่องฉบับภาพเยอะกันเลย อ้อ…แน่นอนว่า xenon_art รีวิวเครื่องสีขาวเหมือนเดิม ก็ใจมันรักนี่นา อิ อิ อิ

ด้านหน้ากล่องพื้นขาวพร้อมภาพตัวเครื่องเอียง ๆ แสดงให้เห็นถึงทรงที่เปลี่ยนไปจากรุ่นเก่า และ แน่นอนว่าเครื่องขาว ภาพหน้ากล่องก็เป็นสีขาว

ด้านข้างระบุ iPad Air ชัดเจน ไม่ต้องกลัวซื้อผิดรุ่น

ด้านหลังมีสติ๊กเกอร์แจกแจงว่าเป็น iPad Wi-Fi Cellular 32GB WHT ซึ่งคือ ไอแพด 32 กิ๊ก ใส่ซิมได้ (4G) สีขาว

หากเป็นรุ่นใส่ซิมไม่ได้จะไม่มีคำว่า Cellular

เปิดกล่องออกมา น้องแอร์ ก็นอนเต็มกล่องฟิต ๆ ตามสไตล์แอปเปิ้ล….เหมือนเดิม

เมื่อยกเครื่องออกมา ก็จะพบกับบรราดอุปกรณ์นิดหน่อยที่แอปเปิ้ลแถมมาให้ดังนี้

1 คู่มือเล็ก ๆ

2 ที่จิ้มซิม (สำหรับรุ่น Cellular)

3 สายดาต้า / สายชาร์ต

4 หัวปลั๊กชาร์ตไฟบ้าน

ไม่มีหูฟัง EarPod ตามปกติของไอแพดทุกรุ่น

และเนื่องจากเครื่องนี้เป็นเครื่องนอก ดังนั้นหัวปลั๊กจึงเป็นแบบ 3 ขาเหลี่ยม

แน่นอนว่ามันมาแบบ 2 ชิ้น คือ หัวชาร์ตไฟ และ อะแดปเตอร์ ซึ่งต้องนำมาประกอบกันอีกที

ประกอบแล้วได้ปลั๊กนอกหน้าตาน่าเกลียดอย่างที่เห็น ซึ่งคงไม่ได้ใช้ คงไปเอาที่ชาร์ตขอไอแพดเดิมมาใช้แทน

ดายดาต้าที่มีหัวด้านหนึ่งเป็นแบบ USB เอาไว้ต่อกับคอม หรือ ต่อกับปลั๊กชาร์ตไฟ

หัวอีกด้านหนึ่งเป็นแบบ Lightning เอาไว้เสียบเข้ากับ “ตูด” น้องแอร์

ตัวเครื่อง iPad Air ที่มากับหน้าจอแบบ เรติน่า ขนาด 9.7 นิ้วเหมือนเดิม พร้อมความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล แต่ลดน้ำหนักตัวเครื่องเหลือเพียง 469 กรัม หรือ เกือบ ๆ ครึ่งโล

ขอบจอที่เล็กลงกว่าเดิมเยอะส่งผลให้รู้สึกว่าเครื่องกระทัดรัดขึ้นทั้ง ๆ ที่หน้าจอ 9.7 นิ้วอันเดิม พร้อมเทคโนโลยีทัชสกรีนเหมือนในไอแพดมินิ ทำให้เวลาใช้งานไม่ต้องกลัวนิ้วโป้งจะไปสัมผัสโดนจอแล้วตัวเครื่องมันรู้ว่าเราแตะ หรือ จับโดนหน้จอ การจับถือสะดวกเพราะตัวเครื่องแคบลง

ด้านหลังสีเงินพ่นทราย พร้อมโลโก้แอปเปิ้ลสีเงินเงากลางหลังเอกลักษณ์ของไอแพดทุกรุ่น แต่รุ่นนี้เปลี่ยนรูปทรงมาใหม่หมดจรด โดยเอาทรงของ iPad Mini มาใช้เป๊ะ เอ๊ะมันใหม่ตรงไหนหว่า อ้อ….มันคือ ไอแพด มินิ ขนาด 9.7 นิ้วนี่เอง

ด้านหลังสีเงินพ่นทราย หรือ จะเรียกสีอลุมิเนียมยิงทรายก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ถ่ายมุมเอียงให้เห็นความเนียนของชิ้นงานการประกอบเนี๊ยบ ๆ ที่ยังไม่มีใครมาเทียบ

ด้านหลังส่วนบนก็จะเป็นกล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ถ่าย VDO ความละเอียด HD

การจัดวางของน้องแอร์ จะเอาปุ่ม และ ช่องใส่ซิมจะมาอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ทำให้การถอดใส่ซิมสะดวกขึ้น ยิ่งกรณีใส่ smart cover ด้านขวามือของตัวเครื่อง เวลาจะเปลี่ยนซิมจึงไม่ต้องถอด smart cover อีกต่อไป

ด้านซ้ายบนของตัวเครื่องไล่จากบนลงมาก็เป็นปุ่ม ปิดเสียง ปุ่มเพิ่ม และ ปุ่มลดเสียง

หากใช้งานในโหมดกล้อง ปุ่มลดเสียงก็จะเป็นปุ่มชัดเตอร์ถ่ายรูป

ด้านซ้ายล่างของตัวเครื่องจะเป็นช่องใส่ซิมแบบ นาโนซิม ซึ่งเป็นซิมขนาดจิ๋วสำหรับไอแพด และ ไอโฟน ตอนนี้นั่นเอง

การถอดถาดซิมก็เหมือนเดิม คือเอาที่จิ้มซิม จิ้มเข้าไป ตัวถาดก็จะเด้งออกมา

ด้านขวาของตัวเครื่องเรียบ ๆ ไม่มีอะไร พร้อมใส่ smart cover

ด้านบน หรือ “หัวเครื่อง” ก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรมากไปกว่า ด้านนึงเป็นปุ่ม power

อีกด้านนึงเป็นช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ที่สามารถเอาหูฟังทั่วไปมาใช้งานได้

ปุ่มโฮมที่ไร้เทคโนโลยี Touch ID ของเล่นใหม่ใน iPhone 5s ซึ่งแอปเปิ้ล “กั๊ก” เอาไว้กินตังพวกเราในไอแพดใหม่คราวหน้า แหม….เก็บไว้กันกันหลายรอบ จะชม หรือ จะด่าดีเนี่ย

ผมว่าหาก iPad Air ให้ Touch ID มาคงจะฮือฮา และ น่าตื่นเต้นมากกว่านี้

ด้านล่าง หรือ “ตูดเครื่อง” เหมือนเดิมครับ ตรงกลางเป็นช่องเสียบสายแบบ Lightning ขนาบข้างด้วยลำโพงคู่ เสียงดังฟังชัด

อีกมุมกับลำโพงคู่ และ ช่องเสียบสายชาร์ต สายดาต้าที่ต้องใช้เฉพาะของ แอปเปิ้ล เท่านั้น ไม่สามารถใช้สายร่วมกับชาวบ้านที่เป็นแบบ MicroUSB มาตรฐานอุปกรณ์ในปัจจุบัน

เก็บภาพอีกมุมมาให้ชมกันว่ามันช่างเป็นทรงของ ไอแพดมินิ จริง ๆ ครับ แต่ก็สวยไปอีกแบบ

โค้ง มน จับง่าย กระชับมือ น้ำหนักเบา หน้าจอคมชัดแบบ Retina กับระบบปฏิบัติการ iOS7 จะเอาอะไรอีกครับพี่น้อง…….จะเอา iOS6 ครับท่านทิม คุก 555

จากการสัมผัสครั้งแรก ต้องตะลึงตึง ๆ เพราะมันเบามากกกกกกกกกกก ขนาดไม่ได้ใช้ไอแพดมา 1 ปีเต็ม เพราะปันใจให้ ไอแพดมินิ ที่เล็ก เบา พกพาง่าย แต่พอได้จับ iPad Air แล้วต้องบอกว่าเบาจริง ๆ ความรู้สึกแทบไม่ต่างกับเวลาถือ ไอแพดมินิ+เคส Ozaki เลย

และ ด้วยความที่มันใหม่มว๊าก ทำให้ยังไม่มีเคสใส่ การจับถือตอนแกะกล่องจึงเป็นไปด้วยความ “เสียว” กลัวมันเป็นรอย

เอาไว้ไปหาเคสที่ถูกใจมาใส่แล้วว่ากันอีกทีว่า น้ำหนักรวมเคสจะทำให้ผมทิ้งมันไปหา iPad Mini with Retina ที่กำลังจะออกขายปลายเดือนนี้หรือเปล่า

นอกจากความเบาแล้ว ด้วยไส้ใน A7 + M7 คล้าย iPhone5s ทำให้การทำงานตอบสนองรวดเร็วทันใจ หน้าจอแจ่ม ๆ พร้อมขอบจอที่เล็กลงทำให้การจับถือในเบื้องต้นกับการดู youtube และ เข้าเวป ให้ความรู้สึก “ฟิน” อีกครั้งกับแท๊ปเล็ตหน้าจอใหญ่ ๆ

โดยรวมแล้วประทับใจที่สุดก็ตรงความเบา และ ขอบจอที่เล็กลง ทำให้เครื่องไม่ดูเทอะทะเหมือนไอแพดเดิม ๆ ส่วนการทำงาน และ กล้องถ่ายรูป ยังไม่ได้ลองอะไรมากนัก จึงไม่ขอ “ฝอย” ในตอนนี้ เอาไว้ลองเต็ม ๆ ลองจริง ๆ แล้วค่อยมา “โม้” ให้ฟังอีกที วันนี้เอาน้ำจิ้มไปยั่วน้ำลายกับ รีวิวแกะกล่อง ตามสไตล์ xenon_art ไปชิมก่อนนะ

รอชมรีวิวการใช้งานแบบไตรภาคที่นี่ เร็ว ๆ นี้

ใครชอบเสพเสปคแบบบ้าคลั่งสามารถไปดูเสปคอย่างเป็นทางการได้ที่

http://www.apple.com/ipad/compare/

ขอให้สนุก มีความสุขกับอุปกรณ์ไอทีครับ

_________________________________________________________________