มี FC อินบ็อคมาถามบ่อยมาก ๆ กับวิธีกำจัดกลิ่นในรถ โดยเฉพาะเวลาเปิดแอร์วูบแรกแล้วมีกลิ่นเหม็น ฟังดูเหมือนง่าย แต่ทำไมหลายคนแก้ไม่หายเสียที
#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #แอร์รถยนต์ #แอร์มีกลิ่น #แอร์เหม็น
ปัญหากลิ่นแอร์เหม็น หลัก ๆ มาจาก 2 ส่วนคือ
- กลิ่นจากตัวรถ ที่สุดท้ายไปติดในระบบแอร์
- กลิ่นจากระบบแอร์สกปรก
เวลารถท่านมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ อันดับแรกให้หาต้นตอของกลิ่นก่อน โดยเฉพาะเมื่อเปิดรถครั้งแรกของวัน ว่ามีกลิ่นหรือไม่ ถ้ามีกลิ่นเหม็นให้พยายามหาต้นตอของกลิ่นก่อนว่ามาจากไหน
รถยุโรปในยุค 2000 เป็นยุคนิยมการ recycle ดังนั้นวัสดุภายในหลาย ๆ ชิ้นจะเป็นวัดสุ recycle ตามกระแสนิยม ทีนี้พอมีอายุวัสดุพวกนี้ก็จะคายกลิ่นออกมา ซึ่งเคยบอกวิธีแก้ไปแล้วในคลิปด้านล่าง
ซึ่งหากทำตามแล้ว ในรถยังมีกลิ่นอยู่ อาจเป็นเพราะในรถเรามีอุปกรณ์ที่ส่งกลิ่น ตัวอย่างรถผมเองกับคุณน้ำเงิน ที่พรมเป็นสีครีม เราก็กลัวดำ เลยสั่งพรม 6D มาใส่ ตอนซื้อมาก็ลองดมดูแล้ว ไม่มีกลิ่นนะ แฮปปี้
แต่พอนาน ๆ เข้า รถเริ่มมีกลิ่น ถอดพรมมาดมใหม่ กลิ่นมาละ เป็นกลิ่นแปลก ๆ ที่ไม่สามารถบรรยายได้
ถอดพรม 6D ออก จอดตากแดดเปิดประตูทิ้งไว้ 1 วันกลิ่นหาย
ดังนั้นหากเพื่อน ๆ ลองฟอกเบาะ ซักพรม แล้วมั่นใจว่าไม่มีกลิ่นจากชิ้นส่วนติดกับตัวรถแล้ว
แนะนำให้ลองเช็คจุดอื่น ๆ ที่อาจส่งกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นพรม ผ้ายาง หมอน หรือ บางครั้งแอบเจอของกินใต้เบาะก็มีนะ
แต่หากรื้อหมดแล้ว เปิดประตูรถครั้งแรกแล้วไม่มีกลิ่น พอเปิดแอร์ปุ๊ป ลมวูบแรกเหม็น ทิ้งไว้สักแป๊ปกลิ่นแอร์จางลงจนไม่มี แสดงว่ากลิ่นมาจากไส้กรองแอร์
ไส้กรองแอร์ ควรเปลี่ยนทุก ๆ ปี เพื่อความสะอาดสดชื่นในรถยนต์ รถที่ไม่ได้เปลี่ยนกรองแอร์นาน ๆ ไส้กรองจะสะสมกลิ่นที่เค้ากรองไว้ จากนั้นลามไปสะสมในระบบแอร์ ทำให้แอร์มีกลิ่น ทีนี้จะมี 2 อาการครับ
- กลิ่นแอร์เหม็นวูบแรก แล้วหาย เป็นที่ไส้กรอง
- กลิ่นแอร์เหม็นมากในวูบแรก แล้วค่อย ๆ ดีขึ้นแต่ยังมีกลิ่นอยู่ เป็นที่ไส้กรอง และ ระบบแอร์
หากไม่มั่นใจว่ารถได้เปลี่ยนกรองแอร์ทุกปี (เป็นอย่างน้อย) และมีกลิ่นเหม็น แนะนำล้างแอร์ก่อนครับ
ปล. ไม่ว่ากลิ่นจะวูบแรก หรือ ลงรถมาแล้วเสื้อมีกลิ่น มักจะเป็นที่กรองแอร์
โดยผมแนะนำการล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ หรือหลาย ๆ ที่เรียกว่าล้างแอร์แบบสอดกล้อง ซึ่งไม่ต้องรื้ออะไรเลย เค้าจะสอดท่อ + กล้องเข้าไปทางช่องที่ใส่ไส้กรองแอร์ แล้วล้างคอยล์เย็น บางคันมีคราบสะสมจนน่าเกลียด
แต่ส่วนมากรถยุโรป จะไม่ค่อยเละเทะมากนัก เนื่องจากไส้กรองรถยุโรปจะถูกออกแบบมาให้หนา และ กรองได้ดี
การล้างแอร์แบบถอดตู้ ส่วนตัวผมไม่แนะนำ เพราะรถยุโรปถอดตู้แอร์ คือ รื้อคอนโซลออกมา รื้อเยอะมาก และ มีโอกาศที่ประกอบกลับเข้าไปแล้วจะมีชิ้นส่วนแตกหัก หรือ มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดได้ (เรียกว่าดวงไม่ดี)
ซึ่งร้านล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้มีให้บริการเยอะครับ ส่วนผมเองล้างไม่บ่อย ประสบการณ์ไม่พอจะแนะนำร้านให้เพื่อน ๆ ได้ในตอนนี้ ยังไงลองหาร้านกันเองนะครับ
ทีนี้พอล้างแอร์เสร็จก็จัดการเปลี่ยนไส้กรอง
หรือถ้ารถท่านเป็นอาการแบบข้อ 1 คือ มีกลิ่นเฉพาะวูบแรกแล้วหาย ก็ไม่ต้องล้างก็ได้ครับ ลองเปลี่ยนเฉพาะไส้กรองก่อน ซึ่งปกติแค่เปลี่ยนไส้กรองก็หายแล้ว
คุณน้ำเงิน BMW F30 320d ปี 2013 นายแบบของเราในวันนี้ เคยล้างตู้แอร์มาครั้งนึงสมัยยังไม่หมด BSI ซึ่งก็สัก 3-4 ปีก่อน ทดสอบเอาไปส่องกล้องดู แอร์สะอาดมาก ไม่ต้องล้างเลย
ว่าด้วยเรื่องไส้กรอง
เปลี่ยนไส้กรอง เรื่องง่าย ๆ ที่หลายคนเปลี่ยนแล้วกลับมาถามว่า ทำไมเปลี่ยนแล้วกลิ่นไม่หาย บางทีกลิ่นเปลี่ยนไปด้วยซ้ำ
อันนี้บอกเลยว่าเรื่องง่าย ๆ นี่แหละที่พลาดกันประจำ
ไส้กรองไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนยี่ห้ออะไรก็ได้ จากประสบการณ์ส่วนตัวนั่น ผมแนะนำ 2 ยี่ห้อ คือ
- ไส้กรองแท้ พวก Benz แท้ BMW แท้
- ไส้กรองยี่ห้อ Mahle
คำเตือน
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลด้านเดียว จากประสบการณ์ของผมที่ทดสอบ และช่วยเหลือเพื่อน ๆ FC มา อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด และอาจมีข้อมูลด้านอื่นที่ผมไม่ทราบ
ไส้กรองแท้
หาซื้อยากมาก ที่บอกยากเพราะว่าเจอปลอมเยอะ ดังนั้นปกติถ้าผมสุดจะทนแล้ว มักจะกัดฟันเอารถเข้าศูนย์ เปลี่ยนกรองแอร์ไปเลย เพราะมั่นใจว่าแท้ และ จบแน่นอน
หลายศูนย์จะแนะนำให้ล้างตู้ อบโอโซนด้วย ซึ่งสำหรับรถศูนย์มือสองที่ผมซื้อมา มักจะเข้า “เช็คอิน” ด้วยการเปลี่ยนกรองแอร์ครับ อื่น ๆ เราซ่อมอู่นอกอยู่แล้ว การ “เช็คอิน” เพื่อให้ประวัติซ่อมเราพอมีในระบบศูนย์บ้าง
ไส้กรอง Mahle
ลองแล้วจบเสมอ เพราะเป็นแบรนด์ที่ผลิตเป็น Genuine Parts ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ชั่นนำทั่วโลกดังนั้นหายห่วงเรื่องคุณภาพ
มาฮ์เล่ มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความต้องการ และ งบประมาณ เท่าที่ผมใช้มา แบ่งเป็น
- LAK สีดเทาดำ เป็นไส้กรองแบบมีคาร์บอน มาตรฐานไส้กรองแท้ ผลิตจากยุโรป (ไม่ใช่จีน) กรองดีมาก ดักกลิ่นได้ดี ใช้แล้วแอร์กลิ่นสะอาด ราคาพันต้น ๆ
- LAK P สีเหลือง เป็นไส้กรองแบบมีคาร์บอน แต่กรองละเอียดกว่า LAK โดยสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก กรองฝุ่น กรองเกสรดอกไม้ ได้ ฯลฯ เป็นไส้กรองที่ผลิตในประเทศไทย ดังนั้นราคาจะถูก เพราะไม่โดนภาษีนำเข้า ราคาพันบวก ลบ
- LAO หรือ CareMetix สีฟ้า ไส้กรองตัวเทพ ตัวท๊อป กรองได้ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่ว่าจะแบคทีเรีย และ ฝุ่น PM2.5 ด้วย ผลิตจากยุโรป และมีให้เลือกเฉพาะรถบางรุ่นเท่านั้น ราคาเกือบสองพัน ถึง สองพันกว่าบาท
ชอบแบบไหน หรือ ที่อู่มีแบบรุ่นไหน ก็ใช้ได้หมดครับ เปลี่ยนแล้วจบ กลิ่นหายเป็นปลิดทิ้ง ยกเว้นเสียแต่มีกลิ่นในระบบแอร์ แล้วไม่ได้ล้างตู้แอร์
ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัว เวลาไปอู่ ผมจะย้ำกับอู่ว่าขอไส้กรอง Mahle นะ เพราะถ้าไม่ย้ำ อาจเจอยี่ห้ออื่น ซึ่งผมลองมาหลายยี่ห้อมาก ๆ แล้วมันไม่ค่อยจบ ส่วนจะเป็นยี่ห้ออะไรบ้าง ขอไม่พาดพิง
เอาเป็นว่าเลือกใช้ Mahle / มาฮ์เล่
กรองแอร์ ที่ไม่ดี
ไม่ว่าจะกรองจีน กรองปลอม กรองใด ๆ ที่ไม่ได้คุณภาพ อาการคือ ใส่แล้ว 3 – 5 วัน แอร์จะมีกลิ่นทันทีเมื่อเปิดแอร์ บางครั้งที่ผมเจอมา กลิ่นเหม็นกว่าเดิมก่อนเปลี่ยนเสียอีก
กรองปลอมนี่หนักเลย กลิ่นเหม็นสาบ จากวัสดุกรองที่ไม่ได้คุณภาพ หรือ คุณภาพต่ำ
กรองปลอมดี ๆ ก็มีนะ ซึ่งร้านแอร์เค้าบอกเกรดนี้เค้าทำส่งศูนย์บริการเลย ผ้าคาร์บอนนำเข้า เย็บในไทยส่งศูนย์ แต่ไม่มีกล่องนะ
อันนี้ก็แล้วแต่ร้านจะว่ากันไป เพราะแต่ละร้านจะมีแบรนด์ที่ตัวเองขายอยู่
เป็นเรื่องปกติครับ ผมก็มีแบรนด์ที่ชอบ ร้านแอร์ หรือ อู่ก็จะมีแบรนด์ที่ชอบ เพื่อน ๆ ทุกท่านก็มีแบรนด์ที่ชอบ
เอาเป็นว่าแบรนด์ไหนใช้แล้วดี ก็คือจบ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้เหมือนที่ผมแนะนำ แต่หากใครไม่จบ หรือ ไม่รู้จะใช้แบรนด์อะไร
เอาแท้ หรือ Mahle ไว้ก่อนเพื่อความสบายใจ ส่วนจะซื้อที่ไหน ผมไม่เกี่ยวครับ แค่ลองแล้วมาเล่าเท่านั้น
ปกติไส้กรองดี ๆ หาซื้อได้ตามร้านอะไหล่ชั้นนำทั่วไป ผมเดินวรจักร กับ วัดโสมฯ มีเยอะครับ อู่ที่ผมเข้าไม่ว่าจะ Benz หรือ BMW ก็มี Mahle ให้เลือก (ต้องบอกเค้า) ไม่ต้องไปหาเอง แต่ใครชอบซื้อออนไลน์ ลองดูเพจนี้ครับ
https://www.facebook.com/mahlefiltersthailand
ลิ้งค์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเค้า ลองติดต่อร้านใกล้บ้านดูนะครับ
คลิ๊ก >>> ลิ้งค์ตัวแทนจำหน่ายไส้กรอง Mahle แท้
_______________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart