ตอนแรกตั้งใจจะเป็นบทความ ซ่อมใหญ่ Toyota Harrier Gen2 แต่พอซ่อมเสร็จ กลายเป็นเรื่องหม้อน้ำที่ทำให้ได้ข้อคิดมาเล่าหลายอย่าง

หม้อน้ำซ่อม หรือ ซื้อใหม่ดี แล้วซ่อมเท่าไหร่ ผลงานเป็นอย่างไร มาดูกันยาว ๆ

#toyota #harrier #Gen2 #vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #รถมือสอง #อู่ซ่อมรถ #acu30 #พี่อาร์ต #หม้อน้ำ #ซ่อมรถยนต์

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง 

ความเดิมของรถคันนี้

รถมีการเซอร์วิสรอบ 9 หมื่น เช็คช่วงล่างต่าง ๆ ทั้งหมด และมีการเช็คระยะ 1 แสนโลฯ ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ ดูน้ำมัน และ ท่อยางต่าง ๆ หมดแล้ว โดยอู่แจ้งว่าหม้อน้ำเป็นของเดิมติดโรงงานมา อายุเริ่มมาก ทางอู่แจ้งว่าน่าจะต้องเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้

หากขับในเมืองน่าจะไม่เป็นไร แต่หากขับทางไกลกดหนัก ๆ อาจมีปัญหาได้ ซึ่งสัปดาห์ก่อนผมก็ขับไปนครนายกมา จึงตั้งใจว่าได้เวลาเช็คหม้อน้ำเสียที

อาการที่ต้องการให้อู่ซ่อม

ไล่รายการที่อยากให้อู่เช็ค ดังนี้

  1. เข้าเกียร์ ติดไฟแดง เหยียบเบรค รอบตก เครื่องสั่น
  2. สตาร์ทยาวบ้างในบางครั้ง
  3. ช่วงล่างหลังซ้าย มีเสียงดัง
  4. เช็คหม้อน้ำ

ทำไมเอาข้า Winwin Auto???

หากจำกันได้ รถคันนี้ผมให้ “อู่ซ่อม Harrier ป๋าชิต” ดูแล และออกคลิปมา 2 ครั้งแล้ว คราวนี้เลยเปลี่ยนอู่บ้าง กลัวเพื่อน ๆ จะเบื่อ เลยเปลี่ยนอู่ทำคลิปบ้าง 

จึงเข้าใช้บริการที่ Winwin Auto ที่ดูแล Toyota Alphard ของที่บ้าน ซึ่งอู่นี้สามารถซ่อมรถญ๊่ปุ่นนำเข้าได้เกือบหมด และชำนาญ Toyota / Lexus เป็นพิเศษ

การซ่อมบำรุง

เบื้องต้นพบว่า ปะเก็นฝาครอบวาล์วรั่วซึม ทำให้น้ำมันเครื่องรั่วไปที่หัวเทียน แต่หากดูภายนอกเครื่องแห้งดีครับ เพราะเค้ารั่วเข้าไปด้านใน

ผลคือ หัวเทียนฉ่ำน้ำม้นเครื่องทั้ง 4 หัว ส่วนคอยล์จุดระเบิดยังทำงานปกติ

จัดการเปลี่ยนปะเก็นฝาครอบวาล์ว เปลี่ยนหัวเทียน 4 หัว เปลี่ยนโอริงลิ้นปีกผีเสื้อ ไป ซึ่งจุดนี้เป็นการแก้ไข 2 อาการพร้อมกัน คือ ติดไฟแดงแล้วรอบตก รวมไปถึงสตาร์ทยาว

ช่วงล่างหน้า มีเปลี่ยนปีกนกหน้า ซ้าย- ขวา และลูกหมากแรค 4 ตัว พร้อมถ่ายน้ำมันพาวเวอร์

ส่วนช่วงล่างหลัง ไม่พบความเสียหายใด ๆ ทางอู่ Winwin จึง คลายน็อตช่วงล่างหลังทั้งหมด แล้วขันย้ำเข้าไปใหม่ ผลที่ได้คือ ดีขึ้นเยอะมาก แต่ยังไม่หายสนิท อนาคตอาจต้องเปลี่ยนโช้คดูว่าจะช่วยหรือเปล่า

ปิดท้ายด้วยยางปัดน้ำฝนหลังเสื่อม ซึ่งเปลี่ยนไปในราคาแค่ 250 บาทเท่านั้น

หม้อน้ำ

หม้อน้ำพบว่าเริ่มรั่วซึม แต่ความร้อนไม่ขึ้นครับ

ทางอู่เช็คแจ้งว่าเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ เบิกแท้หิ้ว ราคาหมื่นต้น ๆ แต่ถ้าแพงไปสามารถซ่อมเอาได้เนื่องจากขอบข้างหม้อน้ำที่รั่วนั้นเป็นพลาสติค หากซ่อมจะใช้อลูมิเนียมแทน

ตัดสินใจลองซ่อมดู เพราะเราตัวรังผื้งหม้อน้ำอยู่ในสภาพดีมาก ๆ รั่วแค่ที่ขอบพลาสติคซึ่งเสื่อมตามอายุรถเท่านั้นเอง

พอซ่อมแล้ว ตกใจครับ อาจเพราะเราสื่อสารกับอู่ไม่เคลียร์ โดยเราเข้าใจว่า 5,000 บาท นั้นซ่อมทั้งตัว คือ ซ้าย-ขวา

แต่เอาเข้าจริง ๆ ราคานี้ ซ่อมข้างเดียว อีกข้างไม่ได้ซ่อม ผมจึงถามอู่ว่าหากซ่อม 2 ข้างราคาเท่าไหร่ ได้คำตอบมาว่า เกือบหมื่น

เล่นเอาอึ้งไปสัก 3 วินาที จึงบอกอู่ว่า หากแจ้งผมชัด ๆ ว่าซ่อมข้างเดียว ผมจะไม่ซ่อมผมจะเบิกใหม่มากกว่า อีกทั้งปัจจุบันมีหม้อน้ำแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Koyorad เข้ามาขายในวรจักรราคา 4,400 บาท ที่ร้าน PHL (เป้ง ฮวด หลี) ซึ่งผมเข้าใจว่าซ่อม 2 ข้าง แล้วได้รับผึ้งแท้ จึงยอมซ่อม

หากรู้ว่าซ่อมข้างเดียวเปลี่ยนใหม่ดีกว่า

อีกทั้งฝีมือการซ่อม “แย่มาก” รอยเชื่อมไม่เรียบร้อย ผมว่าเด็กช่างฯ ฝึกงานยังเชื่อมสวยกว่านี้

แม้ว่าอู่จะเช็คแล้วว่าเชื่อมสนิท ไม่มีรั่วซึม มีบริการอัดน้ำเพื่อเช็ครั่วให้อีกครั้งก่อนส่งรถ แต่รอยเชื่อมแบบนี้ กับราคานี้ ผมรับไม่ได้ ซึ่งทางอู่ก็ขอโทษกับเรียบร้อย พร้อมแจ้งว่า จะดำเนินการต่อว่าไปทางร้านซ่อมหม้อน้ำให้อีกครั้ง

รวมเบ็ดเสร็จซ่อมที่ Winwin Auto ไปดังนี้

  • ยางฝาวาล์ว 531 บาท
  • หัวเทียน 650 บาท 4 หัว รวม 2,340 บาท
  • โอริงปีกผีเสื้อ 81 บาท
  • นำยาหม้อน้ำ 550 บาท
  • ยางใบปัดน้ำฝนหลัง 252 บาท
  • ซ่อมหม้อน้ำ 5,000 บาท
  • บูชปีกนกหน้า 3,500 บาท 2 ข้างรวม 7,000 บาท
  • บูชแรค 750 บาท 4 ชิ้น รวม 3,000 บาท
  • น้ำมันพาวเวอร์ 700 บาท
  • ตั้งศูนย์ 600 บาท
  • ค่าวัสดุสิ้นเปลือง 300 บาท
  • ค่าบริการ 3,120 บาท

รวมทั้งสิ้น 23,474 บาท

สุดท้ายกลับไปหา ป๋าชิต

สำหรับการใช้งานนั้น หม้อน้ำใช้งานได้ดีเป็นปกติ

แต่สำหรับคนจุกจิกแบบพี่อาร์ตแล้ว “รับไม่ได้” จึงยกหูหาป๋าชิตว่ามีหม้อน้ำมั๊ย ใจร้อนจะเข้าไปเปลี่ยนเลย และอู่ป๋าชิตก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง กับคลังอะไหล่ Harrier Gen2 นี้ครับ

“มีของ เข้ามาได้เลย” นี่คือเสียงปลายสายในเช้าวันนั้น

เอาไปทิ้งไว้ 10 โมงเช้า บ่าย 2 ไปรับรถ พร้อมหม้อน้ำซ่อมที่งานเชื่อมสวยมาก เป็นเกล็ดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

ซ่อมครบทั้ง 2 ข้าง ให้เราสบายใจว่าขับไปไหนมาไหนอย่างปลอดภัย เพราะการซ่อมข้างเดียวให้รถใช้งานได้ ไม่ใช่วิถีของผม การซ่อมคือ ซ่อมป้องกันการเสียล่วงหน้า จึงจะมั่นใจ

เปลี่ยนหม้อน้ำคราวนี้ก็ขับอย่างสบายใจแล้ว

ซึ่งต้องบอกว่า หม้อน้ำแท้ซ่อมข้างของอู่ป๋านั้นหมดแล้ว ของผมตัวสุดท้ายพอดี หลังจากนี้ป๋ามีของไทย งานสวย ๆ ให้บริการ โดย

  1. แบบข้างพลาสติคแบบเดียวกับที่ติดรถมา 5,500 บาท
  2. แบบข้างอลูมิเนียมเหมือนที่ผมใส่ในครั้งนี้ ราคา 6,500 บาท

ใครจะเปลี่ยน แนะนำโทรหาคุณกุ้ง อู่ป๋าชิต ก่อน เพราะสั่งของเอาไว้ แล้วโอนมันจำเพื่อความรวดเร็วในการทำงาน เพราะอู่ป๋าเปลี่ยนไม่นาน กลัวจะนานตอนสั่งของนี่แหละ เราจะได้ไม่เสียเวลารอ

ข้อคิดเรื่องการซ่อมหม้อน้ำ

สำหรับการซ่อมหม้อน้ำนั้น หากรั่วที่ด้านข้าง คือ ซ่อมได้ โดยเฉพาะที่เดิมเป็นพลาสติค สามารถซ่อมเปลี่ยนเป็นอลูมิเนียมเพื่อความทนทานได้

แต่หากรั่วที่รังผึ้งด้านหน้า แนะนำว่า “ห้ามซ่อม” เพราะซ่อมยังไงก็ไม่ดี พาลจะระบายความร้อนไม่ดีเอาเปล่า ๆ 

ท่อทางเดินน้ำต่าง ๆ สำหรับงานซ่อมจะเป็นแป๊ปอลูมิเนียมเชื่อมเอา ซึ่งความสวยงามขึ้นอยู่กับฝีมือคนทำ

แต่หากเป็นงานไทยของใหม่ จะเป็นแป๊ปอลูมิเนียมดัด ไม่มีรอยเชื่อม สวยงามกว่าครับ

ยังไงเพื่อน ๆ ก็ใช้บทความนี้ประกอบการพิจรณา และ ระวังในการสื่อสารกับช่างเรื่องการซ่อมหม้อน้ำครับ

หวังว่าจะเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ดูแลรักษารถที่รักของทุกคนได้อย่างเรียบร้อย พบกันใหม่บทความหน้า

สวัสดีครับ….บ๊ายยยยยยย

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art