ซ่อมบำรุงในแบบรถแรงจากโรงงานต้องทำอะไรบ้าง ของอัพเกรดเพิ่มความเหนียว เรียกความมั่นใจในการขับฉบับ “รถแรงอยู่บ้าน” ไม่ใช่ “รถแรงอยู่อู่” ผมเปลี่ยนอะไร ราคาเท่าไหร่
ตอนนี้โปรเจคดาวอังคารคันนี้ ใช้เงินไปเท่าไหร่แล้ว?
#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #BMW #335i #E90 #N55 #ของมันต้องมี
รายการของอัพเกรด
- ชาร์ปซิ่ง ACL 12,000 บาท
- รีสโตร์ เทอร์โบ แบบเปลี่ยนเสื้อกลางใหม่ 25,000 บาท
- Turbo Smart DualPort Diverter 12,500 บาท
- Mosselman Oil Thermostat 22,000 บาท
- ฝาครอบกรองน้ำมันเครื่อง 1,200 บาท
- หัวเทียน NGK Laser Iridium 6 หัว 5,028 บาท
รวม 57,728 บาท
ในส่วนของการอัพเกรดของในเครื่องนี้ ไม่ได้ส่งผลให้รถแรงขึ้นใด ๆ แต่เป็นการเพิ่มความมั่นใจ และ ความทนทานให้กับเครื่องในระยะยาว
ใครที่ตามรอยมาปั้น จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ยกเว้นตัวชาร์ปที่ควรต้องตรวจสอบเพราะชาร์ปละลายเป็นอาการประจำรุ่นของ N54/N55 กันเลย อย่างที่เคยทำบทความเกี่ยวกับ N54 vs N55 ไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าท่านจะซื้อรถที่วางมาแล้ว หรือ วางเอง ควรเปิดชาร์ปมาตรวจสอบ
ACL – Race Series
อย่างคันนี้เปิดออกมาแล้วพบว่าสภาพชาร์ปโดยรวมถือว่าดูดี มีร่องรอยการใช้งานตามปกติ แต่ชาร์ปสูบ 4 เริ่มมีรอยถลอกลึก สภาพนี้ถามว่าใช้ต่อได้ไหม ก็ใช้ต่อได้อีกสักระยะ แต่เพื่อความ “จบ” ให้เหนียว ผมเปลี่ยนชาร์ปใหม่ โดยใช้ชาร์ปซิ่งของ ACL ที่ใช้วัสดุ TriMetal ให้ความแร็งแกร่งมากกว่าชาร์ปสแตนดาร์ท ทนต่อบูสเยอะ ๆ แรงม้าเยอะ ๆ ได้ดีกว่าเดิมไปทีเดียวเลย
ReStore เทอร์โบใหม่
ตามสเต็ปของการปั้นเครื่อง โดยเฉพาะรถที่เน้นแรงม้า ไม่ว่าจะรถเดิมเตรียมตัวเอาไปจูน หรือ รถซิ่งมาแล้ว สิ่งที่ควรทำคือถอดเทอร์โบออกมาตรวจสอบกับร้านเทอร์โบมาตรฐาน
รถผมซื้อมาขับปกติ เครื่องนิ่ง กดคันเร่งปุ๊ปม้าก็มา อาการเหมือนปกติ แต่พอถอดเทอร์โบส่งไปตรวจเช็คที่ WorldTech ย่านประเวศ พบว่ามีอาการน้ำมันขาด แกนสึก ใบสึก
ผมแจ้งทางคุณจีน WorldTech ไปว่าคันนี้เป็นรถโปรเจคดาวอังคาร เดี๋ยวมีการเอาไปจูนต่อทาง WorldTech เสนอเปลี่ยนชุดกลางยกชุดไปเลยน่าจะจบ และ ชัวร์กว่า
เปลี่ยนชุดกลางเสร็จก็เอาไปบาลานซ์เทอร์โบใหม่ให้ได้ตามมาตรฐาน แก้ไขใบที่บิ่นเปลี่ยนใหม่
ส่วนใครที่สงสัยว่าคันนี้ผมจะอัพเทอร์โบหรือไม่ ตอบให้เลยครับว่าอัพใบหน้าครับ ส่วนราคา รายละเอียดเอาไว้บทความหน้านะครับ บทความนี้เน้นรายการ และ ราคาของการทำรถให้สมบูรณ์แบบเดิม ๆ ที่สุด
ราคา Restore เทอร์โบ 25,000 บาท
Turbo Smart
ในส่วนของ Turbo Smart เป็นรุ่น Dual Port Diverter ซึ่งทำหน้าที่คุมไอดีส่วนเกิน ซึ่งเกิดจากเวลาเรากดคันเร่ง เทอร์โบทำงานปั่นอากาศผ่านอินเตอร์คูลเลอร วิ่งเข้าห้องเผาไหม้ จังหวะกดหนัก ๆ แล้วยกคันเร่ง จะมีอากาศค้างในระบบ ซึ่งต้องระบายออกจากระบบป้องกันอากาศดันย้อนไปทำลายใบเทอร์โบ
เดิม ๆ นั้นรถมี Diverter พลาสติค คุมไอดีส่วนเกินแล้วโอนคืนกลับเข้าระบบไอดี แต่ Turbo Smart Dual Port Diverter เป็นโลหะ มีการคุมอาการที่ดีกว่า แม่นยำกว่า และ เปิด-ปิด เร็วกว่าเดิม ลดอาการแลคในจังหวะกด ๆ ถอน ๆ เรียกว่าตอบสนองต่อคันเร่งดีกว่าเดิม อีกทั้งยังเพิ่มอารมณ์การขับขี่ด้วยการคืนไอเสียครึ่งหนึ่งกลับไปในระบบไอดี อีกครึ่งหนึ่งคายสู่บรรยากาศภายนอก สร้างเสียง “ฟิ้ว ๆ ๆ” ตอนยกคันเร่ง
ชิ้นนี้ เป็นชิ้นแนะนำไม่ว่าคุณจะทำรถเดิม หรือ ทำรถซิ่ง เพราะ Diverter เดิม ๆ นั้นใช้ไปเป็นแสนโล อาจะเกิดอาการล้า บางคันขอบยางในชุดวาล์วแข็งหมดสภาพทำให้การคุมอากาศไม่ดีเท่าเดิม หากมีจังหวะยกเครื่องออกมา ก็ควรจะเปลี่ยนไปเลยทีเดียวครับ เพราะหากเปลี่ยนในรถจะยากมาก
Oil Thermostat
Mosselman Oil Thermostat ตัวนี้เปินวาล์วคุมอุณหภูมิน้ำม้นเครื่อง ซึ่งเดิม ๆ อุณหภูมิน้ำมันเครื่องของ N55 จะ
อยู่ที่ 120 องศาเซลเซียส แต่ Mosselman ชุดนี้ผลิดมาเพื่อให้วาล์วคุมลดอุณหภูมิลงประมาณ 20 องศาเซลเซียส
นั่นหมายถึงแทนที่วาล์วจะเปิดให้น้ำมันระบายสู่ Oil Cooler เพื่อคุมอุณหภูมิให้คงที่ 120 องศาฯ หลังจากเปลี่ยนตัวนี้ไป ระบบจะพยายามคุมอุณภูมิให้อยู่ที่ 100 – 110 องศาฯ (โดยประมาณ)
สำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา อาจจะสูงเกินไป ความร้อนสะสมในตัวเครื่องตลอดเวลา ซึ่งหลาย ๆ คันก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคิดจะทำเครื่องซิ่งแบบโปรเจคดาวอังคารนี้ Mosselman Oil Thermostat คือ “ของมันต้องมี” จริง ๆ เพราะนอกจากเปิดฝากระโปรงออกมาแล้วเท่ห์จัด ๆ แล้ว เค้ายังช่วยยืดอายุเครื่อง เพิ่มความเหนียวอีกด้วย
NGK Laser Iridium
หัวเทียนเลือกใช้ NGK Laser Iridium เบอร์ตรงรุ่นเครื่อง N55 เพื่อจ่ายไฟแรงขึ้น จุดระเบิดดีขึ้น รองรับบูสได้มากขึ้น ลดความร้อนในเครื่องได้เล็กน้อย
สำหรับหัวเทียนนี้เป็นอีกจุดที่หลายคนมองข้ามไป ไม่ว่าจะรถเดิม หรือ รถซิ่ง เอาจริง ๆ พวกนี้เค้ามีอายุการใช้งานอยู่ครับ มันอยู่ในชุดเซอร์วิสระยะ 1 แสนกิโลฯ ของรถเบนซินอยู่แล้ว เพียงแต่ส่วนมากจะเปลี่ยนกันตอนมีอาการ misfire กัน แต่ผมเปลี่ยนไปเลยให้มันจบ ๆ ครับ
Oil Filter Cap
ชิ้นสุดท้ายคือ ฝาครอบกรองน้ำมันเครื่องอลูมิเนียม อันนี้เอาเท่ห์ล้วน ๆ ครับ
ชิ้นนี้เดิมเป็นพลาสติค เราก็แค่สลับมาใช้อลูมิเนียมชุบอโนไดซ์สีน้ำเงินให้เข้าธีมกับ Crank Guard ลงตัวกับรถสีขาว
ข้อดีนอกจากเท่ห์แล้ว ยังลดโอกาศฝารูดจากการขันเปิด-ปิด พลาดได้ด้วย เรียกว่าฝาแบบนี้เปิด-ปิด ง่ายกว่า และ แข็งแรงกว่าพลาสติค
ทั้งหมดนี้คือ การอัพเกรดของเพิ่มความเหนียวให้กับ N55 โปรเจคดาวอังคารคันนี้
ในส่วนของการซ่อมบำรุง รายการจะคล้าย ๆ กับ 740Li ของผมที่เป็นเครื่อง N55 เหมือนกัน โดยสิ่งแรกที่ต้องตรวจสอบนอกจากการเช็ครั่วซึมรอบตัวเครื่อง กับเทอร์โบแล้วนั่น
คือรางโซ่ครับ รางโซ่เช็คง่าย เพราะเปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องออกมาก็เห็น เครื่องรุ่นนี้โซ่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่งที่ทำจากพลาสติคทนความร้อน (เรียกชื่อไม่ถูกครับ) เมื่อมีอายุระดับนึง สีจะเปลี่ยนจากสีขาว เป็นสีน้ำตาลแดง หากสีเข้มมาก ๆ เป็นสัญญาณให้รู้ว่าหมดสภาพแล้ว
ดังนั้นรถเครื่องตระกูล N ที่เป็นเบนซิน เพื่อความสบายใจ ผมมักจะจับเปลี่ยนรางโซ่ แม้จะไม่ได้ยกเครื่องลงมารื้อเหมือนคันนี้ก็สามารถเปลี่ยนได้ไม่ยากเพราะชุดโซ่อยู่หน้าเครื่อง และชุดโซ่ราคาไม่แพง ดีกว่ารางแตกแล้วพัง พังแล้วหมดเป็นแสนอีก
คันนี้เปลี่ยนเฉพาะรางโซ่ ชุดบน และ ชุดล่าง ส่วนโซ่ และ เฟืองแคมอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ข้ามไป
รายการซ่อมบำรุง….อู่ยังทำบิลไม่เสร็จ
วันนี้เราจึงยังไม่ทราบว่า นอกเหนือจากส่วนที่ผมดำเนินการอัพเกรดของเหนียวแล้ว อุปกรณ์มาตรฐานที่เบิกศูนย์มา รวมถึงหลาย ๆ พาร์ทที่ต้อง airfreight มา รวมค่าแรง ค่ายกเครื่อง ของเหลวต่าง ๆ ทาง RR Roadrunner ลาดพร้าว 80 จะคิดเท่าไหร่
แต่คาดว่าน่าจะประมาณแสนกว่าบาท เน้นอุปกรณ์ซีล ท่อ และ รางพลาสติตต่าง ๆ ที่เยอะมากกกก แอบเห็นบิลแว๊ป ๆ ประมาณ 5 หน้าได้
เพื่อน ๆ คิดว่าบิลที่ RR Roadrunner จะออกมาเท่าไหร่ ไปคอมเม้นต์สนุก ๆ ได้ที่หน้าเพจเฟสบุ๊ค หรือ ทางยูทูปได้เลยครับ
ปล. ทายถูกไม่มีของรางวัลนะ อุ อุ
ตอนนี้เครื่องก็สมบูรณ์ในแบบ รถ N55 ที่แข็งแกรงกว่าเดิม พร้อมใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจ เพราะเราซ่อมเก็บจุดอ่อน และ เพิ่มของเหนียวไปแล้ว เค้าจะเป็นรถแรงโรงงานที่ขับสบายใจ อยากขับเมื่อไหร่ก็หยิบกุญแจออกมาสตาร์ทแล้วไปมีความสุขได้ทันที ไม่ต้องระแวงใด ๆ ทั้งสิ้น
ใช้งบประมาณจึนถึงวันนี้ไปทั้งสิ้น
- ซ่อมเบรค Brembo 44,500 บาท
- ซ่อมสีล้อ BBS 2,000 บาท
- โช้ค Tein EDFC + ค่าซ่อม 49,000 บาท
- ของอัพความเหนียว 77,728 บาท
รวม 173,228 บาท
ทีนี้เพื่อน ๆ คงได้เห็นไอเดียแล้วว่าซื้อรถที่วางเครื่องอัพเกรดแบบ “ตรงรุ่น” มาต้องทำอะไรบ้าง ทั้งนี้ เวลาทำรถแนวนี้ ไม่ใช่ซื้อมาก็จะห่วงแต่ซิ่ง ห่วงแต่ Performance นะ มันต้องเริ่มจากเราทำรถให้สมบูรณ์ก่อนแต่ยังครับ ยังไม่จบ เค้าจะแรงแบบเดิม ๆ ก็ไม่ใช่โปรเจคดาวอังคารแล้วครับ
บทความหน้าเรามาต่อกันว่า “ของซิ่งอัพแรงม้า” เราใส่อะไรลงไป ราคาแต่ละชิ้นเท่าไหร่ แล้วเราจะปั่นแรงม้าลงพื้นได้กี่ตัว กับโปรเจครถแรงใช้ได้ทุกวัน อยู่บ้าน ไม่ใช่อยู่อู่
พบกันใหม่เร็ว ๆ นี้ครับ
_____________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart