แต่งหล่อมาทั้งคัน ทำเบรค M Performance ใหญ่ ๆ สวย ๆ มาแล้ว เราคงต้องเพิ่มแรงม้าให้มันเข้ากับเบรคเสียหน่อยแบบเบา ๆ ด้วยการทำท่อ และ ใส่กล่องเพิ่มแรงม้า

เบ็ดเสร็จจะได้ทั้งหมดกี่ม้า คราวนี้พี่พาขึ้น Dyno ให้ดูกันเลย

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #421Header #kelleners #tuningbox #dynotest #horsepower #tuning

เริ่มต้นเลยคือ เรา “ต้องทำท่อ” เพราะหลังจากใส่ชุด M3 มาแล้ว ตำแหน่งท่อไม่เหมือนเดิม จะใช้ท่อ และหม้อพักชุดเดิมก็ได้ แค่ย้ายตำแหน่งปลายท่อให้ตรง แล้วเพิ่มปลายท่อหลอกอีกข้างหนึ่ง อันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด

แต่ไม่ครับ ผมชอบเปลี่ยนท่ออยู่แล้ว เพราะได้เสียงที่แน่นขึ้น และ รถตอบสนองดีขึ้น หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “แรงขึ้น”

ครั้งนี้ ยังคงกลับไปทำที่ 42/1 เฮดเดอร์ ร้านเก่าแก่ที่เมื่อก่อนอยู่สุขุมวิท ซอย 42/1 และ ปัจจุบันย้ายมาตั้งอยู่เลียบด่วนรามอินทรา เลย CDC มาหน่อยเดียว

โดยผมแจ้งรุ่นกับทางร้าน และ โอนมัดจำไปก่อน เพื่อให้ร้านเตรียมทำหม้อพักหลังเอาไว้ให้ ประหยัดเวลาผมไปได้เยอะ ซึ่งสูตรการทำท่อก็เป็นความลับของแต่ละร้าน มีสูตรไม่เหมือนกัน

แต่ของ 42/1 เฮดเดอร์ ปกติเน้นเงียบ แต่ขับดีขึ้น ใครจะตามไปทำ อยากได้ดังต้องแจ้งเฮียด้วยนะ 

ส่วนของผมสูตร “แล้วแต่เฮีย” เอาที่เฮียสบายใจเลย เพราะดีเซล ทำยังไงเสียงมันก็ไม่ดังอยู่แล้ว นอกจากจะเล่นท่อตรง ไม่มีหม้อพักเลย แต่ทำแบบนั้นกับเครื่องเดิม ๆ มันก็จะโล่งไปนอกจากวิ่งไม่ออกแล้ว ยังเสียงไม่เข้ากับรถ BMW อีกต่างหาก

แต่ผมมีย้ำกับเฮียไปว่า อยากได้ปลายออก 4 แนวหรู ๆ เงา ๆ เพราะรถสีน้ำเงินเข้ม ไม่อยากให้มืดเกินไป

หลังจากเอารถไปทิ้งไว้ 1 ว้น ก็เสร็จสมบูรณ์ โดยร้านเดินท่อสแตนเลสทั้งเส้น จากหลังแคตฯ ขนาด 2 นิ้วครึ่ง ยาวมาถึงท้ายรถ ต่อหน้าแปลนเป็นท่อ 3 นิ้ว เพื่อเข้าหม้อพักหลังสูตรของ 42/1 ที่เฮียบอกว่า 320d แรงแน่นอน

หลังจากขับมาได้ 5 วัน เสียงที่ได้ ทุ้มเบา เสียงไม่เข้ารถ หรือ หากเข้าก็เบามาก ๆ ผมว่าเสียงเครื่องยังดังกว่า ไปไหนมาไหนไม่หนวกหูทั้งคนในรถ และ คนนอกรถ

จังหวะกดคันเร่ง เสียงกระหึ่มขึ้นนิดนึงที่ด้านท้ายรถ

ขับแล้วรอบต้น ไม่ต่างจากของเดิม ๆ มากนัก แต่รอบกลางตั้งแต่ 3 พันรอบ คือจังหวะประมาณเทอร์โบทำงาน รถดึงขึ้นกว่าเดิม และ ดึงยาว ๆ ปลายไหล ๆ ขับสนุกมาก

ค่าเสียหาย ท่อสแตนเลส พร้อมหม้อพัก และ ปลายท่อ ทั้งหมด 30,000 บาท คุ้มค่ามาก

ทีนี้ได้ฤกษ์เอาไปวัดแรงม้าว่า ท่อชุดนึง ที่จ่ายเงินไปนั้น มันได้อะไรกลับมาเป็นตัวเลขบ้าง

BMW 320d มือสอง วิ่งมาแล้ว 84,xxx กิโลฯ ของผมคันนี้ ก่อนใส่ท่อได้เอาไปวัดแรงม้าเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานก่อน โดยผลคือ

  • แรงม้าที่ล้อ = 170 แรงม้า แรงบิด = 277 ft/lb
  • แรงม้าที่เครื่อง = 195 แรงม้า แรงบิด = 318 ft/lb

หลังจากขึ้น Dyno ผลออกมาว่า ท่อชุดเดียว เครื่องเดิม ๆ ผลก็คือ

  • แรงม้าที่ล้อ = 175 แรงม้า แรงบิด = 289 ft/lb
  • แรงม้าที่เครื่อง = 201 แรงม้า แรงบิด = 332 ft/lb

จากนั้นก็จัดการเพิ่มแรงม้าด้วยการใส่กล่องเพิ่มแรงม้า โดยเลือกใช้กล่องของ Kelleners Sport นำเข้าจากประเทศเยอรมัน ซึ่งหากใครตามผมมาตั้งแต่ปลายปีก่อน จะเห็นว่าผมพยายามทำ Kelleners Complete Car แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะรถไม่ลงตัวเสียที 

เจ้า F30 คันนี้ก็ยังคงพลาด ไม่สามารถใส่ พาร์ท Kelleners ได้ แต่ได้ล้อ กับกล่อง มาก็ยังดีแนะ

โดยกล่อง Kelleners Sport ซื้อจาก United Tire รามอินทรา กม. 1 ราคา 28,500 บาท

ใครสนใจสอบถามกันเอาเองได้ครับ เค้ามีหลายรุ่น และ เท่าที่ผมเห็น เหลือกล่องอีกไม่มาก

กล่องของ Kelleners มีชุดสายไฟที่แปลกตากว่าชาวบ้าน ที่ปกติจะมาพร้อมปลั๊ก 2 ชุด ชุดนึงเข้าไปคั่นที่ปลั๊กรางหัวฉีด อีกปลั๊กนึงไปคั่นสายไฟเข้ากล่อง ECU ในห้องเครื่อง บางรุ่นมีมากหน่อยก็จะมีปลั๊กคั่นเซ็นเซอร์ท่อไอเสีย

แต่กล่อง Kelleners มีปลั๊กต้องประกอบดังนี้

  1. ชุดปลั๊กไปคั่นหัวฉีดทุกหัว รวม 4 หัว
  2. ชุดปลั๊กไปคั่นเซนเซอร์ท่อไอเสีย
  3. ชุดสายไฟขั้ว + และ –
  4. สายไฟเข้ากล่อง ECU ที่เอาไปต่อกับสายคันเร่ง ไม่ได้ปลั๊กไปคั่นทั้งกล่อง

ดูแล้วผมชอบระบบนี้นะ ผมว่ามันมีปลั๊กละเอียดดี และ ไม่มีปลั๊กไปคั่นกล่องให้กวนใจ

การติดตั้งประมาณไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็เสร็จ

ลองเปิดสวิทช์ ไฟเครื่องไม่โชว์ ไม่มี Error ก็ลองสตาร์ทเครื่อง…เครื่องเดินนิ่ง ปกติ โอเค ผ่าน

จากนั้นก็ไปลองขับดูสัก 4 – 5 วันให้คุ้นชิน และ คิดไปเองว่า ให้เวลากล่อง ECU มันทำความรู้จักกับข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาในระบบ

จากการทำสอบวิ่ง ความรู้สึกแรกเลยคือ มันมาเร็วกว่าเดิม ช่วงแล็คตอนรอบต้น ๆ น้อยลงไปเยอะ (แต่รถเทอร์โบยังไงก็ต้องมีแหละ)

กดแล้วมา ถอนแล้วหัวไม่ผงก เรียกว่ามาแบบนิ่ม ๆ แต่ดุดัน

ตรงนี้ผมหมายถึง เราสามารถขับแบบรถปกติได้ โดยรถไม่มีอาการเหมือนรถซิ่ง การวิ่งในทุกช่วงความเร็ว การวิ่งในเมือง รถติด ๆ รถสมูธ ราบรื่น เหมือนไม่ได้ใส่กล่องจูนมา

แต่พอกดปุ๊ปมาปั๊ป และมันมาแบบผู้ดี มาตั้งแต่รอบต่ำ 2 พันกว่ารอบ ลากยาวไปในทุกย่านความเร็ว จะวิ่งทางโล่ง ๆ ความเร็วสูง หรือ วิ่งแซงในช่วงรถเยอะ ก็ให้ความรู้สึกมีพลัง

ใครที่คิดว่าแรงแล้วต้องขับยาก หรือ ขับไม่เหมือนรถยุโรปนุ่ม ๆ 

บอกเลยว่าคิดผิดครับ เพราะกล่อง Kelleners เค้าเซ็ตค่ามาดีมาก ให้ใครขับดู ไม่บอกไม่รู้ว่ารถใส่กล่องจูน เพราะมันไม่กระโชกโฮกฮาก มันขึ้นแบบยาว ๆ จนคนขับต้องลงมาดูท้ายรถว่า เฮ้ย นี่มัน 320d เหรอ นึกว่า 330e

แต่อย่ากระนั้นเลย ความรู้สึกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จับไปวัดแรงม้าดีกว่า

หลังจากวัดแรงม้าแล้ว ผลที่ได้คือ BMW 320d เครื่องเดิม ๆ ท่อชุดนึง + กล่อง Kelleners Sport ชุดนี้ทำได้

  • แรงม้าที่ล้อ = 199 แรงม้า แรงบิด = 327 ft/lb
  • แรงม้าที่เครื่อง = 228 แรงม้า แรงบิด = 376 ft/lb

ม้าลงล้อ หรือ Max HP เป็นม้าจริง ๆ ที่ลูกกลิ้งของเครื่องวัด Dyno วัดได้ ถือเป็นม้าจริง ที่ส่งรถเราให้ทะยานไปข้างหน้า

ส่วนม้าที่เครื่อง หรือ Engine HP เป็นม้าสำเร็จ ที่เครื่องสร้างออกมาได้ ส่วนจะลงพื้นหมดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรถแต่ละคัน ทั้งนี้ หลายสำนัก จะใช้ตัวเลข Engine HP จะไม่ว่าเหตุผลทางการตลาดที่ตัวเลขมันสูงกว่า หรือ เหตุผลทางเทคนิคที่ตัดการผันแปรของการส่งกำลังลงพื้นที่ไม่เท่ากันของรถแต่ละคันออกไป ผมก็ไม่มั่นใจ

แต่สำหรับผม ขอจดจำ BMW สีน้ำเงินคันนี้ว่า 199 ม้า แต่เวลาไปโม้ คงต้องถามคู่สนทนาว่า จะเอาม้าไหน เพราะรถผม 228 ม้าครับ อิ อิ

จริง ๆการเพิ่มแรงม้ามีหลายวิธีมาก ๆ ที่นิยมกันในบ้านเราตอนนี้คงไม่พ้นการ remap หรือ flash กล่อง ECU ด้วยการเอาไฟล์ใหม่ใส่แทนไฟล์เดิมในกล่องเครื่องยนต์

ราคามีตั้งแต่ถูกยันแพง ผมเคยทำมาก็สาม สี่หมื่นบาท แรงดี ดึงดี แต่บางที่ก็ใช้การโยนไฟล์สำเร็จรูปลงไปดื้อ ๆ บางที่โยนแล้วมีปรับแต่งบ้าง แต่งเนียนก็ขับเนียน แต่งไม่เนียนก็ขับกระโชกโฮกฮาก

เรียกว่า “แล้วแต่จูนเนอร์”

สำหรับผมดีหมดครับ แต่คันนี้ตั้งใจใส่กล่อง เพราะต้องการ “ความง่าย” จะใช้ก็ใส่ จะไม่ใช้ก็ถอดออก ที่สำคัญเป็นกล่องจากสำนักแต่ง BMW ที่มีประวัติยาวนานจากประเทศเยอรมัน ที่ทำรถ BMW ลงสนามหลายคัน ให้ความมั่นใจว่า “แล้วแต่จูนเนอร์” ของผมคันนี้ จะได้อารมณ์ที่สมบูรณ์แบบ

เพราะกล่องพวกนี้ในประเทศเยอรมัน มันต้องผ่านการทดสอบ และ มีกฏข้อบังคับมากมาย อีกทั้งยังมีข้อจำกัดว่า หากเครื่องพัง โดนลูกค้าฟ้องหัวโต ทำให้มั่นใจในการใช้งาน

อีกเหตุผลหนึ่งก็ คือ เวลาไม่ใช้แล้ว ถอดออกง่าย เอาไปให้อู่ไหนถอดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกลับไปร้านที่เรา flash กล่องมา

ถอดเสร็จปุ๊ป รถกลับเป็นรถเดิมปั๊ป แถมขายต่อเป็นกล่องมือสอง ยังเงินกลับมาบ้างก็ยังดีกว่าหายหมดเลย

ทั้งนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า หากคุณเน้นแรงจัด ๆ คงต้อง remap นะครับ กล่องพ่วงให้คุณได้ไม่มากขนาดนั้น และคาแรคเตอร์ของการ remap หรือ กล่องจูน ก็แตกต่างก้นไปตามยี่ห้อ หรือ สำนักแต่ง บทความนี้เป็นเพียงเอาเรื่องรถตัวเองมาเล่าให้ฟังเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาใด ๆ ทั้งสิ้น

ส่วนใครอยากตามรอยไปทำ ติดต่อตามนี้ครับ

42/1 Header เลียบด่วนรามอินทรา

โทร. 02-530-4630

United Tire รามอินทรา กม. 1

โทร. 02-970-7137

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

 

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art