BMW 740Li รถ Big Sedan สุดหรูที่มาพร้อมความสะดวกสบายทุกอย่าง มาพร้อมเครื่องแรงกดไล่แซงไม่เกรงใจใคร ถือเป็นรุ่นที่น่าเล่นอีกตัวหนึ่ง และ เป็นตัวแรร์ในตลาดพอสมควร
ทีนี้จะเล่นก่อน LCI เครื่อง N54 หรือ LCI เครื่อง N55 ดีกว่ากัน วันนี้ซ่อม N55 ให้ดูครับ
#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #Howto #BMW #F02 #740Li
740Li ตัวก่อน และ หลัง LCI หรือ รุ่นปรับโฉมที่มีการเปลี่ยนรายละเอียดตัวรถตามที่กล่าวไปใน Ep.1 ทั้งนี้ส่วนของตัวเครื่องยนต์ก็มีการเปลี่ยนเช่นกัน โดยตัวก่อน LCI เป็นเครื่อง N54 เบนซิน 3000cc Twin Turbo ให้แรงม้า 322 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร
ส่วน LCI เป็นเครื่อง N55 ที่พัฒนาต่อยอดให้ทันสมัยขึ้น แก้ไขจุดอ่อน และ เปลี่ยนจาก Turbo 2 ลูก มาใช้ระบบ Twin Power Turbo หรือ Twin Scroll Turbo โดยเป็นเทอร์โบลูกเดียว แต่ช่องไอเสียที่เข้ามาปั่นใบเทอร์โบมี 2 ช่อง แบ่งตามลำดับการทำงานของลูกสูบ เพื่อให้แรงดันไอเสียสามารถปั่นใบเทอร์โบได้แบบไม่ขาดช่วง ให้แรงม้า 315 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร
เรียกได้ว่า N55 ปรับปรุงเทคโนโลยีจาก N54 มา พร้อมกับแรงม้าที่น้อยลงไป 7 แรงม้า แต่แรงบิดเท่าเดิม ซึ่งเจ้าเครื่อง 2 ตัวนี้ มีพื้นฐานคล้ายกัน เพราะ N55 เอาพื้นฐานจาก N54 มาอัพเกรดหลายส่วน โดยส่วนที่สำคัญคือ
เปลี่ยนจากเทอร์โบคู่แบบ Sequential มาเป็น TwinPower Turbo คือ เทอร์โบเดียว แต่ไอเสียที่เข้ามาปั่นเทอร์โบมี 2 ช่อง ลมไม่ขาดช่วง ลดการรอรอบ หรือ Turbo Lack ไปได้
ผลที่ได้ชัดเจนคือ เครื่อง N54 ที่วางใน F02 ชอบมีอาการเทอร์โบน้ำมันรั่ว เวสเกทเสีย และ การซ่อมบำรุงนั้นต้องใช้อะไหล่ถึง 2 ชุด เพราะมันมีเทอร์โบ 2 ลูก ทำให้การเซอร์วิสชุดเทอร์โบคู่ใช้งบประมาณ 4 – 5 หมื่นบาท ในกรณีที่แกนเทอร์โบ หรือ ใบเทอร์โบไม่ได้เสีย
อีกจุดนึงที่ต่างแบบมีสาระสำคัญในแง่ของการซ่อมบำรุง คือ หัวฉีดถูกเปลี่ยนใหม่ใน N55 โดยมีแรงดันสูงขึ้น แต่ซับซ้อนน้อยลง ซึ่งคำว่าซับซ้อนน้อยลงนั้นเป็นเพราะเดิมหัวฉีดใน N54 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในยุโรป ให้ได้มาตรฐานยุโรป ทว่าทางผู้ผลิตกลับพบว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนโดยไม่จำเป็นในตลาดโลกที่ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน
ทีนี้ หัวฉีดใน N55 จึงทนกว่า แถมถูกกว่า 3 เท่าตัว ในขณะที่ประสิทธิภาพการทำงานแทบไม่ต่างจากเดิม แถมชุดนี้ยังมีแรงดันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทำให้การซ่อมบำรุงหัวฉีดใน N54 หรือ 740Li ตัวก่อน LCI นั้นแพง และ ซ่อมบ่อยกว่า
ส่วนพวก Vanos ใน N55 ก็ได้รับการปรับปรุงจุดอ่อนจากเดิมที่ชอบมีปัญหา กลายเป็นทนขึ้น
อีกจุดเด่นของ 740Li ตัวปรับโฉมแล้ว หรือ LCI จะได้เกียร์อัตโนมัติ 8 เกียร์ ซึ่งเป็นเกียร์รุ่นใหม่ที่ใช้ในพวก F10 ที่ทนทานมาก ๆ บางคนวิ่งกันไปสองแสนโล ยังไม่ต้องซ่อมอะไรเลย แค่ถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะเท่านั้น
ในขณะที่ 740Li ก่อน LCI หรือ จริง ๆ ก็ทุกเครื่องนั่นแหละในโฉมก่อน LCI จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 เกียร์ ส่งผลให้อัตราการตอบสนองช้า รถรู้สึกอืดกว่า แถมสมองเกียร์พบว่าเสียบ่อยกว่า และความน่าแปลกที่ได้ฟังจากอู่มาก็คือ จะเจอเสียบ่อยมาก ๆ ในบอดี้ F02 ทั้ง ๆ ที่เกียร์ตัวนี้ใช้อยู่ในหลายบอดี้เลย
การซ่อมบำรุงไม่ได้ยากมาก ราคาค่าซ่อมก็ไม่ได้ต่างกันมาก รวมไปถึงของมือสองก็ราคา 5 – 6 หมื่นบาทพอ ๆ กัน แต่ 6 เกียร์ หามือสองยากกว่า 8 เกียร์
สรุปแล้ว 740Li ก่อน LCI
- ได้เทอร์โบ 2 ลูกที่ชอบมีปัญหารั่ว และ ค่าซ่อมอยู่ประมาณ 5-6 หมื่นบาท
- ได้หัวฉีดที่ซับซ้อนกว่า เจอเสียบ่อยกว่า โดยหัวฉีดตกหัวละ 2 – 3 หมื่นบาท
- ได้เกียร์ 6 สปีด ที่ขับอืดกว่า ตอบสนองไม่สนุกเท่า 8 สปีด อีกทั้งสมองเกียร์ชอบเสีย และ หามือสองยาก
740Li LCI มีเช็คลิสต์ในการซ่อมดังนี้
- เช็ครางดันโซ่
- เช็ครั่วซึมรอบตัวเครื่อง
- เช็คระบบน้ำ
- เช็คระบบ Vanos
- ดูปะเก็นฐานกรองน้ำมันเครื่อง
- เช็คฝากตระแกรงโบลเออร์แอร์ในห้องเครื่อง
- เช็คฝาปิดพวงมาลัยซ้าย (ฝาสีเหลือง)
รายการที่ทำไปมีดังนี้
- ฝาครอบวาล์ว = 782 บาท
- ประเก็นฝาครอบวาล์ว = 2,689 บาท
- ตัวปรับความตึงโซ่ = 3,279 บาท
- รางโซ่ราวลิ้น = 1,874 บาท
- ชุดประเก็น Vanos 492 x 2 = 984 บาท
- หน้าแปลนฝาวาล์ว = 463 บาท
- ประเก็นไส้กรองน้ำมันเครื่อง = 1,440 บาท
- ประเก็น = 1,440 บาท
- สกูรปรับตั้งความตึงโซ่ราวลิ้น = 3,942 บาท
- แหวนยาง 214 x 2 = 428 บาท
- แท่นเครื่อง 2,000 x 2 = 4,000 บาท
- โช้คอัพลูกรอกตัวตั้ง = 6,856 บาท
- แหวนยาง = 380 บาท
- แหวนยาง = 190 บาท
- แท่นเกียร์ = 1,000 บาท
- ขั้วแบตเตอร์รี่ = 2,500 บาท
- ซีลท่อไอดี 450 x 6 = 2,700 บาท
- ค่าบริการ = 5,000 บาท
รวมรายการเครื่องเกียร์ 39,947 บาท
จากนั้นก็มาเช็คระบบน้ำ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเครื่องรุ่นไหน รถรุ่นไหนก็ควรเช็คความสมบูรณ์ของการทำงาน ไล่มาตั้งแต่ตัวหม้อน้ำว่ามีการรั่วซึมหรือยัง ถ้าเริ่มมีคราบตะกรัน หรือ ตะไคร่ให้เห็นตามขอบหม้อน้ำ นั่นหมายถึงมันควรแก่การเปลี่ยนแล้ว
ท่อยางต่าง ๆ ของระบบน้ำ ถ้าเช็คแล้วยังเป็นเส้นที่ติดมากับรถ ยังไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน ไม่ต้องลังเลครับ เปลี่ยนไปให้หมด โดยเฉพาะหากถอดท่อน้ำออกมาส่องแล้วด้านในเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอย่างในภาพด้านล่าง นั่นคือ มันใกล้จะเสียแล้ว
รวมถึงปั็มน้ำด้วย เพราะพวกนี้มันมีอายุของมันอยู่ อย่างรถคันนี้ปี 2013 ถึงวันนี้ก็ร่วม 10 ปี วันนี้ไม่เสีย แต่น่าจะเสียเร็ว ๆ นี้ ยิ่งเรารื้อหม้อน้ำ เปลี่ยนท่อน้ำแล้ว ก็ควรเปลี่ยนปั๊มไปเลย จะได้เสียค่าแรงรอบเดียว เสียน้ำยาหม้อน้ำรอบเดียว
สำหรับคันนี้ มีเรื่องท้าทายตรงหม้อน้ำครับ
หม้อน้ำเอา VIN number ไปเช็คในระบบ เพื่อหาซื้อหม้อน้ำ aftermarket พวก Mahle Behr, Valeo หรือ Nissens สรุปว่าเทียบเบอร์ออกมา คอน้ำไม่ตรง ไล่หาทั้งวรจักร และ วัดโสมฯ ไม่มีใครมีคอน้ำที่ตรงกับเจ้า 740Li ของผมเลยซักร้าน
มันจะติดตรงคอน้ำในรถของผมเป็นแบบ คอล็อค ทั้ง 2 ด้าน แต่ในตลาดเป็นแบบคอล็อคด้านหนึ่ง และ คอเสียบอีกด้านหนึ่ง สุดท้ายตัดใจเบิกศูนย์มาในราคาจุก ๆ ที่ 3 หมื่นบาท ในขณะที่ถ้าหาของ aftermarket แบรนด์เยอรมันได้ จะตกลูกละ 1 หมื่นบาท
สรุประบบน้ำเปลี่ยน/ซ่อมดังนี้
- หม้อน้ำ = 30,464 บาท
- ท่อน้ำหล่อเย็น = 3,158 บาท
- ปั๊มน้ำ = 14,500 บาท
- ท่อน้ำ = 4,758 บาท
- ท่อยางน้ำ = 2,505 บาท
- ประเก็นวงแหวน = 65 บาท
- แหวนยาง = 280 บาท
- ท่อยางน้ำ = 3,970 บาท
- แหวนยาง 89 x 2 = 178 บาท
- น้ำยาหม้อน้ำ = 500 บาท
รวมรายการระบบน้ำ 60,378 บาท
เสร็จแล้วก็รีเซ็ทของเหลวทั้งคันตามระเบียบครับ รถวิ่ง 127,xxx กม. ถ่ายทิ้งทั้งหมด เริ่มต้นใหม่
รายการของเหลวดังนี้
- น้ำมันเครื่อง 600 x 7 = 4,200 บาท
- กรองน้ำมันเครื่อง = 600 บาท
- น้ำมันเกียร์ 650 x 6 = 3,900 บาท
- อ่างเกียร์ = 2,600 บาท
- น้ำมันเฟืองท้าย = 1,000 บาท
รวม 12,300 บาท
พอเสร็จจากการซ่อมบำรุงแล้ว เหลียวดูห้องเครื่องเห็นว่าขอบยางตรงแถวแก้มรถทั้งซ้าย และ ขวา ฉีดขาด ไม่สวยงาม ซึ่งเจ้าขอบครับยางไม่มีขายแยกครับ ต้องเบิกฝาพลาสติคครอบบังโคลนในห้องเครื่องทั้งอัน ตัดสินใจเบิกมาใส่ใหม่ทั้ง 2 ข้าง
ก้มดูใต้ท้องรถ คันนี้พลาสติคปิดใต้ซุ้มล้อหายไปข้างนึงจากเจ้าของเก่า ก็ซื้อของเทียบมาเปลี่ยนไปให้สมบูรณ์ไปอีกพันกว่าบาท
สรุปเก็บความสวยงามเพิ่มไปดังนี้
- พลาสติกข้างห้องเครื่องซ้าย = 4,072 บาท
- พลาสติกข้างห้องเครื่องขวา = 4,072 บาท
- ฝาครอบแผงกันฝุ่นล้อหน้าซ้าย = 1,731 บาท
- แผ่นปิดพวงมาลัยซ้าย = 1,800 บาท
- กรองแอร์ = 1,450 บาท
- ตระแกรงตู้แอร์ = 200 บาท
รวม 13,325 บาท
รายการที่ทำรวมทั้งสิ้น 122,500 บาท
เมื่อรวมเก็บงานช่วงล่างจาก Ep.1 อีก 45,680 เราจะซ่อมไปแล้วจนถึงตอนนี้ 168,180 บาท เรียกว่าเกือบ 2 แสนบาท และยังไม่เสร็จครับ ผมยังมีแผนทำต่ออีกหลายจุด รอติตามชม Ep.3 ได้เร็ว ๆ นี้
โดยค่าซ่อม 168,180 นั้น จริง ๆ ถือว่าไม่เยอะ โดยหากเราแยกออกเป็นหมวดหมู่ ค่าซ่อมแต่ละจุดจะเป็นดังนี้
- หมวดเครื่อง เกียร์ 39,947 บาท
- หมวดระบบน้ำ 60,378 บาท
- หมวดของเหลว 12,300 บาท
- หมวด ช่วงล่าง จาก Ep.1 45,680 บาท
- หมวดสวยงาม 9,875 บาท
เมื่อแยกเป็นหมวดจะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่โดนไปเต็ม ๆ ก็เรื่องระบบน้ำ เฉพาะท่อน้ำ หม้อน้ำที่เบิกแท้มาก็ 3x,xxx บาท รวมปั๊มไปอีกหมื่นกว่าบาท ทำให้ค่าซ่อมโดยรวมสูงขึ้น แต่คุ้มค่ามาก ๆ เพราะทำงวดนี้แล้ว ระบบน้ำหายห่วง ใช้ไปยาว ๆ เลยครับ
ยิ่งถ้าหักเรื่องความสวยงาม คือ แผงพลาสติคข้างเครื่องชุดนั้นไปอีก 10,000 บาท เราซ่อมไปแค่ 158,180 เท่านั้นเอง ถือว่าไม่เยอะ
ส่วน 740Li LCI คันงามของเราคันนี้ เดี๋ยวทำเสร็จก็ส่งต่อให้ผู้ที่สนใจเช่นเคยครับ
แน่นอนราคาจะสูงกว่าท้องตลาด เพราะรถผ่านการบูรณะเก็บมาแล้ว และ รับความเสี่ยงในการเลือกซื้อรถมาแล้ว ดังนั้นใครที่เข้าใจ และ กำลังมองหา Big Sedan เครื่องแรง ๆ นั่งนุ่ม ๆ หรูหรา เครื่องเสียงเทพ B&O ลองพิจารณาคันนี้ดูครับ
หรือใครมีรถอยู่แล้ว ก็ตามรอยซ่อมได้เลย ติดตรงไหน IB ถามในเพจได้เหมือนเคยครับ
แต่…ท่านใดสนใจซื้อจากเต้นท์อื่น ๆ ขอความกรุณาอย่างส่งลิ้งค์รถเต้นท์มาให้ผมช่วยวิเคราะห์นะครับ ขอนุญาติไม่วิจารณ์รถครับ
โดยในบทความนี้ ผมนำรถเข้าใช้บริการที่
RR Roadrunner
ลาดพร้าว 80 เสิช Google Map เจอเลย
โทร. 096-889-5758
ส่วนอู่ต่าง ๆ ที่ผมเข้าใช้บริการ ได้รวบรวมเอาไว้ในบทความนี้ครับ
รวมรายชื่ออู่ที่พี่อาร์ตแนะนำ ซ่อม Benz, BMW
_____________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart