3 เดือนกับการใช้จริง iPhone 14 Pro วันนี้พี่อาร์ตแวะมาเล่าประสบการณ์ใช้งานจริง ตั้งแต่ iOS15 ตอนเปิดตัว มาถึง iOS16 ที่เพิ่งอัพเดทไปไม่นาน

มันคุ้มมั๊ย มีข้อเสียอะไรที่ควรรู้บ้าง ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันหรือเปล่า

#xenonart #พี่อาร์ต #iPhone14 #review #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย #รีวิว #ไอโฟน

รูปลักษณ์ภายนอก

รูปทรงภายนอกเหมือน iPhone 13 Pro ถึงขนาดเคสใส่ด้วยกันได้หากช่องปิดเสียงด้านข้างกว้างพอ เพราะ iPhone 14 Pro นั้น แอบเลื่อนปุ่มปิดเสียงลงมาประมาณ 1 มิลลิเมตร ทำให้เคสที่ช่องพอดีปุ่มจะมีอาการเบียดนิดหน่อย แต่เคสที่เปิดช่องกว้างจะไม่มีปัญหา

ด้านหลังพื้นที่วางกล้องหลังเท่าเดิม แต่ตัวเลนส์ใหญ่ขึ้น ดูอลังการมากขึ้น

ด้านหน้ามองเผิน ๆ ไม่แตกต่าง จนกระทั้งหน้าจอติดขึ้นมาเผยให้เห็น Dynamic Island ที่ปีนี้ Apple เปลี่ยนจากหน้าจอติ่ง เป็นหน้าเจาะรูรียาวให้รู้ว่าเป็นรุ่นใหม่


นอกจากนั้นจะสามารถสังเกตุได้อีกอย่างว่าเป็นรุ่นใหม่คือ สี Deep Purple

รูปลักษณ์ภายนอกอื่น ๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าคนที่ชอบทรงนี้อยู่แล้วคงจะดีใจที่ยังได้ทรงเดิมอยู่ แต่คนที่ชอบความเปลี่ยนแปลง อาจผิดหวังกับแนวทางของ Apple ในยุคไร้ Steve Job บ้างเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยตอนที่เฮียแกยังอยู่ ทุก ๆ 2 ปี เราจะเห็นดีไซน์ใหม่

การใช้งาน

การรีวิวสไตล์บ้าน ๆ ของผมนั้น จะหยิบเฉพาะสิ่งที่น่าสนใจ ที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันมาคุยกัน อาจจะไม่ครบทุกฟีเจอร์นะ เพราะเราไม่ใช่ช่องรีวิวสเปคเครื่อง

Dynamic Island

สิ่งใหม่ล่าสุดที่ Apple ใส่มาให้พวกเราใช้คือ หน้าต่างดำ ๆ ที่เอาไว้ซ่อนกล้อง แต่เพิ่มลูกเล่นหน้าจอให้ดูเนียนตา บวกกับลูกเล่นในการใช้งานที่ บอกเลยอันนี้โดน ทำให้เครื่องหน้าตาเดิม ๆ หน้าจอคุณภาพเดิม ๆ ดูใหม่ ดูทันสมัยขึ้

สำหรับคนใช้งานบ้าน ๆ โทรศัทพ์ ฟังเพลง ตอบแชต เช็คอีเมล โซเชี่ยลมีเดีย เปิด Google Map และดูคอนเท้นต์ เจ้า Dynamic Island มันก็โอเคนะ แม้จะไม่ได้ว้าวมาก เพราะแอนดรอยด์มีให้ใช้นานแล้ว แถมตอนนั้นที่ออกมาสาวกผลไม้ก็เอาไปล้อซะเละ จริง ๆ ไม่อยากจะแซะ แต่ต้องเล่าให้ฟัง เพื่อน ๆ จะได้เห็นภาพความว้าวในชีวิตจริง เดี๋ยวจะเอาไปอวดชาวแอนดรอยด์แล้วพาลหน้าแตก

Always On display

อันนี้เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เหมือนข้างบน คือ จะว้าวเฉพาะคนที่เล่นไอโฟนเท่านั้น ไม่ได้ใช้แอนดรอยด์มาก่อน เพราะอันนี้แอนดรอยด์เค้ามีมานานมาก ๆ แล้วเช่นกัน

และผลการใช้งานคือเหมือนกันครับ สะดวกมาก วางบนโต๊ะเหลือบมองก็ทราบอัพเดทต่าง ๆ ในชีวิตแล้ว แต่ก็เหมือนกันครับ กินแบตฯ พอสมควรเลยทีเดียว ตอนเป็น iOS15 ที่เครื่องออกแรก ๆ แบตฯ ไหลเป็นน้ำ สำหรับการใช้งานแบบผม แบตฯ หายไปร่วม 30% กับการใช้งานเท่าเดิม เรียกว่าเกือบไปไม่ถึงแท่นชาร์จ

พอเป็น iOS16 ก็ดีขึ้นหน่อย แต่สุดท้ายเลิกใช้ รักษาแบตฯ เอาไว้ดีกว่า

แบตเตอรี่

นาน ๆ ทีจะมีโอกาสบ่นเรื่องแบตฯ ไอโฟน เพราะใช้มาตั้งแต่รุ่น 2G ตอนเปิดตัวสิบกว่าปีก่อน ใช้ทุกรุ่นจนถึง 14 Pro ในวันนี้ ได้เปิดประสบการณ์แบตฯ เกือบอยู่ไม่พอวัน

ตอนแรกเกิดจาก Always On แต่พอปิด Always On แล้วดีขึ้น แต่ดีขึ้นไม่มาก ขนาดที่ว่า iPhone 13 Pro แบตฯ ยังทนกว่า เฮ้ยนี่มันอะไรกันเนี่ย จากวันหนึ่ง ๆ ก่อนนอนผมจะเหลือแบตฯ ประมาณ 40% กลายเป็นเหลือ 25 – 30% 

อีกเดือนต่อมา ออก iOS16 พออัพแล้ว แบตฯ กลับมาใช้งานได้ปกติเหมือน iPhone 13 Pro อายุ 1 ปีแล้ว 

นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว การใช้งานอื่น ๆ ก็มีเซอร์ไพรซ์ คือ ตอนเป็น iOS15 ใช้งานปกติ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเครื่องแรงขึ้น คือมันได้ฟิลเดิม อาจจะเราใช้งานไม่ได้หนักมาก เปิด 10 แอปฯ ค้างไว้ เท่านั้น เล่นเฟส ตอบคำถามเพื่อน ๆ ที่คอมเม้นท์ไว้ตามสื่อโซเชี่ยลต่าง ๆ เช็คอีเมล โทรศัพท์ทั้วัน คือ ใช้งานแค่นี้ไม่ได้ต่างจากเดิมเลย

หลังอัพเป็น iOS16 เออ…รู้สึกเครื่องลื่นขึ้น ตอนสนองเร็วขึ้น แม้จะเพียงเสี้ยววินาที แต่รู้สึกได้แบบไม่ต้องพยายามจับฟิลลิ่ง แลกกับอาการเครื่องค้างในบางจังหวะ กับบางแอปฯ คือมันจะค้าง กดอะไรไม่ได้ไป 1 – 2 วินาที แล้วก็ใช้งานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ถ้าจะพูดเข้าข้างคือ แอปฯ อาจไม่ได้พัฒนามารองรับ iOS16 มั๊ง? ซึ่งแอปฯ ที่ค้างก็ LINE, Whatsapp, Facebook, Business Suite และ Youtube Studio ส่วนแอปฯ อื่น ๆ ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้ใช้ เลยไม่ทราบ

ส่วนที่ใช้แล้วปกติ ก็ Outlook, My Mail, GMail, Google Map, Translate, IG, แอปฯ ธนาคารต่าง ๆ และ พวกแอปฯ สมาชิกร้านอาหาร อาจใช้ไม่บ่อย แต่ไม่เคยเจอปัญหา

กล้อง

ความเจ๋งที่ผมเฝ้ารอคือ กล้อง เพราะผมใช้เยอะมาก โดยเฉพาะการเอาไปถ่าย Vlog ตามสถานที่ต่าง ๆ

จากข่าวเปิดตัว เห็นตัวเลนส์ใหญ่ขึ้น ดูอลังการมากขึ้นร้องว้าวเลย ยิ่งได้ยินคำว่า 48 ล้านพิกเซล นี่แทบรอซื้อไม่ไหว แต่สุดท้ายก็เหมือนตกสวรรค์ เพราะเงื่อนไข คือ ต้องเปิดเป็น Apple ProRaw เท่านั้น ภาพถ่ายปกติได้เพียง 12 ล้านเหมือนเดิม

กล้องหลัก – เซนเซอร์ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่ได้ค่า f แคบลงจาก 1.5 เป็น 1.8

กล้อง Tele – สเปคเหมือนเดิมเป๊ะ

กล้อง UltraWide – เซนเซอร์ใหญ่ขึ้น แต่ได้ค่า f แคบคงจาก 1.8 เป็น 2.2 

กล้องหน้า – เหมือนเดิมเป๊ะ

ภาพถ่าย

จากเมื่อก่อนผมเป็นพวก Pixel Peepin คือ ถ่ายแล้วแล้วเทียบคุณภาพจากกล้องมือถือตัวอื่น ๆ ทั้งไอโฟนรุ่นเก่ากว่า หรือ แอนดรอยด์ราคาใกล้เคียง

แต่ 2 – 3 ปี หลังการพัฒนาไม่ได้ก้าวกระโดดเหมือนสมัยก่อน พวก wow factor น้อยลงทุกวันคล้ายถึงทางตัน ดังนั้นช่วงหลังผมเน้นความใช้งานได้ ในชีวิตจริงมากกว่า การ “ถ่างเทียบความคม” ซึ่งความใช้งานได้ นับรวมถึงคุณภาพภาพที่ผมถ่ายแล้วเอาไปใส่ในคลิป 4K ลง Youtube ได้ โทนสีสวยงาม เป็นธรรมชาติ 

ที่สำคัญคือ สื่อสารอารมณ์ของภาพได้

หากเทียบกับ iPhone 13 Pro ก็ต้องบอกว่าในที่แสงน้อย มันดีขึ้น มันชัดขึ้น และ noise น้อยลง แต่ดีขึ้นนิดนึงนะ นิดนึงแบไม่ต้องถ่างดูก็เห็นความต่าง สกินโทนสวยกว่าเดิมนิดนึง

คือ ต้องบอกว่ากล้อง iPhone 13 Pro มันทำมาดีทีเดียว มันคือว้าวมากตอนเปิดตัวคราวที่แล้ว คราวนี้แม้จะเปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่ อะไรโน่นนั่นนี่ แต่โดยรวมมันไม่ได้ดีกว่าเดิมเยอะ

วีดิโอ

กลางวันไม่ต่าง กลางคืนไม่ต่าง ถามว่าดีกว่าเดิมมั๊ย ดีกว่าเดิม แต่ไม่ได้มากขนาดต้องร้อง “ว้าว” เพราะจริง ๆ ของเดิมก็ทำงานได้ดีในฐานะกล้องมือถืออยู่แล้ว

แต่ถ้าจะพยายามหาข้อแตกต่าง มันก็พอมีบ้างเล็กน้อย น้อยจริง ๆ

ถ่ายในที่แสงน้อยหน่อย ดีขึ้น แต่สกินโทนยังออกแดง ๆ ประหลาด ๆ อยู่ อยากรู้เป็นอย่างไร ดูในคลิปด้านบนได้ครับ จะเห็นภาพกว่า 

Action Camera

อันนี้ของเล่นใหม่ประจำปี ที่ใหม่จริง ๆ และว้าวจริง ๆ ซึ่งผมใช้เวลาคิดอยู่นานว่าจะทดสอบอย่างไรให้เข้ากับชีวิตประจำวันที่ไม่ค่อย action เท่าไหร่ ขนาด action cam ยังไม่ได้ใช้ 555

สรุปเอามาถ่ายน้องหมาที่เลี้ยงไว้ วิ่งเล่นกันสนุกสนาน ก็เออ สั่นน้อยลงนะ แต่ก็สั่น มันไม่นิ่งเท่า action cam 

ที่สำคัญคือ มันจะครอปลงมาเยอะ ถ้าจะเอามุมมองเท่าเดิมต้องปรับไปใช้เลนส์ UltraWide ที่เซ็นเซอร์เล็กกว่า ภาพที่ได้ไม่ชัดเท่า ดังนั้นถ้าจะใช้ต้องเลือกระยะยืนให้เหมาะสม

ส่วนตัวหลังจากทดสอบรีวิว ก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะจะใช้แทน Action Cam ตัวเครื่องมันก็ไม่ได้ทนทานขนาดนั้น แต่ถ้าจะไม่ได้ในรูปแบบนั้น โหมด Auto ธรรมดา มันก็กันสั่นได้ดีอยู่แล้ว

เอามาลองเดินถ่าย vlog ดูด้วย Action Mode ว่าภาพจะนิ่งเหมือน Action Cam จริง ๆ มั๊ย สรุปคือ ไม่ครับ

ฟุตเทจที่ได้แทบไม่ต่างกับการใช้งานโหมด Auto ปกติ แต่หากต้องการมุมมองเท่าเดิม ต้องเปิดเป็น UltraWide ทีนี้ภาพที่ได้จะสู้โหมด Auto ที่ใช้กล้อง Wide เซนเซอร์ใหญ่ไม่ได้ คุณภาพจะดรอปลงเล็กน้อย (ต้องสังเกตุ)

ความรู้สึกส่วนตัว

มันดีกว่า iPhone 13 Pro ขึ้นนิดนึง ในขณะที่หน้าตาไม่แตกต่าง ลูกเล่นใหม่ ๆ ก็โอเค มีก็ดี ไม่มีก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรไป

ถามว่าคุ้มมั๊ย เฉย ๆ ครับ แต่ถามว่าซื้อมาใช้แล้วเสียดายเงินมั๊ย ตอบเลยว่า “ไม่”

ถ้าคุณใช้ iPhone 12 Pro หรือ ต่ำว่า มันถึงเวลาทึ่คุณควรพิจารณาเปลี่ยนมาใช้ iPhone 14 Pro 

หากคุณใช้ iPhone 13 Pro อยู่ การเพิ่มเงินขนาดนี้มาใช้ iPhone 14 Pro คุณสามารถรอ iPhone 15 Pro ไปแลยจะคุ้มค่าที่สุดในมุมของ ราคาต่อสิ่งที่ได้ ยกเว้นเสียแต่คุณเป็นคนเหมือนผม คือ ต้องเปลี่ยนมือถือทุกปี นั่นคงไม่ต้องบอกอะไรมาก เปลี่ยนเลยครับ ใช้สนุกดี

บทความนี้ขอขอบคุณ Hi-Shield ฟิล์มกระจกนิรภัยกันรอย ปกป้องหน้าจอ iPhone 14 Series ของคุณอย่างมั่นใจด้วยการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน

สนใจซื้อชุด Premium Box Set จาก Hi-Shield กดลิ้งค์ด้านล่าง

พร้อมรับส่วนลด 100 บาท

เพียงใส่โค้ด HISHLIFES

คลิ๊ก>>> http://bit.ly/3xpketM

_____________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art