รวมข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับ BMW ซีรียส์ 4 รหัส F32 มาฝากสำหรับคนที่กำลังมองหารถมือสองในตลาดบ้านเรา
มีอะไรควรรู้ มีอะไรควรระวังบ้าง มาดูกัน
#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #BMW #F32 #Howto #420d #430i
คำเตือน
บทความนี้ และคลิปด้านบน พูดคุยในมุมของคนซื้อรถมือสองในประเทศไทยเท่านั้น ข้อมูลอาจไม่ครบถ้วนทั้งหมด
โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูล ส่วนไหนที่สำคัญ และตกหล่นไป เพื่อน ๆ สามารถคอมเม้นต์แจ้งได้หน้าเพจ
อายุในช่วงระหว่างปี 2014 – 2020 แบ่งเป็นก่อน LCI และ ตัว LCI ซึ่งสำหรับ BMW แล้ว รุ่น LCI คือ รุ่นปรับโฉมเล็กน้อย หรือที่ยี่ห้ออื่นเรียกกันว่า Facelift หรือ minor change นั่นเอง
2014 – 2016 Pre-LCI / ก่อน LCI
มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 ตัว คือ
- 420d เครื่องยนต์ดีเซล (N47) 4 สูบเทอร์โบ 2000cc 184 แรงม้า กับแรงบิด 380 นิวตันเมตร โดย BMW เคลมอัตราการสินเปลืองน้ำมันไว้ที่ 21กม/ลิตร
- 420d ประมาณปี 2016 เปลี่ยนเป็นเครื่องดีเซล รุ่นฝาเล็ก (B47) 2000cc 190 แรงม้า กับแรงบิด 400 นิวตันเมตร โดย BMW เคลมอัตราการสิ้นเปลืองไว้ที่ 25 กม/ลิตร
- 420i เครื่องเบนซิน (N20) 4 สูบเทอร์โบ 2000cc 184 แรงม้า กับแรงบิด 270 นิวตันเมตร โดย BMW เคลมอันตราการสิ้นเปลืองไว้ที่ 16.7 กม/ลิตร
เครื่องทั้ง 3 ตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่วางอยู่ใน ซีรีย์ 3 พี่น้องท้องเดียวกันรหัส F30 เลย อะไหล่ต่าง ๆ ใช้ร่วมกันได้
ในประเทศไทย BMW มีรุ่นย่อย และส่วนที่แตกต่างดังนี้
- รุ่น Sport- เบาะสปอร์ต ไม่มีกล้องถอย ภายในทริม Brush Lengthwise ขอบดำ หรือ แดง โช้คอัพธรรมดา
- รุ่น M Sport – ชุดกันชน M Sport พวงมาลัย M 3 ก้าน ไม่มีกล้องถอย ภายในทริมเงิน Aluminium Hexagon ช่วงล่าง Adaptive (โช้คอัพไฟฟ้า) ล้อขอบ 19″
สามารถดูรายละเอียดจากเวปของ Millinium Auto ได้ตามลิ้งค์นี้ >>> โบรชัวร์ ซีรียส์ 4
2017 – 2020 เป็นรุ่น LCI
ตัวปรับโฉมนี้ในประเทศไทยยกเลิกการขายเครื่องยนต์ดีเซล กลับมาวางขายเครื่องเบนซินรุ่นเดียว คือ 430i เครื่อง B48 252 แรงม้า กับแรงบิด 350 นิวตันเมตร ให้พละกำลังแรงกว่าตัวเดิมมากถึง 70 แรงม้า แบบไม่ต้องเอาไปจูน
โดยตัว LCI แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยดังนี้
- 430i Luxury – เบาะธรรมดา ไม่มีกล้องถอย คิ้วโครเมี่ยมรอบคัน
- 430i M Sport – ชุดกันชน M Sport พวงมาลัย 3 ก้าน มีกล้องถอย ภายในทริมเงิน Aluminum Hexagon ช่วงล่าง Adaptive (โช้คอัพไฟฟ้า)
หากจะนับ ซีรีย์ 4 จริง ๆ จะมีอีก 2 ตัว คือ Convertible และ Grand Coupe ซึ่งใช้คนละรหัสกัน คือ Convertible ตัวเปิดประทุนเป็น F33 และ Grand Coupe 4 ประตู เป็น F36 ตามลำดับ
สามารถใช้รายละเอียดในบทความนี้อ้างอิงได้ แต่ต้องบอกก่อนว่า ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้อ้างอิงก้บ F32 เป็นหลักครับ
430i Convertible (F33) เปิดประทุน แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย ที่มีความแตกต่างคล้ายกับตัวไม่เปิดประทุน
- 430i Convertible Luxury
- 430i Convertible M Sport
สิ่งที่เปลี่ยนไปใน Pre LCI vs LCI
- ไฟหน้าเปลี่ยนจาก Day Time Running Light วงกลมเต็มวง เป็น Adaptive LED ทรงครึ่งวงทรงเหลี่ยม
- ไฟท้ายเปลี่ยนจากรูปช้อน 2 อัน เป็นรูปช้อนใหญ่อันเดียว
- จอ iDrive เปลี่ยนเป็นรุ่น 6
- เครื่องยนต์จากเดิมมีให้เลือกระหว่าง ดีเซล N47 กับ เบนซิน N20 มาขายเฉพาะเบนซิน B48 เพียงรุ่นเดียว ไม่ขายดีเซลแล้ว
จุดอ่อน จุดที่ซ่อมบ่อย
420d ตัวก่อน LCI เครื่องดีเซลรหัส N47
ตัวนี้ใช้ในหลายรุ่นมาก ๆ นับเป็นเครื่องครอบจักรวาลที่ทน ถึก ซ่อมง่าย ที่สำคัญช่างไทยส่วนมากคุ้นเคย เพราะซ่อมกันมากว่า 10 ปีแล้ว
หลัก ๆ ที่ต้องดูแล คือ
- โซ่ไทมมิ่ง ระยะ 100,000 ขึ้นไปควรตรวจว่าหย่อนหรือยัง อย่าให้พังก่อน เดี๋ยวจะยาวไปถึงชิ้นอื่น
- ระบบอากาศ ที่จะมีคราบเขม่าของดีเซลเกาะแบบเกระกรัง สกปรกมาก ๆ ส่วนมากแนะนำให้อู่ล้างระบบให้สะอาด ไม่ว่าจะเป็นท่อไอดี, ลิ้นปีกผีเสื้อ, DPF, EGR และ ท่อแคตฯ
- พอรื้อท่อไอดีมาแล้ว จะเจอคอน้ำบน หรือบางคนเรียกท่อน้ำข้างเครื่อง ตัวนี้จะอยู่ใต้ท่อร่วมไอดี เป็นท่อพลาสติคแข็ง ๆ เวลาเก่าแล้วจะมีรอยร้าว น้ำซึมออกมาโดยที่มองไม่เห็น รู้ตัวอีกทีคือท่อแตก ทีนี้ต้องเรียกรถสไลด์เลย ดังนั้นให้เปลี่ยนไปเลย อันละพันกว่าบาทเท่านั้น
- น้ำมันเกียร์ ถ้ารถเข้าศูนย์ตลอด มักไม่ค่อยได้ถ่ายน้ำมันเกียร์ แนะนำว่าซื้อรถมือสองมาแล้ว ให้ถ่ายน้ำมันเกียร์เป็นอันดับแรก หลังจากนั้นควรถ่ายทุก ๆ 80,000 – 100,000 กม.
- น้ำมันเฟืองท้ายก็ควรเปลี่ยนเช่นกัน ใช้ลิตรเดียวเองไม่ถึงพัน แต่สบายใจกว่ากันเยอะครับ เพราะถ้าเฟืองหอนก็โดนหลายหมื่น
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว อื่น ๆ ผมถือเป็นการซ่อมเสียตามสภาพ ตามอายุการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างต่าง ๆ พวกปีกนกบน ปีกนกล่าง เหล็กกันโคลง รวมไปถึง ซีลรอบเครื่อง และ ท่อน้ำ พวกอุปกรณ์ที่เป็นยางต่าง ๆ
โดยรวมเครื่อง 420d ดีเซล ไม่มีอะไรต้องห่วงมากครับ จะมีนอกจากนี้ก็รถสัก 10 ปี วิ่งเกิน 150,000 ควรเปลี่ยนท่อน้ำรอบเครื่อง และ หม้อน้ำ ท่อยางต่าง ๆ อีกทั้ง oil cooler ไปเลย ไม่ต้องรอให้เสียหรอก เพราะ oil cooler อันนึง 5 – 6 พันบาท สบายใจกว่าครับ
420i เครื่องเบนซิน รหัส N20 ก่อน LCI
ระบบช่วงล่าง เกียร์ เฟืองท้าย ของเหลวต่าง ๆ ที่ใช้เหมือนกับ 420d การดูแลเหมือนกันเป๊ะ
ส่วนตัวเครื่อง N20 ก็ทนพอสมควร ส่วนตัวผมว่าดูแลง่ายกว่าเครื่องดีเซล เพราะไม่ต้องล้างทำความสะอาดเขม่าต่าง ๆ รวมไปถึงปัญหาโซไทมมิ่งก็น้อยกว่าเยอะ
ปัญหาเฉพาะรุ่นจะเป็นเสียงเขกตอนสตาร์ทเช้า ๆ อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อม และ องศาไฟที่อาจไม่เข้ากับน้ำมันบ้านเรา (เค้าบอกมา) ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยได้จับเสียงเท่าไหร่
แต่เอาเป็นว่าเสียงเขกนี้ แก้ไม่หายครับ ถือเป็นคาแรคเตอร์ของรถแล้วกัน
ชุดเทอร์โบ ระยะ 150,000 ขึ้นไปควรตรวจสอบท่อน้ำมันเลี้ยงเทอร์โบ รวมถึงซีลต่าง ๆ
ชุดคอยล์จุดระเบิดที่ถึงเวลาก็จะเสียตามอายุการใช้งาน อาจเปลี่ยนทีละหัวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยกชุด รวมไปถึงหัวฉีดอาจมีอาการตัน ก็ถอดล้างได้ โดยรวมถือว่าเป็นเครื่องที่ดูแลง่ายอีกตัวนึง
หลายสำนักยังคงแนะนำให้เช็คโซ่ไทมมิ่ง (Timing Chain) เหมือนกับตัวดีเซล ในระยะทาง 100,000 กม. ขึ้นไป คล้ายกับเครื่องดีเซล
430i LCI เครื่องเบนซิน N48 2000cc Turbo
เบื้องต้นเท่าที่สอบถาม เนื่องด้วยเครื่องยังใหม่ บางคันเพิ่งหมด BSI ไป ดังนั้นอู่นอก กับร้านอะไหล่ยังไม่เจอปัญหาอะไรมากนัก แต่ที่น่าสนใจคือระบบน้ำ
เนื่องด้วย N48 ไม่ใช้ Intercooler ระบายด้วยอากาศที่ติดอยู่หลังกันชนหน้า เปลี่ยนมาใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ โดย Intercooler จะฝังอยู่ในท่อไอดี และใช่ครับมีระบบน้ำเลี้ยงเข้าไปในท่อไอดี
ดังนั้นรถเก่า รถโทรมที่ขาดการดูแล อาจมีอาการน้ำรั่วเข้าเครื่องยนต์ได้ และหากมีอาการท่อน้ำรั่ว ท่อไอดีรั่ว อินเตอร์รั่ว อย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องเปลี่ยนท่อร่วมไอดีทั้งชุด เพราะ BMW ไม่แยกขาย มันติดกันเป็นก้อนเลย
นอกจากนี้ระบบน้ำของเครื่อง N48 ที่ยอดเยี่ยมนั้น ยังแลกมากับราคาค่าอะไหล่ที่แพงกว่ารุ่นก่อน LCI มาก เอาง่าย ๆ หากจะยกระบบน้ำทั้งหมดกรณีเสื่อมตามอายุการใช้งาน ก็ต้องกันงบไว้ 4 -5 หมื่นบาท ในขณะที่เครื่องเบนซินของรุ่นก่อน LCI ยกระบบน้ำใช้เงินไม่เกิน 2 หมื่นบาท
ลำพังวาล์วน้ำ / Thermostat สำหรับเครื่อง N48 ก็ตัวละหมื่นกว่าบาทแล้ว เพราะมาทั้งเสื้อ ปั๊มน้ำตัวนึงเกือบสอบหมื่น ท่อน้ำเข้าปั๊มที่มีวาล์วในตัวอีกเกือบหมื่น ยังไม่รวมอุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ อีก
เรียกว่าจุกเลยทีเดียว แต่ยังโชคดีที่รายการอื่น ๆ นั้นยังไม่เจออะไรที่หนักหนาครับ โดยรวมผมมองว่า B48 เล่นได้ แลกกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และ แรงม้าที่มีให้เล่นถึง 252 แรงม้า แบบยังไม่จูนเลย
ซื้อรุ่นไหนดี
Pre LCI มีทั้งดีเซล และเบนซิน พอเป็น LCI กลับขายเฉพาะ เบนซิน 430i เท่านั้น
ดังนั้นหากใครชอบดีเซล ต้องหันไปเล่นตัว 420d ก่อน LCI เท่านั้น ซึ่งนี่ทำให้ราคาตัวก่อน LCI ยังคงแข็งอย่างต่อเนื่องที่ล้านปลาย ๆ (เดือน กค. 65) และดันราคา LCI ให้ยังคงค้างอยู่ที่สองล้านกว่าบาท
420d ขับสนุก แรงบิดมากมายมีให้ใช้ต้้งแต่รอบต้น ๆ การขับในเมืองสนุกมาก โดยเฉพาะสายมุด กดกระชากหนีไปได้อย่างไว แต่แน่นอนครับ ยืนระยะวิ่งทางตรง หรือ ทางยาวอาจไม่ดุเท่าเครื่องเบนซิน
420i ขับคล้าย 420d แต่พอทอร์คมาในรอบที่สูงกว่า การขับในเมือง กดแล้วอาจจะพุ่งไปข้างหน้าไม่รวดเร็วเท่าเครื่องดีเซล แต่ก็ไม่น้อยหน้ากันเท่าไหร่นัก ขับสนุก ทั้งในเมือง และ นอกเมือง
430i แรงกว่า แต่ต้องลากรอบสูงกว่า เพื่อแค้นแรงม้า แรงบิด ทำให้ขับในเมืองอาจไม่ปรู๊ดปร๊าดเท่า 420d แต่ก็ยังอยู่ในโซนแรงอยู่ ขับยาว ๆ ขึ้นด่วน หรือ ขับทางไกล 430i ได้เปรียบกว่าเยอะ ทำความเร็วปลายได้ดีกว่า จะเอาไปจูนแรงม้า เครื่อง B48 ไฟล์จูนจาก Tuner เจ๋ง ๆ ดันขึ้นมาได้ 100 แรงม้าสบาย ๆ หลังสุดผมเห็น Stage 2 จูนเพิ่มได้ 120 แรงม้ากันเลยทีเดียว
ทว่าเครื่อง B48 ใน 430i LCI การซ่อมบำรุงจะโหดกว่า เอาง่าย ๆ แค่ระบบหล่อเย็นที่ดันเอาอินเตอร์คูลเลอร์ ไปไว้ในท่อไอดี แล้วเอาน้ำจากหม้อน้ำไปเลี้ยง ตรงนี้ถ้าเสียขึ้นมาก็รื้อกันยาว ดังนั้นควรตรวจสอบเป็นระยะ อย่าให้ระบบน้ำรั่ว
ยังไม่นับค่าอะไหล่ของระบบน้ำใน B48 ของ 430i LCI จะแพงกว่าอะไหล่ของ 420i/420d ประมาณเท่าตัว
ทีนี้ขึ้นอยู๋กับว่าคุณชอบสไตล์ไหนมากกว่ากัน ในการดูแลไม่ยาก ถ้าเรารู้จุดอ่อนของเครื่องแต่ละตัว และสำรองเงินเอาไว้ซ่อมใหญ่ครั้งแรกเพื่อให้รถไม่เป็นภาระ
ส่วนบทความนี้ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหา BMW ซีรีย์ 4 มาครอบครองครับ
ส่วนอู่ที่ซ่อมต่าง ๆ ผมรวบรวมให้แล้วในบทความนี้
รวมรายชื่ออู่ที่พี่อาร์ตแนะนำ ซ่อม Benz, BMW
_______________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart