ซื้อรถมือสองมาแล้ว ต้องซ่อมอะไรบ้าง จุดไหนเสียบ่อย จุดอ่อนประจำรุ่นคืออะไร ราคาเท่าไหร่ เครื่องเบนซิน กับ ดีเซล ซ่อมต่างกันเท่าไหร่
#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #Howto #ซ่อมรถมือสอง #BMW #X3 #X4 #F25 #F26
บทความนี้มัดรวมการซ่อมบำรุง จุดอ่อนประจำรุ่น และ อาการที่เสียบ่อยของ BMW X3 F25 + X4 F26 เอาไว้ด้วยกัน เนื่องจากรถใช้พื้นฐานเดียวกัน เครื่องเดียวกัน ระบบเกียร์เหมือนกัน ต่างกันที่เสื้อเกียร์ อีกทั้งช่วงล่างระบบเดียวกัน
ช่างซ่อม BMW ที่ชำนาญจะรู้จุดเช็คเป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องตัวเดียวกับที่วางใน ซีรีย์3 F30 และ ซีรีย์ 5 F10 ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเบนซิน หรือ ดีเซล ดังนั้น เอาตรง ๆ ถ้าใครติดตามผมมาตลอดก็น่าจะพอเดาได้ว่าเจ้า X3 กับ X4 คู่นี้ต้องซ่อมอะไรบ้าง
เครื่องยนต์
ทั้งเครื่องเบนซิน และ ดีเซล มีสิ่งที่ต้องดูแลเหมือนกันคือ
อาการรั่วซึมของตัวเครื่อง เกิดจากซีลยาง หรือ ปะเก็นเสื่อมสภาพ ไล่ตั้งแต่ยางฝาวาล์ว อ่างน้ำมันเครื่อง อ่างน้ำมันเกียร์ ปะเก็นหน้าเครื่อง ซึ่งพวกนี้ราคาหลักร้อย ไปจนถึงหลักพันบาท ราคาไม่แพง
ในส่วนของหน้าเครื่องก็จะมีชุดสายพาน ที่ประกอบไปด้วย ลูกรอกสายพายต่าง ๆ รวมถึงตัวสายพาน หากพบว่าเริ่ม เสื่อมสภาพ หรือ แตกร้าว แนะนำให้เปลี่ยนเลย ไม่ต้องรอให้เสีย ราคาอะไหล่หลักพันบาท
ออยเครื่อง และ ออยเกียร์ จุดนี้ตรวจสอบได้โดยการเปิดดูกระป๋องพักน้ำว่ามีคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิวน้ำหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่า ออยฯ เริ่มรั่วแล้วให้รีบเปลี่ยน แต่ถ้าน้ำในหม้อน้ำมีสีชานม นั่นคือ ออยฯ แตกแล้วครับ รีบเปลี่ยน และ ล้างระบบน้ำท้นที
เวลาเปลี่ยนออยฯ ต้องเปลี่ยนประเก็นออยฯ ด้วย เครื่องเบนซินใช้ 2 ตัว รวมแล้ว 3,xxx บาท หากเป็นดีเซล ใช้ 4 ชิ้น ชิ้นละ พันกว่าบาทรวมแล้วก็ประมาณ 7 – 8,xxx บาท แล้วหากเสื้อกรองพลาสติคในเครื่องดีเซลมีการแตกร้าวก็ต้องเปลี่ยนเสื้อด้วย ราคาพันกว่าบาท
นอกจากนี้อื่น ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรพิศดารไปกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป อย่างระบบน้ำหล่อเย็น พวกหม้อน้ำ ปั๊มน้ำ หรือ ระบบแอร์ต่าง ๆ ที่นาน ๆ เสียที เรียกว่าซ่อมตามสภาพการใช้งาน ไม่ได้มีอะไรต้องกังวลมาก
ทั้งเบนซิน และ ดีเซลของ BMW ที่เป็นครื่องเทอร์โบ หากเจ้าของเก่าเท้าหนัก ก็ต้องระวังแกนเทอร์โบ ใบเทอร์โบ รวมไปถึงอินเตอร์ที่พออายุได้ ท่อยาง ท่อพลาสติกต่าง ๆ อาจเสื่อมสภาพได้
ให้ช่างตรวจสอบชุดเทอร์โบว่า แกนหลวมหรือไม่ มีน้ำมันซึมที่เทอร์โบหรือเปล่า ตัวเทอร์โบเองไม่ค่อยเสีย ส่วนมากจะเจอน้ำมันรั่วมากกว่า ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนซีลต่าง ๆ ตัวอะไหล่ราคาไม่แพง แต่รื้อเยอะมาก ๆ ดังนั้นค่าแรงอาจเกือบเท่าราคาอะไหล่
- ท่อน้ำเลี้ยงเทอร์โบ 430
- โอริงข้อต่อเทอร์โบ 220 x 2 = 440
- โอริงข้อต่อเทอร์โบ 430
- โอริงท่อไหลกลับเทอร์โบ 200
- เหล็กรัด 100 x 2 = 200
- เหล็กรัด 150 x 2 = 300
- ซีลท่ออินเตอร์ปากเทอร์โบ 720
- ซีลเทอร์โบ 650
- ซีลท่ออินเตอร์ 400 x 3 = 1,200
- โอริงข้อต่อบายพาส 300 x 2 = 600
- ซีลบายพาสเทอร์โบ 450
- ท่อแวคคั่มดำ 1,000
- ท่อแวคคั่มฟ้า 1,000
- ท่อแวคคั่มแดง 1,000
รวมเทอร์โบ 8,620 บาท ยังไม่มีค่าแรง
*อนาคตราคาอาจะเปลี่ยนแปลงได้ โปรดเช็คกับอู่ของท่านอีกครั้ง*
เครื่องเบนซิน
สำหรับเครื่องเบนซิน ใช้เครื่อง N20 พวก 20i จะมีสิ่งที่ชอบเสีย ดังนี้
ระยะแสนโล หลายคันมีอาการคอยล์จุดระเบิดเสีย อาการคือ เครื่องเดินไม่เรียบ สั่น วิ่งไม่ออก ไฟหน้าจอโชว์ “Drive Train Mulfunction” คอยล์จุดระเบิดตัวนึงหลักพันบาท ไม่มีอะไรน่ากังวล ที่สำคัญเวลาเสีย จะเสียเป็นบางหัว ไม่ได้เสียพร้อมกันทั้งหมด
ถึงระยะสัก 100,000 – 120,000 กม ควรถอดหัวเทียนออกมาเช็คว่าเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง
หัวฉีดใช้ไปนาน ๆ อาจต้องถอดออกมาล้างทำความสะอาด และ Calibrate ใหม่สักที แต่ถ้าเสียก็เปลี่ยนหัวละหมื่นกว่าบาท หรือหามือสอง 7,xxx บาทโดยประมาณ
ในระบบเชื้อเพลิงยังมีอีกตัวที่มีโอกาศเสียคือ ปั๊มแรงดันสูง ที่เอาไว้ปั๊มน้ำมันเบนซินเข้าห้องเผาไหม้ ตัวนี้เบิกศูนย์บีเอ็ม 4x,xxx บาท ถ้าเอาของ Bosch ไม่เกินสองหมื่นบาท
เครื่อง BMW ใช้เทคโนโลยี Valvetronic ที่พอใช้ไปก็จะสกปรก เกิดอาการสตาร์ทยาก เครื่องเดินไม่เรียบ สามารถถอดออกมาล้างได้ อาการหนักหน่อยก็เปลี่ยน ราคาหลักพันบาท มี 2 ตัว ไอดี กับไอเสีย แต่อะไหล่รหัสเดียวกัน
เครื่องตัวนี้มีอาการหัวฉีดเขกตอนสตาร์ทเช้า ๆ แต่พอเครื่องร้อนก็หาย เนื่องจากเครื่องเบนซินชุดนี้ตอนเครื่องเย็น ระบบจะจ่ายน้ำมันหนา ไม่ต้องกังวลครับ ไม่มีปัญหาใด ๆ และ ไม่สามารถแก้ไขได้
อื่น ๆ เครื่องเบนซินตัวนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว ไม่มีจุดอ่อนขนาดที่ต้องระแวงเลยครับ ถือว่าทนและไม่จุกจิก เซอร์วิส ตรวจสอบตามสภาพ
เครื่องดีเซล
เครื่องดีเซลของ BMW ยุคนี้จุดอ่อนหลัก ๆ เลยก็คือ ชุดโซ่ไทมมิ่งยืด รางโซ่แตก และ เขม่าจับตัวในระบบเครื่องยนต์
โซ่ไทมมิ่ง
จุดอ่อนหลัก ๆ ของเครื่องดีเซลเจนเนอเรชั่นนี้ คือ ชุดโซ่ไทมมิ่ง อาการคือโซ่จะยืด ทำให้เวลาเครื่องยนต์ทำงานไม่เรียบ พอหนัก ๆ เข้าส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานผิดจังหวะแล้ววาล์วจะไปยันลูกสูบ ทีนี้ซ่อมหนักเลยครับ จุดนี้อันตรายมาก ๆ
ในชุดโซ่แตะละชุดจะมี รางดันโซ่ สะพานดันโซ่ ที่เป็นพลาสติค มักจะแตกจากการเสื่อมสภาพ หากรางดันโซ่แดกจะส่งผลเหมือนโซ่ยืด คือเครื่องทำงานผิดจังหวะ และ เครื่องอาจพังได้
รถที่วิ่งระยะ 120,000 กม. ขึ้นไป ควรตรวตสอบจุดนี้ ถ้ารางดันโซ่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม แปลว่ามันควรเปลี่ยนแล้ว และเราต้องเปลี่ยนก่อมันจะแตก จะได้ซ่อมน้อยหน่อย
ผมเคยเจอรถบางคันวิ่งได้ถึง 180,000 กม. ถึงจะแตกแต่โชคดีที่แตกตอนรถไม่ได้วิ่ง เอาเข้าอู่เช็คพอดี (รถไม่ได้สตาร์ท)
โดยชุดโซ่จะมีทั้งหมด 3 ชุดดังนี้
- โซ่ไทมมิ่ง (ตัวนี้ตัวหลักที่เสียทุกคัน)
- โซ่ปั๊มแรงดันสูง (ตัวนี้เสียบ่อยเช่นกัน)
- โซ่ปั๊มน้ำมันเครื่อง (ตัวนี้ไม่เคยเจอเสีย)
เวลาเปลี่ยนชุดโซ่ไทมมิ่ง ต้องยกเครื่องออกมาจากตัวรถ เพราะชุดโซ่ทั้ง 3 ชุดนี้ อยู่หลังเครื่อง ติดกับชุดเกียร์ ถ้าไม่ยกเครื่อง เปลี่ยนไม่ได้ครับ
หากยกออกมาเปลี่ยนโซ่แล้ว ควรตรวจสอบเฟืองโซ่ หรือ บางคนเรียก สป็อกเก็ต เพราะฟันเฟืองจะมีอาการสึก ส่งผลให้เครื่องทำงานผิดจัวหวะได้ด้วยเช่นกัน
ชุดโซ่ไทมมิ่ง
- โซ่ปั๊มแรงดันสูง = 4,933 บาท
- รางดันโซ่ปั๊ม = 1,329 บาท
- รางโซ่ปั๊ม = 1,874 บาท
- เฟืองปั๊ม = 3,061 บาท
- ตัวดันโซ่ปั๊มแรงดันสูง = 3,614 บาท
- โซ่ราวลิ้น = 4,933 บาท
- รางโซ่ราวลิ้น = 1,785 บาท
- รางดันโซ่ราวลิ้น = 1,329 บาท
- เฟืองโซ่ราวลิ้น = 1,702 บาท
- ตัวดันโซ่ราวลิ้น = 3,285 บาท
รวมชุดโซ่ไทมมิ่ง และ โซ่ปั๊มแรงดันสูง 27,845 บาท
ยังไม่รวมค่าแรงยกเครื่อง และ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องเปลี่ยนตอนยกเครื่องออกจาตัวรถมาเซอร์วิสชุดโซ่ ที่ควรทำต่อเนื่อง แต่เอาเป็นว่าถ้าต้องยกเครื่องออกมา ให้ไล่ทำทุกจุด เตรียมงบไว้ประมาณ 1 แสนบาท
*อนาคตราคาอาจะเปลี่ยนแปลงได้ โปรดเช็คกับอู่ของท่านอีกครั้ง*
เขม่า
เป็นเพื่อนสนิทของเครื่องดีเซลเลย ไม่ว่าคุณจะเติมน้ำมันแพงแค่ไหน ก็ยังต้องล้างเขม่าอยู่ดี เมื่อเปิดออกมาแล้วก็ให้เปลี่ยนปะเก็นท่อไอดี ที่จะเป็นลิ้นปีกฝีเสื้อเปิดอาการเข้าเครื่อง
จากนั้นก็ล้างท่อแคตฯ ล้าง EGR และ regenerate DPF ด้วยน้ำยาเฉพาะทาง เพื่อให้ระบบสะอาดทั้งฝั่งไอดี และ ไอเสีย
EGR บางครั้งมีอาการรั่ว ซึ่งไม่สามารถซ่อมได้ เบิกใหม่สองหมื่นกว่าบาท หรือ หามือสองสภาพดี ราคาประมาณ 9 พันบาท ซึ่งควรเปลี่ยนท่อน้ำ และ โอริงที่เกียวข้องกับ EGR ไปด้วย
- EGR (มือสอง) 9,000
- โอริงข้อต่อ EGR 1,480
- ท่อน้ำ EGR 1,480
ชุด EGR รวม 11,960 บาท
*อนาคตราคาอาจะเปลี่ยนแปลงได้ โปรดเช็คกับอู่ของท่านอีกครั้ง*
เกียร์
ก่อนซื้อเกียร์ ลองขับดู เกียร์ต้องเปลี่ยนเร็วและไม่กระตุก เกียร์ตัวนี้ค่อนข้างทน มักจะไม่ค่อยเสีย ส่วนมากเกียร์จะเสียก็รถพวกลุยน้ำ น้ำเข้าเกียร์ ต้องยกเกียร์ออกมาล้างทั้งระบบ หรือ ไม่ก็พวกขับเกิน 5 ปีจนหมด BSI ยังไม่เคยถ่ายน้ำมันเกียร์เลยอันนี้ก็น่ากลัว
หากไม่ทราบประวัติ แนะนำให้รีเซ็ทน้ำมันเกียร์ใหม่ พร้อมไส้กรองเกียร์ ยางอ่างเกียร์ และ สกรูด้วย เพราะเกียร์แนะนำให้ถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 80,000 กม.
หากมีอาการขับแล้วจังหวะเปลี่ยนเกียร์ในความเร็วต่ำ มีกระตุกบ้าง ลองเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ กรองเกียร์อาจจะหาย อาการกระตุกมักจะเป็นที่ เกียร์ทรานเฟอร์ ผมเคยเปลี่ยนใหม่ที่ศูนย์ พร้อมอะไหล่ที่เกียวข้อง จบมาประมาณ 2.3 แสน
ซึ่งหากไม่มี BSI แล้ว ลองให้อู่ที่ท่านใช้บริการช่วยหาของมือสองแทน ราคาประมาณ 4 – 5 หมื่นบาท กรณีเกียร์เสีย หรือ น้ำเข้า สามารถหามือสองสวย ๆ มาเปลี่ยนได้ในราคาประมาณ 75,xxx บาท
บางครั้งเกียร์จะมีอาการดับเครื่อง หรือ สตาร์ทแล้วรถจะโยนตัวไปข้างหน้า บางกรณีช่างถอดแผงเกียร์ออกมาล้างทำความสะอาด ก็หาย ถ้าไม่หาย เปลี่ยนแผงเกียร์ใหม่
ช่วงล่าง
ช่วงล่างแข็งแรงทนทาน ไม่มีอะไรซับซ้อน โช้คอัพก็เป็นโช้คธรรมดา ซ่อมบำรุงเหมือนรถเก๋งทั่วไป ราคาอะไหล่ไม่ได้หนีกันมากกับ F10 เลยครับ เรียกว่าสบายใจได้
แต่สำหรับรถ BMW สิ่งที่น่ากลัวคือ หากช่วงล่างชิ้นไหนเสีย แล้วเราไม่รู้ หรือไม่รีบเปลี่ยน มันจะลามพาชิ้นอื่น ๆ เสียไปด้วย เหมือนระบบลูกหมากเค้าโยงกันหมด พอตัวนึงเสีย ตัวอื่น ๆ จะรับโหลดไป และ เสียเร็วขึ้น
ค่าช่วงล่าง ไม่รวมโช้คอัพหากซื้อมือสองมาแล้วเจ้าของเดิมยังไม่เคยทำมาเลย ก็เตรียมไว้สัก 4x,xxx บาท โดยใช้พวกปีกนกของ Lemforder
ค่าใช้จ่าย
หากจะซื้อ BMW X3 F25 หรือ X4 F26 มือสอง หรือ กรณีมีอยู่แล้ว และต้องการนำไปซ่อมใหญ่ตามสไตล์ผมนั้น รถวิ่งประมาณ 120,000 กม. เก็บงานเครื่อง ช่วงล่าง และ ถ่ายน้ำมันเกียร์ (กรณีเกียร์ไม่มีปัญหา)
- เครื่องเบนซิน เตรียมงบเอาไว้ 100,000 – 120,000 บาท
- เครื่องดีเซล เตรียมงบเอาไว้ 130,000 – 150,000 บาท
- ค่าบำรุงรักษาต่อปีตกกิโลเมตรละ 1 บาท กรณีซ่อมใหญ่แล้ว
สรุป
ทั้ง BMW X3 และ X4 นับเป็นรถที่น่าเล่น และ เล่นได้ ไม่ได้มีปัญหาจุกจิกกวนใจ หรือรวนอะไร ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่ผมซ่อมมา ซึ่งซ่อมเสร็จแล้วก็ใช้ไปยาว ๆ
ยกตัวอย่าง เปลี่ยนชุดโซ่ไทมมิ่ง + ชุดโซ่ปั๊มน้ำมัน เปลี่ยนแล้วอีก 100,000 – 120,000 กม. ค่อยว่ากันใหม่ ซึ่งระยะนี้เรียกว่าไม่ต่ำกว่า 5 ปีค่อยว่ากัน
อื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวครับ ดูแลเค้าดีหน่อย อย่าปล่อยปะละเลย และ หาช่างที่ไว้ใจได้คอยเช็คระยะตลอดก็หายห่วง ไม่มีอะไรน่ากลัวลย
ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกผมทำ Check-List ทั้งเบนซิน และ ดีเซลเอาไว้ให้ด้านล่าง เพื่อน ๆ สามารถพิจารณาตรวจเช็คตามแนวทางของตัวเองได้เลยครับ
Check list ซ่อมใหญ่ BMW X3 X4 เครื่องเบนซิน
- เช็ครั่วซึมรอบตัวเครื่อง และ แหวนรองหัวฉีด
- เช็คหัวเทียน และ คอยล์จุดระเบิด
- เช็คออยเครื่อง ออยเกียร์
- เช็คเทอร์โบว่ามีน้ำมันรั่วซึมหรือไม่
- ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์
- เช็คความเรียบร้อยของท่อยางต่าง ๆ ทั้งท่อน้ำ และ ท่อแวคคั่ม
- เช็คชุดลูกรอก และ สายพานหน้าเครื่อง (หลังหม้อน้ำ)
- ท่อ Intercooler ชอบรั่ว/แตก ตรงคอ
- ระบบช่วงล่าง เช็คทั่วไป
- ถ่ายน้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรค
- น้ำมันเครื่องเปลี่ยนตามรอบ
- เสียบคอมฯ ดูว่าระบบมีแจ้งรถผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่
Check list ซ่อมใหญ่ BMW X3 X4 เครื่องดีเซล
- เช็คโซ่ไทมมิ่ง
- ล้างเขม่าจากท่อไอดี เปลี่ยนท่อน้ำข้างเครื่อง
- เช็ค DPF และ regenerate EGR ล้างท่อแคตฯ
- เช็ครั่วซึมรอบตัวเครื่อง และ แหวนรองหัวฉีด
- เช็คออยเครื่อง ออยเกียร์
- เช็คเทอร์โบว่ามีน้ำมันรั่วซึมหรือไม่
- เช็คชุดลูกรอก และ สายพานหน้าเครื่อง (หลังหม้อน้ำ)
- เช็คความเรียบร้อยของท่อยางต่าง ๆ ทั้งท่อน้ำ และ ท่อแวคคั่ม
- ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์
- ท่อ Intercooler ชอบรั่ว/แตก ตรงคอ
- ระบบช่วงล่าง
- ถ่ายน้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรค
- น้ำมันเครื่องเปลี่ยนตามรอบ
- เสียบคอมฯ ดูว่าระบบมีแจ้งรถผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่
สำหรับอู่ต่าง ๆ ที่ผมเข้าใช้บริการ ได้รวบรวมเอาไว้ในบทความนี้ครับ
รวมรายชื่ออู่ที่พี่อาร์ตแนะนำ ซ่อม Benz, BMW
_____________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart