เป็นบทความที่มาถึงจุด “ชิน” แล้วกับการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ ๆ เพราะดูไปดูมา ถึงเวลาก็ซื้ออยู่ดี แต่หากอยากได้ตัวช่วย วันนี้เอามาฝากทั้ง “ป้ายยา” และ “ยาถอนพิษ”

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #iPhone13Pro #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย

ไอโฟน คือ ไอโฟน

ยังไงคนที่ถนัดใช้ไอโฟนก็ยังคงชอบอยู่ดี ทีนี้มันขึ้นกับว่าจะซื้อเมื่อไหร่ เท่านั้นเอง ดังนั้นวันนี้เอายามากฝาก

ป้ายยา

ปีนี้ iPhone 13 Pro และ Pro Max พัฒนากว่าปีก่อน ไม่ว่าจะเป็น CPU A15 Bionic ที่แรงกว่าเดิม ประหยัดพลังงานกว่าเดิม หน้าจอ Refresh Rate ที่ 120Hz แบบ Adaptive ทำให้การเลื่อนหน้าเฟสละมุนขึ้น ปวดตาน้อยลง การใช้งานแอปฯ ต่าง ๆ ที่รองรับ และ Apple เห็นสมควรให้ใช้ 120Hz ระบบจะปรับให้อัตโนมัติ ทว่าแอปฯ ไหนไม่เข้าตา หรือ Apple ไม่เห็นความจำเป็น ก็จะโดนปรับ refresh rate ลงมาอัตโนมัติ ซึ่งเราไม่สามารถตั้งให้มันวิ่งที่ 120Hz ตลอดเวลาได้ ตั้งได้เพียงจำกัดให้วิ่งที่ 60Hz เท่านั้น แถมยังเอาการตั้งค่าไปแอบเอาไว้ใน Accessibility แทนที่จะเอาไว้ในหมวด Display เหมือนที่ควรจะเป็น

ใครจะเข้าไปตั้งค่า refresh rate เข้าไปที่ settings->accessibility->motion->Limit Frame Rate

แบตเตอรี่เคลมว่ามากขึ้น ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น อันนี้เบื้องต้นไม่ได้ทดสอบจริงจัง แต่จากประสบการณ์ iPhone 12 Pro ผมว่าเจ้า 13 Pro ทำได้ดีขึ้น แต่จะมากมายขนาดไหนต้องลองกันยาว ๆ 

จุดที่เป็นตัวชี้วัดสำหรับผม ความ “ว้าว” ของ iPhone 13 Pro ผมมองที่กล้อง ซึ่งมาพร้อมเลนส์ชุดใหม่ ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น และถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีมากขึ้น 

ฟีเจอร์ใหม่อย่าง Cinematic Video ซึ่งคือ การถ่ายวีดิโอหน้าชัด-หลังละลาย อารมณ์คล้าย Video LiveFocus ของฝั่งแอนดรดยด์ เพียงแต่ล้ำว่าตรงที่สามารถถ่ายวัตถุได้ ไม่ได้โดนจำกัดที่บุคคลเหมือนฝั่งแอนดรอยด์ (เท่าที่ทดสอบมาจาก Samsung และ Oppo แบรนด์อื่นยังไม่ได้ลอง)

อีกฟีเจอร์ใหม่ คือ Photographic Styles ซึ่งเป็นการเลือกโทนสีของภาพถ่าย อารมณ์คล้ายใส่ Filter นั่นแหละครับ เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่การใส่ Filter แต่เหมือนเป็นการ Pre-Grading สีของภาพ มากกว่า ซึ่งอันนี้แล้วแต่จะมองครับ

โดยรวมสำหรับผม เลนส์ชุดใหม่ ก็เพียงพอกับการให้ต้องเสียเงินซื้อเปลี่ยนจาก iPhone 12 Pro เป็น 13 Pro แล้วครับ แต่ Cinematic Video ผมเฉย ๆ เพราะดันถ่ายได้แค่ 1080p 30fps ซึ่งผมติดตรง 30fps นี่แหละ ถ้าเพื่อน ๆ ดูคลิปรีวิวด้านบนของผม ในช่วงที่เอาภาพมา insert เข้าไปจะสังเกตุได้ว่า ภาพมันจะไม่สมูทเหมือนช่วงอื่น ๆ เพราะผมถ่ายคลิปทั้งหมดด้วยระบบ 25fps พอเอามาตัดรวมกันมันจะกระตุกนั่นแหละ

ยาถอนพิษ

เอาจริง ๆ นะ ฟีเจอร์ต่าง ๆ ความ “ใหม่” ของ iPhone 13 Pro/Pro Max มันไม่ได้ว้าวเลย ใช่ครับมันดีขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งความเร็ว แบตเตอรี่ และอีกมากมายที่เราป้ายยากันไปแล้ว แต่สิ่งที่สามารถบอกจากใจเลยคือ หากคุณใช้งานแบบคนปกติทั่วไปแไม่ได้นักรีวิวที่จะต้องเฟ้นหารายละเอียดต่าง ๆ มารีวิว เจ้า iPhone 13 Pro เทียบกับ iPhone 12 Pro มันแทบไม่ได้ให้ความรู้สึกแตกต่างอะไรเลย

ความ “ดีขึ้น” ของ iPhone 13 Pro มันดีขึ้นแบบ นิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ จนแทบไม่ได้รู้สึกว่าได้มือถือใหม่ราคาสี่หมื่นกว่าบาทมาครอบครอง

ที่สำคัญ ได้เครื่องมา 2 วัน เจออาการแฮงค์ แล้วจร้า

ทีนี้ต้องถามตัวเองครับว่า เครื่องป้จจุบันที่ใช้อยู่เป็นรุ่นอะไร ถ้าเป็น iPhone 12 Pro ผมมองว่า การเพิ่มเงินไปเล่น iPhone 13 Pro ยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่นัก นอกจากจะขยับมาจาก iPhone 11 Pro ลงไป จะรู้สึกถึงความต่างได้มากจนคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

นอกจากคุณอยากลิ้มรถ หน้าจอ 120Hz ที่ใช้งานได้บางแอปฯ เท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันมีแอปฯ อะไรที่ระบบ iOS ให้ใช้ 120Hz บ้าง อย่าลืมว่ามันสั่งไม่ได้ ต้องตามใจระบบเท่านั้น

*ขอคั่นเวลาด้วยการ ขายของสักนิด*

จบทุกความกังวลใจสำหรับคนออก iphone13 กับ Hi-Shield premium Box Set ชุดปกป้อง iphone 13 ที่ดีที่สุด จากกระจกกันรอย Hishield ราคา 1,590 บาท ในชุดประกอบด้วย

  1. กระจกกันรอยรุ่น 3D Triple Strong Max“แกร่งคูณ3 แบรนด์เดียวที่กล้ารับประกันกระจกแตกตลอดอายุการใช้งาน
  2. กระจกกันเลนส์กล้องที่ดีที่สุด super clear glass in one piece ผลิตจาก corning gorilla glass ใสเคลียร์ ถ่ายชัด แฟลตไม่ฟุ้ง
  3. เคสใสกันกระแทก คุณภาพพรีเมี่ยม ไม่เหลืองง่าย การันตีดรอปเทส 1.5 เมตร

เท่านั้นยังไม่พอ ช่วงโปรฯ นี้ สามารถซื้อหัวชาร์จ PD 20W ได้ในราคาเพียง 399 บาท โดยกดซื้อพร้อม Premium Box Set ครับ 

สำหรับ FC พี่อาร์ต รับโค้ดส่วนลด100 บาท สำหรับ ซื้อ Box Set ผ่าน LINE my
กรอกโค้ท: LIFESTYLEIT

วันนี้ – 15 ต.ค. 64
https://shop.line.me/@hishieldgadget/product/321605724

#Hishield #ShieldyouriPhone13 #ShieldEveryMoment #iPhone13
#กระจกกันรอย #ฟิล์มกระจก #เคสiphone13 #ฟิล์มกระจกiphone13
#กระจกกันรอยiphone13 #กระจกกันเลนส์กล้อง

บทสรุป

คนจะซื้อ ก็ซื้อแหละ ซื้อมาใช้ไม่ผิดหวังหรอกครับ ถามตัวเองดีกว่า ว่าจะเป็นแล้วหรือยัง มือถือเครื่องเก่าเจอป้ญหาที่ต้องเปลี่ยนมั๊ย ถ้าเห็นสมควร และไม่เดือดร้อน ก็ซื้อครับ ราคาไอโฟนไม่ค่อยตกอยู่แล้ว

คำถามที่คนถามบ่อยยิ่งกว่าซื้อดีมั๊ย คือ เอา Pro หรือ Max ดี และ เอาความจุเท่าไหร่ ขอตอบแบบนี้ครับ

iPhone 13 Pro Max ใหญ่กว่า หนักกว่า พอยากมาก และ ใช้งานมือเดียวแทบไม่ได้เลย ยังไงไปลองจับที่ศูนย์ ลองถือมือเดียวแล้วใช้งานดูก่อนว่ารับได้หรือไม่ สำหรับผม 13 Pro ก็เพียงพอแล้ว ไม่เป็นภาระในกระเป๋า

ส่วนความจุ ผมใช้ 128gb ที่เลือกเพราะถูกสุด และวัดจาก iPhone 12 Pro ใช้งานมาครบปี มีพื้นที่เหลือ 48gb นั่งลบไฟล์ที่ไม่จะเป็น ลบวีดิโอที่ไม่ได้ใช้แล้วในเครื่องแล้วเหลือ 60gb เลยตัดสินใจซื้อเพียง 128gb เพราะผมบริหารจัดการเมมฯ ได้

แต่หากใครชอบสบาย ๆ ไม่ต้องมากังวล และ ชอบถ่ายวีดิโอ แนะนำขั้นต่ำ 256gb ครับ เพราะฟีเจอร์กล้องใหม่ ๆ ถ่ายออกมาแล้วใช้พื้นที่เยอะกว่าเดิม ดังนั้นเยอะไว้ก่อนสบายใจครับ

สุดท้ายก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ บทความหน้าจะรีวิวส่วนของกล้องให้ชมนะ

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

 

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art