Mercedes Benz E Class รถเบนซ์ หรูหรา ขนาดกลางที่วันนี้ราคาเริ่มต้นแค่ 7 แสนบาท ไปยัน 1.5 ล้านบาท ควรซื้อตัวไหน มันต่างกันยังไง

แล้วควรเตรียมซ๋อมอะไรบ้าง มีปัญหาประจำรุ่นอะไรที่ควรรู้ วันนี้พี่อาร์ตมาเล่าให้ฟัง

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #ิbenz #w212 #hybrid #รถมือสอง

สำหรับคนที่มองหารถมือสอง มีสิ่งที่ต้องรู้ดังนี้

W212 มี 2 รุ่นย่อยคือ รุ่น 4 ประตู กับรุ่นแวน พื้นฐานเหมือนกัน เครื่องยนต์เหมือนกัน การดูแลรักษาเหมือนกัน ดังนั้นในบทความนี้จะขอพูดรวม ๆ โดยอ้างอิงจากรุ่น 4 ประตู ที่เรามีภาพประกอบ

สำหรับ E Class รุ่น 2 ประตู Coupe นั้น จะใช้รหัส W207 ซึ่งดันไปใช้พื้นฐานจาก C Class W204 มาพัฒนาเป็น E Coupe โดยใช้เครื่องยนต์เหมือนกับรุ่น 4 ประตู เพื่อน ๆ ก็สามารถอ้างอิงข้อมูลได้เช่นกันแม้รหัสตัวถังไม่เหมือนกัน

รุ่นเปิดตัว / รุ่นแรก

เปิดตัวครั้งแรกปี 2009 วางจำหน่ายปี 2010 เรียกรุ่นไฟแยก 

รุ่นแรก ใช้ระบบเกียร์ 5 สปีด สังเกตุง่าย ๆ คือ เกียร์ อยู่คอนโซลกลาง มีทั้งเบนซิน / CGI และ ดีเซล / CDI แต่ในตลาดรถปีแรก ๆ จะเห็นขายรุ่นเบนซินซะเป็นส่วนมาก

รุ่นย่อยต่าง ๆ ของ เครื่องเบนซิน

  • E200 CGI เครื่อง M271 1,800cc เทอร์โบ 184 แรงม้า
  • E250 CGI เครื่อง M271 1,800cc เทอร์โบ 204 แรงม้า
  • E300 เครื่อง M272 V6 3,000cc 231 แรงม้า

จากเครื่องยนต์จะเห็นได้ว่าหลัก ๆ เป็น M271 Evo เครื่องที่ใช้กันหลายรุ่น รวมถึง C Class W204 ด้วย ทำให้การซ่อมบำรุง การวิเคราะห์อาการค่อนข้างง่าย เพราะช่างเบนซ์ส่วนมากชำนาญ รวมไปถึงอะไหล่ที่หาง่าย เพราะใช้ร่วมกันหลายรุ่น เรียกได้ว่าเครื่อง M271 เป็นพิมพ์นิยมของเบนซ์กันเลยทีเดียว

รุ่น Facelift / ไฟรวม ปี 2013

ปี 2013 เปิดตัว Facelift เรียกรุ่นไฟรวม หรือ เฟสลิฟ ตัวนี้จะเปลี่ยนไปใช้เกียร์ .9 หรือ เกียร์ 7 สปีด ย้ายคันเกียร์มาไว้ที่คอพวงมาลัยแล้ว แต่จะเห็นบางคันรอยต่อข่วงเปลี่ยนผ่านเราอาจจะเจอตัวไฟแยก โดยเฉพาะรถนำเข้า ที่ยุคนั้นรถเกรย์เยอะมาก เพราะถูกกว่ารถศูนย์หลายแสน 

รุ่นหลัก ๆ ในตลาดมือสองคือ

  • E200 เครื่อง M274 2,000cc เทอร์โบ 184 แรงม้า
  • E300 BlueTech Hybrid ดีเซล 2,150cc + ไฟฟ้า

ตัวเครื่องเบนซินเปลี่ยนมาใช้รหัส M274 ที่พัฒนา แก้ไขจุดอ่อนจาก M271 หลายอย่าง สำหรับผม ผมว่าเครื่อง M271 ในรุ่นก่อน Facelift ไม่ค่อยจุกจิกแล้ว ตัวนี้มีอะไรให้ต้องระวังน้อยยิ่งกว่า เค้าทำมาดีจริง ๆ แต่รุ่น E200 หายากมาก ๆ ใสตลาดรถมือสอง ส่วนมากจะเป็นไฮบริด

ส่วนตัวไฮบริดนั้น การใช้งานถือว่าดีมาก ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรจุกจิกนัก ตัวเครื่องดีเซลบำรุงรักษาเหมือนเครื่องเบนซ์ดีเซลทั่วไป แต่จะมาหนักใจตรงอะไหล่ระบบไฮบริด เนื่องจากมีราคาแพง อีกทั้งแบตฯ ที่ผมกังวลว่าเมื่อหมด warranty 10 ปี แล้วเกิดเสียขึ้นมา วันนั้นจะทำอย่างไร เบนซ์จะลดราคาให้เท่าไหร่ เพราะปัจจุบันราคาตั้งของแบตฯ ไฮบริด คือ 800,000 บาท (ก่อนลด)


Facelift เปลี่ยนอะไรบ้าง

  1. ไฟหน้ารวม
  2. ไฟท้าย LED
  3. ชุดกันชนรอบคันใหม่
  4. เกียร์ย้ายมาไว้ที่คอพวงมาลัย
  5. หน้าจอเรือนไมล์ เปลี่ยนเป็นจอสี
  6. จอ Command รุ่นใหม่

สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ W212 มือสอง

ตัวโฉมแรก  E300 เป็นเครื่อง V6 ตัวเดียวกับที่วางใน S Class W221 รถน้อยมาก ๆ ถ้าเจอก็เล่นได้ แรง แต่กินน้ำมันตามสภาพ ส่วนการดูแลรักษาดูอ้างอิงจากรีวิว S Class ได้เลย

ปี 2010 – 2011 จอแสดงผลที่เรือนไมล์ จะเป็นขาว-ดำ ส่วนมากจะเป็นเบาะสีน้ำตาลอ่อนไม่ว่าจะรถสีอะไร มีสีเทาบ้างบางคัน

ปี 2012 ขึ้นไป จอแสดงผลที่เรือนไมล์ จะเป็นจอสีแล้ว ภายในเริ่มจะใช้หนังสีดำเกือบทุกรุ่น

ปี 2013 Facelift ส่วนมากเป็นเครื่อง ฺBluetec Hybrid ซึ่งราคาถูกกว่าเครื่องน้ำมันล้วน เครื่องเบนซิน หายากกว่า และราคาขายต่อแพงกว่า การดูแลรักษาถูกกว่า Hybrid

ตัว Facelift มีออฟชั่นต่างกัน สังเกตุไฟหน้า Full LED เป็นเส้น 2 เส้น ไฟติดตลอด (Daytime Running Light) กับรุ่นถูก คือ ไฟหน้าฮาโลเจน มีแถบ LED ด้านล่างเป็นแถวเท่านั้น

รถในยุคนั้น เรียกยุครถเกรย์รุ่งเรือง เพราะราคาถูกกว่าศูนย์หลายแสน ทำให้ขายดีมาก ๆ  ตอนซื้อมือสองมายังไงดูดี ๆ ครับว่ารถศูนย์ หรือ รถเกรย์ จริง ๆ ดูไม่ยากครับ รถศูนย์จะมีคู่มือรถภาษาไทย มีสติ๊กเกอร์ มอก. 

หรือ สังเกตุอีกอย่างคือ พวกมีออฟชั่นเยอะ ๆ แปลก ๆ รถเกรย์ทั้งนั้น พวก Keyless + Push Start อีกทั้งหลังคาแก้วอะไรพวกนี้

ซื้อรุ่นไหนดี?

ชัด ๆ เลยคือ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ Hybrid กับ NGT ครับ อื่น ๆ เล่นได้หมด เลือกตามงบประมาณเลยครับ

ถ้างบประมาณล้านบาท เอาตัวก่อน facelift ที่ตอนนี้ราคาแปดแสนบาท มาปั้นต่ออีกสัก 2 แสน ก็ได้รถสมบูรณ์ สวยงาม และ ฟังค์ชั่นครบ ๆ เพราะงบประมาณนี้ ซ่อมเครื่อง เกียร์ ช่วงล่าง แล้วยังเหลือเงินติดจอแอนดรอยด์ด้วยครับ

แต่ถ้างบได้ล้านกลาง ๆ เอาตัว Facelift ไฟรวมโดยไม่ต้องสงสัย แต่แนะนำหาตัวน้ำมันล้วน E200 หรือ E250 ไม่ไฮบริด ตอนนี้ถ้าหาภถ้า (ปี 2564) ราคาอยู่ 1.2 – 1.3 ล้านบาท เตรียมงบซ่อมเอาไว้สักแสนกว่าบาท ยังไม่รวมสื่อความบันเทิง และ เก็บสวยงาม

ตัวไฮบริด  แม้ว่าวันนี้ราคามือสองจะถูกมาก ๆ แต่ค่าซ่อมระบบไฮบริดมันเกินส่วนต่างของราคารถเบนซินไปเยอะ มองมุมไหนก็ไม่คุ้ม แม้จะคำนวณค่าน้ำมันที่ประหยัดไปแล้วก็ตาม

แต่หากใครรัก Hybrid และมีแหล่งซ่อมไฮบริดแบบไม่แพงก็เล่นได้ครับ

จุดที่ต้องเช็ค

  1. ปุ่มลอก
  2. ช่องเก็บของหลังเบาะหัก
  3. ปีกเบาะคนขับถลอก
  4. ผ้าหลังคาร่วงหรือยัง
  5. ขับแล้วภายในมีเสียงหรือไม่ โดยเฉพาะรุ่นหลังคาแก้ว พออายุเยอะ ๆ ขอบยางเสื่อม จะมีเสียง หรือ อาจมีน้ำรั่ว

จุดอ่อน / อาการประจำรุ่น

W212 เครื่องเบนซิน มีด้วยกัน 2 เครื่อง คือ M271 ก่อน Facelift และ M274 ตัว Facelift แต่ขอพูดปัญหาที่พบบ่อยรวมกัน เพราะไม่เยอะ ถ้าแยกเดี๋ยวจะงง

เฟืองแอดวานซ์ หรือ อีกชื่อนึงง่าย ๆ คือ เฟืองแคม ตัวนี้ชอบเสีย สมัยก่อนโดนกันห้า หก หมื่น เดี๋ยวนี้อะไหล่ลงมาเยอะ ซ่อม-เปลี่ยนกัน 2 – 3x,xxx บาท

แต่บางอู่ชอบเสนอเฟืองจีน ราคาคู่ละหมื่นกว่าบาท ซึ่งถามว่าใช้ได้มั๊ย ใช้ได้ครับ แต่อายุการใช้งานสั้นกว่าเยอะ บางล็อตโชคดีก็ปีกว่า สองปี บางล็อตโชคร้าย 6 เดือน 8 เดือน ก็เสียอีก ทีนี้โดนค่าแรง รอบสอง

เพื่อน ๆ ลองพิจรณาตามความเหมาะสมครับ แต่สำหรับผม แท้ หรือ แบรนด์เยอรมันเท่านั้น เพราะมันคือความปลอดภัยของตัวเรา

ปั๊มแรงดันสูง หรือ คนโบราณเรียกปั๊มติ๊ก ในระบบรถใหม่ ๆ จะใช้แรงดันสูงมาก ๆ และก็จะเป็นจุดที่ชอบเสียของเครื่อง M271 เปลี่ยนอะไหล่ก็ 3x,xxx บาท (ยังไม่รวมค่าแรง)

ส่วนจะเสียเมื่อไหร่ ไม่สามารถตอบได้ วัดดวงเอา เพราะบางคันวิ่งไป 110,000 ยังไม่เสีย บางคันวิ่งไป 4 หมื่นดันเสียซะงั้น คือ จริง ๆ มันไม่ใช่เสียทุกคันครับ แต่เท่าที่ถามช่าง กับร้านอะไหล่มา คือตัวนี้อยู่ในเกฑณ์ขายดีกว่าอะไหล่เครื่องตัวอื่น ๆ

แรคพวงมาลัยไฟฟ้า รุ่นนี้ใช้แรคไฟฟ้า ดังนั้นมันมีโอกาศเสียได้ด้วยระบบมอร์เตอร์ไฟฟ้าจะมีโอกาศเสีย แต่โดยมากมักจะเกิดจากรถลุยน้ำสูง และโชคไม่ดี น้ำเข้าจุดรั่วซึมพอดี แรคไฟฟ้าก็จะช็อตเสีย

อาการบางครั้งพวงมาลัยหนักโดยไม่มีสาเหตุ บางครั้งก็เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา บางทีไฟโชว์ ซึ่งนอกจากมอเตอร์อาจเสียแล้ว ผมเคยเจอหนูกัดสายไฟขาด เปลี่ยนสายไฟใหม่ก็หาย อันนี้ควรให้อู่ที่ไว้ใจได้ทำการตรวจเช็ค

กรณีแรคมอเตอร์ไฟฟ้าเสีย ค่าใช้จ่ายประมาณ 4 – 5 หมื่นบาท

 

กล่องสมองเกียร์ / แผงวงจรเกียร์ จริง ๆ ก็ควรจะเรียกอาการประจำรุ่น เพราะรถทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นที่ใช้เกียร์ไฟฟ้า นาน ๆ ไป อุปกรณ์ไฟฟ้ามันมีการเสื่อมในตัวมันเอง ก็จะต้องโดนกล่องสมองเกียร์เกือบทุกคน โดนช้า โดนเร็วเท่านั้น แต่ก็ควรรู้ไว้ เปลี่ยนกล่องใหม่ ๆ 6x,xxx บาท หามือสอง หรือซ่อมก็ 2 – 3x,xxx บาท

หากอยากยืดอายุแผงวงจรเกียร์ และ โซลินอยเกียร์ แนะนำถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 50,000 หรือ 80,000 แล้วแต่ลักษณะการชับขี่ ขับในเมืองรถติด ๆ ก็ถ่ายบ่อยหน่อยครับ น้ำมันเกียร์ พร้อมกรอง ประมาณ  

แผงวงจรเกียร์ .6 สำหรับเกียร์ 5 สปีด ราคาห้าพันกว่าบาท ถ้าเป็น .9 ที่เป็นเกียร์ 7 สปีด ราคาเกือบสามหมื่นบาท (ของแท้) 

***ราคาเป็นเพียงการประมาณเท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ และ ค่าเงิน***

กล่องสมองเครื่อง อันนี้ก็ไม่เชิงอาการประจำรุ่นอีกนั้นแหล แต่มันเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่สำคัญกล่องมันอยู่ในห้องเครื่องเหมือนรถสมัยใหม่ทั้งหมด ทุกยี่ห้อ ดังนั้นมันจะมีโอกาศเสียได้สำหรับรถอายุเกิน 10 ปี แจ้งไว้เพื่อไม่ให้ตกใจ หากเสียค่าซ๋อมหมื่นกว่าบาท หรือ เปลี่ยนกล่องใหม่แบบ “โคลน” ข้อมูล ก็ไม่เกิน 4 หมื่นบาท (ผมเคยทำมาแล้วกับ S Class W221)

เครื่องดีเซล

ดูแล ตรวจสอบเหมือนเบนซิน แต่มีสิ่งที่ต้องดูแลต่างกับเบนซินในส่วนของเครื่องยนต์คือ ระยะแสนโล ควรตรวจโซ่ timing เพราะอาจยืดได้ อาการคือ สตาร์ทแล้วมีเสียงแกร๊ก ๆ บางทีสตาร์ทยาว 

เช็คซีลรอบตัวเครื่องว่ามีอาการรั่วหรือไม่ ซีลหลังเครื่อง และ ฐานกรอง เมื่อซื้อมาแล้วควรเข้าอู่ ล้างทำความสะอาดเขม่าในระบบระบบเผาไหม้ดีเซล ไม่ว่าจะเป็น ท่อไอดี, EGR, DPF, ลิ้นปีกฝีเสื้อ, air mass sensor ต่าง ๆ ซึ่งช่างชำนาญเค้าจะรู้ดีว่าควรถอดตัวไหนมาล้างบ้าง

Bluetech Hybrid

พื้นฐานเป็นเครื่องดีเซล ด้งนั้นดูแล ตรวจเช็ค ตรวจสภาพเหมือนเครื่องดีเซล เพิ่มเติมคืออะไหล่ 3 ตัวหลัก ๆ ของระบบ Hybrid ที่อาจเสียได้ คือ

ปั๊ม ABS ที่เป็นปั๊มเฉพาะของรุ่น Hybrid ชอบเสีย ราคา 6 หมื่นบาท บวก/ลบ และหลายอู่แนะนำเบิกศูนย์ เพราะมีประกัน สบายใจกว่าเยอะ

inverter ตัวนี้มีโอกาศเสีย แต่ยังโชคดีที่เสียไม่บ่อยนัก ราคาหลักแสน แต่ที่หนักคือ แบตฯ ไฮบริด ที่วันนี้ราคาตั้งยังคาอยู่ที่ 800,000 บาท หากรถยังอยู่ในประกันก็รอดไป รถเกรย์บางคันได้ส่วนลด จ่าย 2 แสนกว่าบาท แต่อนาคตพอพ้น 10 ปีไปแล้ว เค้าจะเอายังไงก็ไม่มีใครรู้ เรียกว่าวัดดวง

ส่วนในตลาดพอเจอมือสองบ้าง ก็เกือบสองแสน และใช้ได้นานแค่ไหนไม่สามารถบอกได้ ส่วนแบตฯ งานเทียบยังไม่มีครับ เพราะใส่เข้าไปแล้วรถไม่รับ แต่เคยได้ยินว่ามีอู่ที่เค้าโมฯ สลับเซลแบตฯ ที่เสื่อมออก แต่ก็ไม่เคยลองนะครับ

ใครมีข้อมูลเรื่องแบตฯ ไฮบริดเบนซ์ มาเล่าสู่กันฟังได้

อื่น ๆ ไม่มีอะไรให้หนักใจ หรือ เป็นจุดอ่อนประจำรุ่นมากนักครับ พวกอะไหล่ใช้แล้วเสื่อตามสภาพพวกชิ้นส่วนยาง สายพาน ท่อน้ำต่าง ๆ ชิ้นส่วนพลาสติคต่าง ๆ ลูกรอกสายพาน 

ลูกหมากช่วงล่างใช้ ๆ ไปทุก ๆ 50,000 โลควรตรวจสอบ หรือ ขับแล้วมีเสียงกุกกั๊กตอนวิ่งผ่านทางขรุขระครับ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับการเก็บช่วงล่างลูกหมาก ไม่รวมโช้คอัพ ควรเตรียมเอาไว้ประมาณ 4 หมื่น บาท กรณีเสียยกชุด แต่ส่วนมากถ้ารถมือสองเจ้าของเก่าดูแลปกติ เราจะโดนไม่ยกชุดครับ

ใครซื้อมือสองมาแล้ว ไม่รู้จะซ่อมอะไรที่ไหน ผมแนะนำอู่ หรือ บริการที่เกี่ยวข้องกับการปั้นรถมือสอง ที่ผมลองแล้วดี มีทำคลิปไปแล้วรวบรวมมาไว้ในบทความเดียว เผื่อมีอัพเดทผมจะได้แก้ที่เดียว สนใจคลิ๊กดูได้ครับ

https://xenonart.com/2022/list-of-europe-car-garage/

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

 

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art