BMW 5 Series รหัสตัวถัง F10 สุดยอดรถเก๋งขนาดกลาง มันคือซีรีย์ 7 F02 ย่อส่วน ภายในถอดแบบกันมาเป๊ะ ๆ ในขนาดที่ขับง่าย แถมตอนนี้ รถมือสอง ราคาจับต้องง่ายมาก ๆ ส่วนจะเล่นปีไหน จุดอ่อนคืออะไร มาดูกัน
#พี่อาร์ต #รถมือสอง #ิบีเอ็ม #bmw #5series #10 #Howtoซื้อ
หากมองหารถยุโรปในระดับกลางที่ให้ความหรูหรา ราคาล้านบาท บวก-ลบ นิดหน่อย เจ้า BMW ซีรีย์ 5 รหัส F10 นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจโดยเฉพาะคนที่มองหารถหรู ที่ให้ความสปอร์ต สะใจ และดูวัยรุ่น
สำหรับ BMW 5 Series F10 นั้นรุ่นยิบย่อยตามสไตล์ BMW ดังนั้นขอเอารายละเอียดพวกนี้ไปไว้ท้ายบทความ
บอดี้ของ F10 มีขนาดใหญ่โต หน้าตาโฉบเฉี่ยวแม้จะเป็นรุ่นถูกสุดยังดูดี ภายในได้ยกการออกแบบมาจาก ซีรีย์ 7 รหัส F02 โดยเฉพาะคอนโซลหน้าที่ยกดีไซน์มาทั้งดุ้น พร้อมเบาะ Comfort Seat ที่ใส่มาให้ตอนเปิดตัวในปี 2010 รุ่น Highline
แม้ภายนอกจะใหญ่โตอลังการ แต่ภายในแคบโดยเฉพาะที่นั่งเบาะหลังซึ่งนั่งไม่สบายนัำ ผมสูง 180 ซม. เวลาผมขับขับ คนนั่งหลังผมจะได้พื้นที่ประมาณ ซีรีย์ 3 F30 ที่เคยรีวิวไปเท่านั้นเอง ดังนั้นใครไม่เคยนั่ง เห็นรถใหญ่ ๆ แบบนี้ แนะนำไปลองนั่งหลังดูก่อน
นอกจากนี้แล้ว พื้นฐานของ F10 เป็นรถที่ชับดี แน่น นิ่ง เงียบ ไว้ใจได้
เครื่อง – ช่วงล่าง
รถมือสองทุกรุ่นทุกยี่ห้อ นอกจากควรตรวจดูพวกน้ำมันรั่วตรงยางฝาวาล์ว อ่างน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ชิ้นส่วนยางต่าง ๆ ทั่วไป แล้วก็พวกอุปกรณ์ขยับได้ต่าง ๆ เช่น สายพาน พูลเล่ย์สายพาน ปั๊มน้ำ ปั๊มน้ำมันเครื่อง มีโอกาศเสียหมด แต่ไม่บ่อย ค่อนข้างทนทีเดียว เครื่องเบนซิน และ ดีเซลมีสิ่งที่ต้องรู้ดังนี้
เครื่องเบนซิน
ถ้าเป็นเครื่อง 523i ที่วางในปี 2010 – 2012 คร่อมมาถึงปี 2013 เป็นเครื่องเบนซิน 6 สูบ ไม่มีเทอร์โบ ตัวนี้จะทนมาก ไม่ค่อยมีอาการอะไรเป็นพิเศษ นอกจากกล่องสมอง หรือ ECU ที่วางอยู่บนเครื่อง ทำให้ได้รับความร้อนตลอดเวลา ผ่านไปสัก 8 – 10 ปี (แล้วแต่ลักษณะการใช้งาน) กล่องมักจะรวน พอรวนจะมีอาการไฟเครื่องโชว์บ้าง, Drivetrain malfunction บ้าง รวมไปถึงไฟ traction ขึ้นบนหน้าปัทรถ (รูปรถลื่น) หลาย ๆ บางกรณีสตาร์ทไม่ติดเลยก็มี
ซึ่งมีช่างซ่อมอยู่ครับ แค่บอกไว้ให้ระวัง ไม่ต้องกังวลมาก เวลาเสียจะได้ซ่อมให้ถูกจุด ราคาค่าซ่อมกล่องก็สอง – สามหมื่นบาท แล้วแต่อาการ
สำหรับเครื่องเบนซินเครื่อง N20 พวก 528i ชอบมีอาการหัวฉีดเขกตอนสตาร์ทเช้า ๆ แต่พอเครื่องร้อนก็หาย เนื่องจากเครื่องเบนซินชุดนี้ตอนเครื่องเย็น ระบบจะจ่ายน้ำมันหนา เลยเขก ผมใช้ 528i มาปีนึง ไม่เป็นไรครับ เปลี่ยนคอยล์จุดระเบิดไปหัวเดียว
เครื่อง BMW ใช้เทคโนโลยี Valvetronic ที่พอใช้ไปก็จะสกปรก เกิดอาการสตาร์ทยาก เครื่องเดินไม่เรียบ สามารถถอดออกมาล้างได้ อาการหนักหน่อยก็เปลี่ยน ราคาหลักพันบาท มี 2 ตัว ไอดี กับไอเสีย แต่อะไหล่รหัสเดียวกัน
เครื่องดีเซล
ก็ไม่มีปัญหาอไรหน้ก ๆ เช่นกัน นอกจากพวกอุปกรณ์ยางในห้องเครื่องที่เสื่อมตามสภาพอาการ และอายุ มากกว่าเบนซิน เนื่องจากความร้อนในห้องเครื่องสูงกว่าเบนซิน
แต่จะมีเพิ่มเติมที่ต้องดูมากกว่าเบนซินคือ ปั๊มน้ำมันเครื่อง ปั๊มแรงดันสูง, EGR Valve, กรอง DPF และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกียวข้องกับน้ำมันดีเซล ที่จะเกิดการตัน หรือ เสื่อมได้
หากวิ่งไปสัก 150,000 ควรลองตวรจสายพานราวลิ้น
ทั้งเบนซิน และ ดีเซลของ BMW ที่เป็นครื่องเทอร์โบ หากเจ้าของเก่าเท้าหนัก ก็ต้องระวังแกนเทอร์โบ ใบเทอร์โบ รวมไปถึงอินเตอร์ที่วางอยู่แถวหม้อน้ำหน้ารถด้วย
เกียร์ ลองขับดู เกียร์ต้องเปลี่ยนเร็วและไม่กระตุก หากเกียร์ 1 ไปเกียร์ 2 มีกระตุกบ้าง ลองเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ กรองเกียร์อาจจะหายเหมือน BMW X4 ของผม เมื่อซื้อมาใช้ ทุก ๆ 4 – 50,000 กิโลฯ ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เพื่อยืดอายุ
ส่วนมากเกียร์จะเสียก็รถพวกลุยน้ำ น้ำเข้าเกียร์ ต้องยกเกียร์ออกมาล้างทั้งระบบ กับพวกขับมาก 5 ปีจนหมด BSI ยังไม่เคยถ่ายน้ำมันเกียร์นี่แหละ
ช่วงล่างแข็งแรงทนทาน สิ่งที่เสียก็พวกลูกหมากต่าง ๆ หากเสียให้รีบซ่อม เพราะอาการของ BMW ทุกรุ่นคือ ถ้าไม่ซ่อม มันจะลาม พาเอาชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องเสียตามไปด้วย
บอดี้ ตัวถัง
ตรวจตะเข็บรถ รอยขันน็อต รอยเชื่อม ควรเป็นของเดิมจากโรงงาน ช่องว่างของฝากระโปรงหน้า-หลัง ต้องเสมอกันทั้งบาน ประตูปิดง่าย ปิดสนิทจะมีจุดที่ต้องดูคือน้ำรั่วเข้ากระโปรงหลัง ให้ลองเช็คดูคราบน้ำบนสักหลาด คราบน้ำบนพรมตัวรถ (ไม่ใช่พรมเหยียบ) ว่ามีคราบน้ำหรือไม่ โดยเฉพาะพื้นพรมหน้าคนนั่งฝั่งซ้าย
เช็คยางขอบกระจกหน้า-หลัง ถ้าเสื่อมสภาพควรเผื่อเงินเอาไว้ซ่อม ราคาหลักพัน แต่มันใช้เวลาหน่อย ยางขอบประตูมีของเทียบขายเส้นนึงสองพันบาท (โดยเฉลี่ย) สบายใจได้
ไฟหน้าก่อน LCI หมองคล้ำ ขัดได้ บางร้านมีบริการเปลี่ยนพลาสติคครอบไฟหน้าด้วย ราคาพลาสติคครอบไฟหน้าราคาไม่น่าเกินสาม สี่พันบาท แล้วแต่ร้าน (ของเทียบ)
ภายใน
ภายในปุ่มลอก มือจับลอก/เหนียว ที่เก็บเอกสารหลังเบาะหน้าชอบหัก เป็นปกติของรุ่นนี้ ซึ่งหาซื้อ หรือ หาคนรับเปลี่ยนไม่ยาก มีเยอะเลย ราคามือจับมีตั้งแต่ 4 ชิ้นสองพันกว่า ถึงสี่พันบาท ช่องแอร์หลังพันกว่าบาท ส่วนปุ่มก็หลักร้อย หลักพันอยู่ที่ปุ่มไหน โดยรวมถือว่ารับได้ เปลี่ยนยกคันทุกชิ้นก็ประมาณหมื่น ได้รถใหม่กริ๊ป ๆ ชิ้นไหนไม่มีขาย ก็มีร้านรับพ่นสีใหม่ เยอะมาก ๆ เช่นเดียวกัน เพราะ BMW เป็นทุกคัน ทุกบอดี้ นับเป็นสินค้าขายดี
รถที่มี Comfort Access คือ จับประตูปุ๊ป ประตูปลดล็อคปั๊ป ควรตรวจเช็คประตูทั้ง 4 บานว่าทำงานปกติหรือไม่ เพราะตัวนี้เบิกใหม่เกือบสองหมื่น มือสองอยู่ห้าพันกว่าบาท ยังไม่รวมทำสี
ก่อนซื้อรถ ลองกดเข้าเมนู iDrive ที่ Vehicle status แล้วดูประวัติการเข้ารับบริการจากตรงนี้ได้ แม้บอกเพียงวันที่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย จากนี้เลื่อนลงไปเช็ค ข้อผิดพลาด/fault ของตัวรถได้คร่าว ๆ จากตรงนี้เพื่อความสบายใจ รวมถึงสามารถดูได้ว่าอีกนานแค่ไหนต้องเอารถเข้าเช็คระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง อย่างน้อยจะได้วางแผนค่าใช้จ่ายได้
ข้อควรรู้ก่อนเป็นเจ้าของ
- BMW จะใข้ยางรันแฟลทที่มีราคาแพง หากจะใช้ยางธรรมดาก็ได้แต่ควรรู้ว่าในรถไม่มียางอะไหล่
- รถที่มี Auto Start/Stop คือระบบที่ติดไฟแดงแล้วเครื่องดับ แต่แอร์ติด จะมีแบตฯ ลูกเล็ก ซึ่งแบตฯ ตัวนี้ราคาสูง เปลี่ยนศูนย์มีสองหมื่นกว่าบาท
- เช็ค BSI ดูรายการซ่อม หากเจ้าของเก่าเอาไปเคลมก่อน BSI หมด แล้วมีรายการให้ดู จะดีมาก ๆ
ซื้อมาต้องทำอะไรบ้าง
- ตรวจเช็คฝาปิดช่องห้องโดยสาร โดยฝานี้จะอยู่ในหลังเก๊ะเก็บของหน้ารถ อาการคือมันจะเปื่อย ทำให้น้ำรั่วเข้าห้องโดยสาร ตอนซื้อลองเปิดพรมหน้า และ จับดูว่าชื้นหรือไม่ หากซื้อมาแล้วรีบให้อู่เปลี่ยนให้ทันทีในราคา 1,800 บาท
- เช็คตะแกรงปิดโบวเออร์อยู่ในห้องเครื่อง หากเก่า ตาข่ายจะขาด ควรเปลี่ยนใหม่
- หาอู่ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเสียบทดสอบระบบว่ามีอะไรทำงานผิดพลาดหรือไม่
- ถ่ายของเหลวทั้งระบบ ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค น้ำมันเฟืองท้าย รวมถึงไส้กรองต่าง ๆ ซึ่งผมแนะนำยี่ห้อ Mahle
- เช็คช่วงล่างลูกหมากทั้งระบบ ส่วนมากใช้ยี่ห้อ Lemfoder ผ้าเบรคผมใช้ Ate หรือ แท้
- ล้างแอร์เพื่อความสะอาด แล้วเปลี่ยนไส้กรองในห้องโดยสารเป็นแบบ คาร์บอน เพื่อซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ แล้วก็เชียร์ Mahle เช่นเคย
- เก็บงานเสร็จหมดแล้ว แนะนำยอมเจ็บอีกทีนึง นำรถเข้าศูนย์ BMW เพื่อตรวจเช็คโดยช่างศูนย์เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งผมมักจะให้ช่างศูนย์ล้างแอร์ให้ด้วยเลยอีกสี่พันกว่าบาท
ทำทั้ง 7 รายการนี้แล้ว ผมว่ารถจะสมบูรณ์ และ ขับอย่างสบายใจไม่เรียกใช้บริการยานแม่ ส่วนจะจัดทรงตัวถัง เก็บงานภายในหรือไม่อันนี้แล้วแต่สภาพครับ
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ถ้าจะเปลี่ยนลูกหมากช่วงล่าง ลูกหมากปีกนก ลูกหมากกันโคลงทั้งระบบ งบประมาณค่าอะไหล่อยู่ประมาณไม่เกิน 2x,xxx บาท ยังไม่รวมค่าแรง
หากเพิ่มพวกปะเก็นฝาวาล์ว และ วาล์วน้ำ ไส้กรองทุกจุด รวมน้ำมันเครื่อง ก็อีกประมาณ 10,000 บาท
น้ำมันเกียร์ ZF ลิตรละประมาณ 600 บาท ไส้กรองเกียร์ประมาณ 3 – 4,xxx บาท
ถ้าไม่โชคร้ายจริง ๆ โดนของแพง ๆ อย่างเกียร์ แอร์ หรือ อุปกรณ์ไฟฟ้า งบประมาณการบูรณะ และ จัดทรงครั้งแรกจะไม่เกิน 80,000 บาท รวมเก็บชิ้นส่วนเหนียว ๆ ภายในแล้ว
BMW F10 รุ่นย่อยต่าง ๆ
พอรู้อาการประจำรุ่นแล้ว ตัดสินใจแล้วว่ารับได้ ก็ถึงเวลามองหารถแล้ว ซึ่งก็ตามสไตล์ BMW คือ รุ่นยิบย่อยพาลให้ปวดหัวเช่นเคย แต่ F10 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เข้าใจง่าย โดยซีรีย์ 5 ใบประเทศไทย มีช่วงอายุระหว่างปี 2010-2016 โดยของเรียกเป็น รุ่นปกติ และ รุ่น LCI โดย LCI คือการปรับโฉมเล็กน้อยให้ทันสมัยขึ้น โดย LCI เริ่มขายปี 2014 – 2016
รุ่นแรก ๆ ก่อน LCI จะมีระบบ Integral Active Steering ที่หากขับความเร็วต่ำ แล้วเลี้ยวล้อคู่หลัง จะเบนตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับ ล้อคู่หน้า เพื่อให้วงเลี้ยวแคบ แต่พอใช้ความเร็วเดินทาง ล้อคู่หลัง เพื่อให้การบังคับคมขึ้น เปลี่ยนเลน หรือเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ หลังจาก LCI จะไม่ได้ระบบนี้แล้ว
ตัวปกติ และ LCI ต่างกันดังนี้
- ไฟหน้าเปลี่ยนใหม่เป็น Adaptive LED
- ไฟท้ายปรับสี
- กันชนหน้าเปลี่ยนใหม่
- หัวเกียร์ปรับทรง
- ย้ายไฟเลี้ยวไปอยู่กระจกมองข้าง
เครื่องยนต์ และรุ่นต่าง ๆ ไล่ลำดับดังนี้
เบนซิน
- 535i รุ่นเปิดตัวในปี 2010 เป็นรถประกอบนอก ตอนนี้มือสองหาไม่เจอเลย
- 523i เป็นรุ่นเปิดตัวเครื่องเบนซิน แบบ 6 สูบแถวเรียง ความจุ 2500cc ขายแค่ 2 ปีแรก คือ 2010 – 2011
- 520i 2.0L แบบ 4 สูบ เทอร์โบ ใช้ระหว่างปี 2011 – 2016
- 528i 2.0L แบบ 4 สูบเทอร์โบ ใช้ระหว่างปี 2011 – 2016
ดีเซล
- 530d 6 สูบ รุ่นเปิดตัวใน ปี 2010 เป็นรถประกอบนอก ตอนนี้มือสองหาไม่เจอเลย
- 525d 2.0 6 สูบ เทอร์โบ ตัวแรก ใช้ระหว่าง ปี 2010 – 2011
- 525d 2.0 4 สูบเทอร์โบคู่ ใช้ระหว่างปี 2011 – 2016
- 520d ตัวแรก ใช้ระหว่าง ปี 2010 – 2011
- 520d ตัวที่ 2 Twinpoer Turbo ใช้ระหว่าง ปี 2011 – 2014
- 520d 2.0 4 สูบ ตัวสุดท้าย ฝาเล็ก ที่ใช้ยาวมาถึง 520d ตัวใหม่ ใช้ระหว่าง ปี 2014 – 2016
ซื้อปีไหน รุ่นไหนดี?
BMW 5 Series / ซีรีย์ 5 F10
- ก่อนอื่นเลยเลือกเบาะก่อนว่าชอบทรงไหน
- เลือก iDrive
- แล้วเลือกเครื่องยนต์
- เลือกไฟหน้า
หลังจากตัดสินใจรายละเอียดแล้วก็พอจะระบุได้ว่าต้องซื้อปีไหน เครื่องอะไร และงบประมาณเท่าไหร่
เบาะนั่ง
รุ่นอื่น ๆ ผมไม่ค่อยพูดถึงเบาะนั่งมากนัก แต่สำหรับ BMW จะมีเบาะยิบย่อยกว่าชาวบ้าน โดยเฉพาะ BMW F10 ที่มีเบาะหลายแบบมาก และรุ่นนั่งแล้วเมื่อยมาก (คหสต) บางแบบก็นั่งสบายสุด ๆ แต่วางขายเพียงบางปีเท่านั้น ดังนั้นสำหรับคนเน้นนั่งสบาย หรือคนตัวใหญ่แบบผม ลองนั่งดูก่อนว่าชอบตัวไหน โดย
- 2010-201 high line จะได้เบาะเหมือนกับ ซีรีย์ 7 ปรับได้ทุกทิศทาง เบาะพิงครึ่งบนปรับได้ดัวย สบายที่สุดในตระกูล F10 แต่วางจำหน่ายแค่ 2 ปีเท่านั้น หากเป็น 523i ตัวธรรมดาเบาะหน้าตาเหมือนกัน แต่ปรับหลังช่วงบนไม่ได้
- 2012-2012 ยังพอหาเบาะ Comfort ใน 525d ก้บ 528i ได้
- 2013 เปลี่ยนเบาะทรงใหม่ พร้อม หัวหมอนมีแอร์แบค ผมขอเรียกหมอน 2 ชั้น ตัวเบาะเล็กลง เพิ่มพื่นที่ในห้องโดยสาร แต่ส่วนตัวหัวหมอน 2 ชั้นจะหนา และโน้มมาด้านหน้ามาก บางคนเฉยๆ แต่ผมไม่ชอบเลยเพราะม้นดันหัวมาก
- 2014-2016 พอเป็น LCI ตัวเบาะเหมือนบางลง และหัวหมอนเป็นแบบชั้นเดียว ทรงจะดันหัวน้อยกว่า ส่วนตัวนั่งสบายกว่าหัวหมอน 2 ชั้นที่ดันหัวตลอดเวลา
- ส่วนเบาะ M Sport ในทุกรุ่นของก่อน LCI เป็นทรงสปอร์ตโอบรัดทั้งเบาะนั้น และ เบาะพิง ดึงที่รองน่องได้ โดยใช้หัวหมอน 2 ชั้นเช่นเดียวกัน พอหลัง LCT ก็โดนเปลี่ยนหัวหมอนเป็นแบบชั้นเดียวช่นกัน
*ปีอาจคลาดเคลื่อนบ้าง ถ้าผิดพลาดขออภัยครับ*
ส่วนตัวผมให้เบาะ Comfort ของ Highline นั่งสบายที่สุด รองลงมาคือเบาะ LCI ส่วนเบาะ เบาะหลังจาก Comfort แต่ก่อน LCI นั่งไม่ต่างกับตัว LCI มากนัก แต่หัวหมอนออกแบบมาดันท้ายทอย และ หลังศีรษะมาก ถึงมากที่สุด เลยเป็นตัวที่ไม่แนะนำที่สุด
เบาะ M Sport นั้นแล้วแต่คนชอบแหละ ผมสมัยเรียนมหาลัยฯ รถผมใส่ Recaro SPG ก็ขับไปเรียนได้ปกติ แต่เดี๋ยวนี้ชีวิตเปลี่ยน ไม่สามารถนั่งเบาะทรงสปอร์ตในชีวิตประจำวันกับรถคันหลักได้ แต่หากเป็นคันที่ 2 นี่ไม่มีปัญหา
ดังนั้นเรื่องเบาะของ BMW สำหรับผมเป็นประเด็นแรกในการเลือกรุ่นรถครับ ถ้าจะเอาเบาะ Comfort ต้องเอา 523i 528i หรือ 525d ปี 2010 – 2012
ถ้าไม่ซีเรียส หรือชอบเบาะ M Sport ก็เอาปีไหนก็ได้ จากนั้นเลือกเครื่องยนต์ ถ้าชอบ 6 สูบไม่เทอร์โบ ต้องล็อตแรก ๆ ที่เป็นรถประกอบนอกทั้งคัน
หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็น 4 สูบเทอร์โบหมดทั้งเบนซิน และ ดีเซล ก็เลือกเอาที่ชอบ แต่บอกเลยว่าเอา 528i กับ 525d ไปเลย อย่าไปประหยัดเล่น 520d หรือ 520i เพราะออฟชั่นโดนตัดไปเยอะ เครื่องไม่แรง วิ่งเกินสัก 100 เริ่มจะหน่วง ๆ แล้ว ที่สำคัญ จัดไฟแนนซ์ ค่างวดต่อเดือนต่างกันไม่กี่พันบาท
ถ้าพลาดไปเล่น 520 อนาคตอาจต้องไปเปลี่ยนเป็นจอใหญ่ ใส่กล้องถอยอีก หมดหลายหมื่น แล้วก็ยังคงเครื่องไม่แรง
ส่วนจะเอา LCI หรือไม่ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ถ้าล้านนึงไปสุดแล้ว ก็เอาปีแรก ๆ 8 – 9 แสนบาท แล้วเหลือเงินไว้จัดชุดใหญ่ใช้ยาว ๆ เพราะถ้าเอาพวก 1 ล้าน ได้ใหม่ขึ้น 2 ปี สุดท้ายค่าซ่อมเท่ากันครับ
ถ้าได้งบสักล้านสอง เอา LCI ไปเลยจบ ๆ อย่าคิดว่าก่อน LCI ปีท้าย ๆ มาเปลี่ยนไฟหน้าแปลงให้เป็น LCI บอกเลยว่าพลาดอย่างมหันต์ เพราะค่าแปลง + ค่าซ่อม เอาไปรวมกันซื้อ LCI ไปเลย เพราะ LCI ปีใหม่กว่า สิ่งที่จะต้องซ่อมน้อยกว่า
โดยรวมถือว่า BMW F10 เป็นรถที่ ทน ขับสนุก หรูหราทว่ายังดูวัยรุ่น ขับไปอีกสิบปี หน้าตาก็ยังไม่ตกยุค อีกทั้งของแต่งเยอะมาก ไม่ให้เล่นไม่เบื่อเลย
ตรงไหนขาดตกบกพร่อง หรือ ข้อมูลผิด รบกวนแจ้งทางหน้าเพจเพื่อปรับรุงต่อไป และ ขออภัยหากตรงไหนไม่ครบถ้วนนะครับ
ขอให้สนุกกับ BMW F10 ของคุณครับ
_______________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart