How to ซื้อ C-Coupe W204/C204 ยังไงไม่ให้เจ็บ

Mercedes Benz C Coupe W204 วันนี้ราคาลงมาน่ารักมาก ๆ แค่ 8 – 9 แสนบาทเท่านั้น นับเป็นรถคูเป้ ทรงสปอร์ตแบรตด์หรูที่จับต้องได้

แล้วควรซื้อรุ่นไหน มีอะไรควรระวัง มีอะไรควรรู้ก่อนเป็นเจ้าของหรือไม่? มาดูกัน

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #รถมือสอง #Mercedes #Benz #CCoupe #w204 #howtobuy #C204

C Coupe W204 นับเป็นรถคูเป้ 2 ประตู แบบสปอร์ตรุ่นเล็กตัวแรกที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ C Class ซึ่งเดิมจะมีเพียง CLC ที่เป็น Sport Back คล้าย ๆ 5 ประตูท้ายลาด ซึ่งตอนเปิดตัวนั้นได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะถือเป็นรถสปอร์ตขนาดเล็ก คล่องตัว และ มีแรงม้าที่เหมาะสม ขับสนุก ดูวัยรุ่นมาก

ปัจจุบันในปี 2022 / 2565 ราคาร่วงจากปีก่อนมาประมาณ 1 แสนบาท จนราคาหน้าเต้นท์รถส่วนมาจะอยู่ที่ 899,000 – 980,000 บาท หรือเรียกว่าไม่เกินล้านแล้ว

ทำให้มันยิ่งน่าจับจองเป็นเจ้าของมากขึ้น เพราะส่วนตัวผมว่าราคามันลงมาในจุดที่จะเอามาใช้ประจำวันก็ได้ จะเอาไว้วิ่งวันหยุดสนุก ๆ ก็ได้ หรือจะเอาไปสะสมก็ได้ เพราะอายุมันยังไม่เยอะ หาสภาพสวย ๆ ง่าย รถยังไม่ค่อยช้ำ แต่หากรอไปช้อนอีก 2 ปีข้างหน้า ราคาอาจถูกกว่านี้ แต่สภาพคงต้องเก็บเยอะ

ดังนั้น หากใครชอบ และ รู้สึกว่าราคานี้จับต้องได้ ก็ลองดูข้อมูลประกอบในการเลือกซื้ออย่างถูกต้อง

รุ่นนี้จะมีอายุในช่วงปี 2011 – 2015 (2554 – 2558) โดยจะมีเพียงโฉมเดียวเท่านั้น ไม่มี Pre-Facelift และ Facelift ให้งง โดยสังเกตุได้จากปีที่วางจะหน่ายจะเป็นปี 2011 / 2554 ปีเดียวกับตัว 4 ประตู Facelift และในประเทศไทย ไม่มีรุ่นดีเซลเข้ามา มีเพียงเบนซินเท่านั้น

และยุคนั้นรถเกรย์เยอะมาก ดังนั้นหากเจอออฟชั่นล้น ๆ แปลก ๆ มักจะเป็นรถเกรย์ ไม่ใช่รถศูนย์ ถ้าใครไม่ซีเรียสก็เล่นได้หมด แต่ถ้าคนชอบรถศูนย์ ก็ต้องสังเกตุดูสมุดคู่มือรถ สติ๊กเกอร์ มอก ตามจุดต่าง ๆ ของตัวรถเอาครับ

ซึ่ง C Coupe W204 เน้นที่ขายมือสองหลัก ๆ ในบ้านเรา จะมีเครื่องแตกต่างกันดังนี้

2011 – 2012

C180 เครื่อง M271 Evo 1,800cc Turbo 15ุ6 แรงม้า

C200 เครื่อง M271 Evo 1,800cc Turbo 184 แรงม้า

C250 เครื่อง M271 Evo 1,800cc Turbo 204 แรงม้า

2013 – 2015

C180 ถูกเปลี่ยนเครื่องเป็น M274 DE ซึ่งในตลาดเรียกบล็อคเล็ก ลดขนาดเครื่องยนต์เหลือ 1,600cc Turbo 156 แรงม้าเท่าเดิม

C200 และ C250 ยังคงใช้เครื่องเดิมคือ M271 Evo

ส่วนของตัวรถ อย่างที่บอกว่ามีทั้งรถศูนย์ และ รถเกรย์ ดังนั้นรายละเอียดมันจะมั่ว ๆ หน่อย แต่จับหลัก ๆ ประกอบการเลือกซื้อรถมือสองได้ดังนี้

รุ่น AMG จะได้พวงมาลัย 3 ก้าน AMG ทริมสีเงิน และ ชุดแต่งรอบคัน
รุ่นปกติ ไม่ใช่ AMG ซึ่งน้อยมาก ๆ จะได้ชุดกันชนรอบคัน และ พวงมาลัย เหมือน W204 ตัว Avantgarde ทริมในรถเป็นลายไม้สีดำ
มีเบาะแดง เบาะดำ และ เบาะดำหนังสลับอาคันทาร่า เดินด้ายแดง (น่าจะเป็นตัว Edition)
มีรุ่น seat belt ดำปกติ และ สีแดง (น่าจะเป็นตัว Edition)
หลังคามักจะมาเป็น panoramic หรือ หลังคาแก้ว แต่หลังคาปกติก็เจอหลายคัน
มีลำโพง Harman Kardon และ ลำโพงปกติ
จอกลาง มีทั้งใหญ่ และ เล็ก บางคันไม่มีกล้องถอย
มาพร้อมหน้าจอสี + เกียร์ 7 สปีดเหมือนกันหมด

ใครกำลังมองหา W204 Coupe มือสอง หลังจากตั้งงบแล้ว ให้เริ่มดูจากเครื่องก่อนว่าจะเล่นปีไหน เอา C180 เครื่องเล็ก หรือ เครื่องใหญ่

ส่วนตัว C180 ตัวบล็อคเล็ก 1,600cc ขับสนุกกว่า อัตราเร่งเหมือนจะดีกว่าหน่อย แต่ช่างหลายที่ลือกันว่ามันเปราะกว่า เพราะลดขนาดเครื่อง ลด CC แต่เค้นแรงม้าให้เท่าเดิม ส่วนจริงเท็จอย่างไรเพื่อน ๆ พิจรณาเอานะครับ

สำหรับ C180 บล็อคใหญ่ 1,800cc ผมก็ว่าขับสนุก แต่เหมือนรอรอบกว่านิดนึง ซึ่งแก้ไขได้โดยการจูนแรงม้า

C200 และ C250 หายากมาก ๆ หากเจอ แล้วสีได้ สภาพได้ แนะนำเล่นเลยครับ แรงกว่าเห็น ๆ

จุดที่ต้องระวังนิดนึงคือ อยากให้ไปลองขับก่อนซื้อ เพราะตัวนี้ผมเจอปัญหาหน้าปัทม์คอนโซลกลาง แถว ๆ วิทยุ และ จอ ชอบมีเสียงดัง “เอี๊ยดอ๊าด” และมันแก้ยากมาก ๆ

จุดอ่อน

เครื่อง M271 Evo ใน C180, C200 และ C250 นั้น แน่นอนครับ อาการประจำรุ่น คือ

เฟืองแอดวานซ์ ชอบสึก ซึ่งเกิดจากพวกรถปีมากวิ่งน้อย สายจอดยาว ๆ จอดสัก 5 วัน น้ำมันเครื่องที่เลี้ยงเฟืองไหลกลับลงมาที่อ่างน้ำมันเครื่องด้านล่างหมด จนเฟืองกับโซ่แห้ง พอสตาร์ททีนึง ก็เหมือนเหล็กสีกับเหล็ก บ่อย ๆ เข้าสึกหรอจนเกิดปัญหา

โดยปัญหาสังเกตุไม่ยาก อาการสตาร์ทตอนเช้า สตาร์ทครั้งแรกไม่ติด ต้องสตาร์ทครั้งที่ 2 จึงจะติด เป็นแบบนี้บ่อย ๆ อาการเฟืองครับ

หรือ อีกอาการที่ชัดเจน คือจะมีเสียง “แครกกก” เสียงเหล็กสีกับเหล็กลั่นก่อนเครื่องจะติด คือ “แครกกกก….แครกกกก…บรึ๊นนนน”

เครื่อง M271 Evo ยังมีอาการที่ชอบเสียกันคือ ปั๊มแรงดันสูงเสีย ราคา 2 – 3 หมื่นบาท อันนี้วัดจากอายุ และ ไมล์ไม่ได้เลยครับ เพราะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ่า รวมไปถึงแรคพวงมาลัย ถ้ารถลุยน้ำมา อาจมีอาการช๊อตได้ แต่แรคฯ ซ่อมได้ไม่น่าห่วงเท่าไหร่

จุดล่าสุดที่ผมรู้มา จากการเอา W212 เครื่อง M271 Evo ไปซ่อม คือ สกรูแป๊ปเทอร์โบ ตอนขายรถออกมาใช้รหัสนึง แต่ตอนหลัง Benz ออกรหัสใหม่ จะเป็นสกรูแป๊ปเทอร์โบ ที่มีวาล์วด้านใน ป้องกันปัญหาน้ำมันเครื่องเข้าเทอร์โบ โดยรถที่ควรเปลี่ยนสกรูแป๊ปเทอร์โบ จะมีอาการสตาร์ทตอนเช้าแล้วควันขาว

จุดนี้ลองให้ช่างเช็คดูครับ

อื่น ๆ ไม่มีอะไรมากครับ เสื่อมเสียตามสภาพ พวกซีลยาง ลูกหมากช่วงล่าง ผ้าเบรค จานเบรค กันโคลง กระป๋องพักน้ำ หม้อน้ำ ก็ให้ช่างตรวจสอบชุดใหญ่เพื่อความสบายใจ โดยเฉพาะระบบหล่อเย็น ควรตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะถ้ารอให้เสียแล้วค่อยซ่อม จะได้ขึ้นยานแม่ (รถสไลด์ รถลาก)

ค่าซ่อมบำรุง จากประสบการณ์ และ สอบถามช่าง ส่วนมาก รถวิ่ง 120,000 น่าจะต้องซ่อมประมาณ 80,000 บาท กรณีเฟืองแอดวานซ์ไม่เสีย

ส่วนรถ 10 ปี วิ่งไม่เกินแสนนี่ไม่รู้วิ่งสั้น หรือ สายจอด แต่ถ้าโดยเฟืองแอดวานซ์ก็เตรียมไว้สัก 38,000 บาท รวมปะเก็น ซีลต่าง ๆ หัวเทียน และ ค่าแรง ถือว่าไม่แพงครับ กับอะไหล่แท้เบนซ์

นอกจากนี้ยังมีอาการคอพวงมาลัยล็อค และ สตาร์ทไม่ได้ เกิดจากระบบล็ออคพวงมาลัยควบคุมด้วยมอร์เตอร์ไฟฟ้าเสีย แก้ไขไม่ยาก คือ ยกเลิกระบบด้วยการใส่กล่องหลอก / Emulator ราคา 4 – 5 พันบาท แล้ว Coding ยกเลิกระบบ ตอนผมทำ ผมให้ช่างช่วยปลดเกียร์ให้สามารถจอดรถใส่เกียร์ว่างให้ด้วย หมดไปเบ็ดเสร็จแค่ 5 พันบาท มาทำถึงที่บ้าน

รายละเอียดอู่ต่าง ๆ อยู่ท้ายบทความ ส่วนราคาอะไหล่อื่น ๆ อ้างอิงจากบทความเก่าของ W204 Sedan ได้ดังนี้

Vlog W204 EP.3 – Benz C-Class ค่าซ่อมบำรุงเท่าไหร่

ซื้อรุ่นไหนดี?

เอาตรง ๆ เลยนะรุ่นไหนก็ได้

เพราะมันมีโฉมเดียว สำหรับผม เอาสภาพ สี และ ปี ที่อยู่ในงบประมาณที่ซื้อมาขับแล้วสบายใจ ไม่ต้อง “ปีน” มาก มันเครียด

จะ C180 ตัวเก่า 1,800cc หรือ ตัวใหม่ 1,600cc ก็ได้ครับ แต่ถ้าเจอตัว Sport Plus หรือ บางคนเรียก Edition 1 และอยู่ในงบ ให้รีบคว้าครับ ได้เบาะหนังสลับ อาคันทาร่า พร้อมเบลท์แดง และ ล้อที่ไม่เหมือนชาวบ้าน หล่อมาก