ใครที่ตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าจะซื้อไมค์ไร้สายติดกล้อง Rode Wireless GO II หรือ Saramonic Blink500 Pro ดี กับราคาที่แทบไม่ต่าง แถมฟีเจอร์ยังมีดีไปคนละแบบ

วันนี้มาตัดสินใจได้แล้ว เลยแวะมาเล่าให้ฟัง

#RodewirelessGOII #SaramonicBlink500Pro #พี่อาร์ตเอง #CameraAndGea r#ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย

จริง ๆ เคยวิเคราะห์เอาไว้แล้วใน Sunday Coffee คลิปไร้สาระประจำวันอาทิตย์ที่ช่องยูทูป และเฟสบุ๊ค รวมถึงบทความตามลิ้งค์นี้ด้วย

ชวนคุย Rode Wireless GO II กับ Saramonic Blink 500 Pro ตัวไหนดี? SC.44 แต่พูดตรง ๆ วิเคราะห์เสร็จแล้ว พอตัวเองจะซื้อจริง ๆ นี่คิดอยู่หลายวัน เพราะไมค์ไร้สายคู่นี้มันไม่ง่ายแบบนั้น เนื่องจากจุดเด่นมันมีไปคนละทาง และจุดเสียเปรียบมันก็รับได้ทั้ง 2 ตัว ทำให้เป็นไมค์ที่น่าซื้อทั้งคู่ ซื้อแล้วไม่ผิดหวังทั้งคู่

สิ่งที่เหมือน/คล้ายกัน

  1.  ได้ 1 ตัวรับ 2 ตัวส่ง (ไมค์ 2 ตัว)
  2. สามารถเลือกบันทึกเสียงเป็น Mono หรือ Stereo ได้
  3. ใช้ได้ทั้งกล้อง มือถือ หรือ แท๊ปเล็ต
  4. ใช้คลื่น 2.4GHz 
  5. ตัวรับควบคุมได้ง่าย ปรับเสียงได้หลายระดับ
  6. น้ำหนัก 30 – 32 กรัม แทบไม่แตกต่าง
  7. ต่อไมค์สายติดปกเสื้อได้
  8. ตัวรับสัญญาณมีแจ๊ค 3.5mm ใช้มอนิเตอร์เสียงได้
จุดดี ของแต่ละตัว

Saramonic Blink 500 Pro

  • แบตฯ ได้ 8 ชั่วโมง ทำงานได้ยาวนานกว่า Rode Wireless GO II
  • มีจอแสดงผลที่ไมค์ทั้ง 2 ตัว ดูรายละเอียดง่าย ในขณะที่ Rode มีเพียงจอแสดงผลที่ตัวรับเท่านั้น แต่ก็แสดงผลครบถ้วน
  • มีกล่องชาร์จ สะดวกกว่ามาก ในขณะที่ Rode ตั้งนั่งชาร์ตทีละอัน
  • กล่องชาร์จเป็น Power Box ในตัว สามารถชาร์จซ้ำได้อีก 2-3 ครั้ง
  • ให้สายต่าง ๆ มาครบกว่าทั้ง TRS และ TRRS ในขณะที่ Rode ให้สาย TRS มาเส้นเดียว

Rode Wireless GO II

  • ระยะรับเสียงไกลกว่า Blink500 Pro เป็นร้อยเมตร
  • ตัวไมค์ มีเมมฯ ในตัว สามารถอัดเสียงเราแบบไม่บีบอัดยาว 7 ชั่วโมง หรือ แบบบีบอัดที่ 43 ชั่วโมง ทำให้มีไฟล์สำรองในกรณีเสียงในกล้องมีปัญหา ในขณะที่ Blink500 Pro ไฟล์มีปัญหาคือจบเลย
  • มีโหมดอัดเสียงตลอดเวลาที่เปิดไมค์ ทำให้พลิกแพลงเอาไปใช้งานได้หลากหลาย ส่วน Blink500 Pro ทำอะไรไม่ได้เลย
  • มีขนแมวกันลมแบบใหม่แถมมาให้ โดยรุ่นใหม่ใช้ตัวหมุนล็อค หลุดยากกว่า Blink500 Pro นิดนึง
  • มีแอปฯ บนคอมพิวเตอร์ใช้ปรับการทำงานอย่างละเอียด รวมถึงการอัพเดทเฟิมแวร์เองผ่านแอปฯ ส่วน Blink500 Pro ไม่มี
ผมจบที่ตัวไหน?

หลังจากใช้ Saramonic Blink500 B2 มาเกือบปี รับประกันเลยว่ามันดีสุด ๆ ไม่เคยงอแง เสียงชัด สัญญาณดี แบตฯเริ่ด สิ่งที่หงุดหงิดที่สุดคือการนั่งชาร์จแยกกันทั้ง 3 ตัว พอ Blink500 Pro ออกมาพร้อมกล่องชาร์จ บอกเลยมันคือความสมบูรณ์แบบ แทบไม่ต้องคิดว่วาจะเอาตัวไหน มีกล่องชาร์จ แบตฯ อึดขึ้น สัญญาณไกลกว่ารุ่นเก่า นี่คือเพอเฟคต์แล้วครับ

แต่พอ Rode Wireless Go II ออกมาพร้อมฟีเจอร์มีเมมฯ ในตัวไมค์ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยราคา Sarmanonic Blink500 Pro B2 ในวันที่เขียนบทความนี้คือ 9,990 บาท ส่วน Rode Wireless Go II ราคาลดลงมาเหลือ 10,990 บาท เรียกว่าราคาต่างกันพันเดียว!!!

หลังจากนอนเกาหัวไป 4 วันพลางคิดถึงการใช้งานของตัวเองในรอบปีที่ผ่านมา และคาดว่าอีกปีหนึ่งข้างหน้าจะใช้งานอะไรบ้าง บวกกับนิสัยเฉพาะตัวแล้ว ผมเลือก Rode Wireless Go II ด้วยเหตุผลดังนี้

ระยะที่ไกลกว่าของ Rode Wireless GO II ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจของผม เพราะเราทำคอนเท้นต์สไตล์ Solo Vlogger คือ ถ่ายเองคนเดียว คงไม่ได้อยู่ห่างไมค์มากนัก แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจได้คือ ฟีเจอร์อัดเสียงในไมค์ ไม่ว่าจะเป็น back up โหมดที่จะอัดเสียงของเราเมื่อมีการเชื่อมสัญญาณกับตัวรับที่ต่อกับกล้อง เพราะมันจะช่วยชีวิตได้มาก เวลาถ่ายคลิปเสร็จแล้วเสียงมีปัญหาอย่างที่ผมเจอมาบ่อย ๆ คือ ลืมเสียงไมค์ หรือ เสียบไมค์ไม่แน่น อีกทั้งบางทีเราหันไป หันมา สัญญาณมีแอบขาดเล็ก ๆ เราสามารถใช้ไฟล์เสียงที่อัดลงไปบนไมค์ มาทดแทนได้

หรือ Always โหมด ที่จะอัดเสียงทันทีที่เปิดไมค์ ซึ่งมันคือ เครื่องอัดเสียงดี ๆ นี่เอง หลายคนอาจไมรู้สึกว่ามันมีประโยชน์ แต่ลองคิดดูครับ หากเราต้องการถ่ายคลิปที่กล้องไม่มีช่องต่อไมค์อย่างกล้องบางรุ่น หรือ จะบินโดรนแล้วต้องการจะเล่าเรื่องไปด้วย หรือ จะถ่ายด้วย action cam ที่ adapter ต่อไมค์ ทั้งแพง ทั้งห่วยแล้ว เราสามารถใช้ไมค์ Rode Wireless GO II ในโหมด Always เพื่อบันทึกเสียง แล้วเอาไปรวมในโปรแกรมต้ดต่อได้คลิปเสียงดี ๆ ออกมา

สำหรับผม แค่ 2 ฟีเจอร์นี้ทำให้ตัดสินใจเลือก Rode Wireless GO II และยอมไม่มีกล่องชาร์จแล้วไปซื้อ usb charging hub มาแทน ทำให้เสียบปลั๊กเดียว ชาร์จไฟได้ครบทั้ง 3 อัน ราคาสามรัอยกว่าบาท

 

ในส่วนของกล่องชาร์จที่เป็น Power Bank ในตัวนั้น ด้วยความเป็น vlogger สายขึ้เกียจ มินิมอลมาก ๆ คาดว่าคงทิ้งกล่องเอาไว้บ้าน เดินทางต่างประเทศคงไม่พกเปลืองน้ำหนัก ออกไปถ่าย Vlog ยิ่งไม่พก

จากการใช้งานมา พอข้อบกพร่อง ข้อเสียของ Rode Wireless GO II ได้ประมาณนี้

  1. ระยะได้ไกล 200 เมตร ต้องที่โล่ง ๆ ผมลองแค่นั่งในรถ แล้วเลี้ยวโค้งไปไม่เกิน 15 เมตร สัญญาณเริ่มขาด ๆ หาย ๆ แต่ยังดีที่มี back up ในตัวไมค์ ดังนั้น แนะนำให้เปิดฟังค์ชั่นนี้เอาไว้
  2. แอปฯ Rode Central ที่ติดตั้งลงคอม ทั้ง Windows และ Mac รวมถึงซอฟท์แวร์ของตัวไมค์เอง ยังไม่เสถียรในตอนนี้ (เวอร์ชั่น 1.60) ผมเจออาการเล่นไฟล์แบคอัพบนคอมฯ ไม่ได้ ไม่มีเสียง แต่ export ออกมาได้ มีเสียงปกติ บางที export แล้วค้าง ต้องปิด-เปิด แอปฯ ใหม่ ถึงจะ export ได้ 
  3. ตัวไมค์ไม่มีจอ ตอนแรกไม่รู้สึกอะไร แต่ใช้ไปสักพักเริ่มหงุดหงิด เวลาจะดูแบต์ หรือข้อมูลอะไร ต้องไปดูที่ตัวรับซึ่งติดอยู่บนกล้อง

โดยทั้งหมดนี้เป็นข้อเสียในตอนที่เขียนบทความนี้ อนาคต Rode ออกอัพเดทโปรแกรมน่าจะหายสบาย ๆ เพราะเป็นที่ซอฟท์แวร์ ไม่ใช่ฮาร์ทแวร์ หรือ ตัวอุปกรณ์ ส่วนโทนสียงของ Rode นี่นุ่มเพราะหายห่วง

แล้วเพื่อน ๆ หล่ะครับ คิดว่าตัวเองน่าจะเหมาะกับตัวไหน ต้องการกล่องชาร์จ หรือ ต้องการฟีเจอร์อัดเสียงลงในไมค์มากกว่ากัน

แวะมาแชร์กันได้ทั้งหน้า facebook page หรือ ช่องยูทูปครับ

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

 

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art