BMW 7 Series รถเยอรมันที่วางตัวเอาไว้เป็นรถสุดหรู ระดับประธานบริษัท ในรหัส F02 ที่ตอนนี้อายุ 10 ปี ราคาร่วงจากมือหนึง 7 -8 ล้าน เหลือล้านกว่าบาท ถือเป็นรถที่น่าใช้ และ น่ากลัวไปพร้อม ๆ กัน

มันน่ากลัวจริงหรือไม่ มีอาการเสียประจำรุ่นอะไร และซื้อมือสองมาต้องซ่อมอะไรบ้าง

#พี่อาร์ต #bmw #f02 #7series #ซ่อม #อะไรชอบเสีย #อาการประจำรุ่น #จุดอ่อน

BMW F02 เป็นรถที่นั่งดีมาก โดยเฉพาะเบาะหน้า comfort seat ที่ให้ความรู้สึกสบาย แต่กระชับ เบาะหลังปรับได้หลายทิศทาง รองรับสรีระของผู้โดยสารแต่ละคนได้อย่างลงตัว

รถแม้จะคันใหญ่ แต่ขับแล้วให้ความรู้สึกคล่องตัว ไม่เทอะทะ เครื่องที่ลองขับคือ 730Li เบนซิน 6 สูบ เร่งเร็วทันใจกว่าที่คิด ผมว่ารถรุ่นนี้จะเบนซิน หรือดีเซลก็ชับดีไม่ผิดหวังครับ

เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เชิญชมคลิปครับ สำหรับสายอ่าน เลื่อนลงไปเสพกันได้เลย

อาการประจำรุ่น BMW ซีรีย์ 7 / F02

เครื่อง – ช่วงล่าง

รถมือสองทุกรุ่นทุกยี่ห้อ แน่นอนว่าต้องตรวจดูพวกน้ำมันรั่วตรงยางฝาวาล์ว ก้มดูใต้ท้องเครื่อง หรือพื้นที่รถจอดอยู่ว่ามีน้ำมันหยดหรือไม่ ถ้ามีก็เตรียมเปลี่ยนปะเก็นอ่างน้ำมันเครื่องค่าปะเก็นราคาพันกว่า สองพันกว่า แต่จะหนักค่าแรง เพราะต้องรื้อแพหน้าออกมาก่อน มีอู่ซ่อมเยอะครับหายห่วง

แต่โดยรวมเครื่องเบนซินของ ซีรีย์ 7 โดยเฉพาะ 730Li นี่ บรรดาช่างเค้าบอกเลยว่า ไม่จุกจิก ทน และ ไม่ค่อยมีอะไรให้ซ่อมนัก นอกจากพวกอุปกรณ์เสียตามระยะปกติ

เครื่องเบนซินมีคอยจุดดระเบิดเสียตามอายุรถเป็นเรื่องปกติ ราคาหลักพันบาท อาการคือเครื่องเดินไม่เรียบ พวกอุปกรณ์ขยับได้ต่าง ๆ เช่น พูลเล่ย์สายพาน ปั๊มน้ำ ปั๊มน้ำแรงดันสูง หัวเทียน มีโอกาศเสียหมด แต่ไม่บ่อย หาอู่ที่มีเครื่องคอมฯ จับได้ง่าย ๆ ครับ เพราะระบบ BMW เสียบคอมฯ ปุ๊ป ไล่ดูได้หมดเลยว่ามีอะไรเสีย ต้องใช้อะไหล่ตัวไหน ไม่ต้องเดา

นอกจากบางอาการที่ระบบไม่ได้บอกว่าเป็นที่ตัวไหน แจ้งแต่ระบบขัดข้อง หลาย ๆ ครั้งหน้าจอขึ้น Drivetrain malfunction เซนเซอร์ต่าง ๆ ไม่ตอบสนอง หรือรวน เป็นเพราะแบตฯ อ่อนจ่ายไฟไม่พอ บางครั้งกรณีไฟเครื่องขึ้น ไฟรถลื่นขึ้น รถวิ่งสะดุด ดับเครื่องสตาร์ทใหม่ก็หาย ขับ ๆ ไปก็เป็นอีก อาการนี้อาจเป็นที่กล่อง ซึ่งในบ้านเรามีร้านรับซ่อมหลายร้าน

ในส่วนของเครื่องเครื่องดีเซล สิ่งที่ต้องตรวจพื้นฐานเหมือนเครื่องเบนซิน ยกเว้นไม่มีคอยล์จุดระเบิด กับหัวเทียน เพิ่มเติมคือ EGR Valve และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกียวข้องกับน้ำมันดีเซล ซื้อมือสองมา เตรียมงบประมาณเอาไว้ทำจุดนี้ด้วยครับ เป็นทุกคน เมื่อซื้อมาใช้แล้ว แนะนำใช้น้ำมันเกรดพรีเมี่ยมจะช่วยยืดอายุได้บ้าง

เครื่อง BMW ใช้เทคโนโลยี Valvetronic ที่พอใช้ไปก็จะสกปรก เกิดอาการสตาร์ทยาก เครื่องเดินไม่เรียบ สามารถถอดออกมาล้างได้ อาการหนักหน่อยก็เปลี่ยน ราคาหลักพันบาท มี 2 ตัว ไอดี กับไอเสีย แต่อะไหล่รหัสเดียวกัน

อีกจุดอ่อนของเครื่องดีเซล คือ หากรถวิ่งถึงระยะ 150,000 – 200,000 กิโลเมตร ควรตรวจเช็คสายพานราวลิ้น เพราะถ้ามันยืดโดยเราไม่รู้ตัว ถ้าโซ่ขาดก็ยกเครื่องซ่อมชุดใหญ่ ตรงนี้ดูตามระยะเลยครับ ถ้ารถวิ่งมาระยะนี้ เจ้าของเก่าไม่มีประวัติเปลี่ยนสายพานราวลิ้น ก็เตรียมตัวเสียเงิน

สำหรับเกียร์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเบนซิน หรือ ดีเซล จุดอ่อน คือ Valve Body ที่อยู่ในชุดเกียร์ พอถึงระยะ หรือ พอถึงอายุก็จะต้องซ่อม  โดยสามารถเลือกเปลี่ยนอะไหล่ หรือ ใช้ชุดซ่อมแล้วแต่อู่เค้าถนัดทางไหน เคยเห็นมือสองสภาพดีราคา 28,xxx บาท ชุดซ่อมราคาก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหากเปลี่ยนทั้งตัวได้ข่าวว่าเป็นแสน

หากขับแล้วมีเสียงอ๊อดแอ๊ดตอนขึ้นลูกระนาด น่าจะเป็นพวกลูกหมากปีกนก ลูกยางต่าง ๆ ในระบบช่วงล่างเสื่อมสภาพ เท่าที่สอบถามร้านอะไหล่มา ถ้าจะเปลี่ยนลูกหมากช่วงล่าง ลูกหมากปีกนก ลูกหมากกันโคลงไม่ได้แพงมากทั้งระบบประมาณสองหมื่นกว่าบาท (ราคาอะไหล่จากวรจักร) 

จุดที่หนักที่สุดของ BMW F02 คือ โช้คอัพหลังที่เป็นแบบถุงลมไฟฟ้า โดยระบบคล้าย Benz W221 คือมีโช้คถุงลม ปั๊มลม วาล์วควบคุมบลบลม แต่ต่างกันตรงเป็นโช้คอัพไฟฟ้า สามารถปรับโหมดการขับขึ่จากในตัวรถ ตัวนี้ราคาหนักมาก เพราะ Bilstein ไม่ได้ทำขาย (ไม่ได้เป็น OEM เหมือน Benz W221) ในตลาดเท่าที่เดินถามมา จะเจอแท้เบิก แท้หิ้ว ราคาคู่ละประมาณ 12x,xxx บาท เบาหน่อยมือสอง ราคาสวย ๆ ตกคู่ละ 4-5x,xxx บาท มือสองก็แล้วแต่ดวงครับ ซ่อมขายก็เรื่องนึง อาจใช้ได้อีกสักปี แต่ซ่อมใช้เองไม่แนะนำ

เจ้าโช้คอัพถุงลมจะมีอายุของมัน ประมาณ 5 -6 ปีเดี๋ยวก็เสีย ดังนั้นก่อนซื้อก็ลองนับปีรถดูว่า “ถึงรอบเสีย” หรือยัง หากเจ้าของเก่าดูแลดี มีบิลให้ครบ ๆ ก็ดูจากบิลว่าเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ แล้วนับรอบเอาครับว่าเราจะโดนปีไหน

อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบถุงลมหลังก็จะมีปั๊มลมราคาสองหมื่น วาล์วบล็อคควบคุมไม่เกินหมี่น เบ็ดเสร็จจะมีระเบิดเวลาในส่วนของช่วงล่างหลังอยู่ประมาณแสนห้า (15x,xxx) ซึ่งปั๊ม กับวาล์ว ไม่ค่อยเสียหรอกครับ แค่เผื่อใจเอาไว้ เวลาซ่อม แล้วเงินเหลือจะได้สบายใจ

ถ้าออกแนวประหยัด สามารถเลือกใช้โช้คอัพหลังของจีน ของเทียบต้นละหมื่นกว่าบาทเห็นตามเวปขายของออนไลน์บ่อย ๆ แต่ยังไม่กล้าเสี่ยง

ส่วนโช้คอัพหน้าเป็นสตรัท พร้อมสปริง ใช้ไปยาว ๆ ครับ นอกจากตกหลุมแรง หรือ เอาไปลุยจนโช้ครั่ว-ซึม ก็เปลี่ยนได้ราคาหมื่นกว่าบาทปกติทั่วไป หากใครจะเอา F02 มาโหลดก็แค่เปลี่ยนสปริงโหลดด้านหน้า เดี๋ยวหลังเค้าเตี้ยลงตามมาเอง

ในเรื่องแอร์ ถ้าเสียแล้วแพง คอมแอร์ลูกหลายหมื่น โบลเออร์เริ่มต้นหลักพัน แต่ก็ไม่ค่อยเสียนะครับ บอกเผื่อเอาไว้ป้องกันคนบอกว่า “ผมบอกไม่หมด” 555

ควรเก็บเงินเอาไว้ซ่อมประมาณ 100,000 บาท ยังไม่รวมระบบโช้คอัพหลังถุงลมหลังอีก 150,000 บาทของแท้แบบใช้ยาว ๆ หรือ ปัจจุบันมีทั้งของจีน ของไต้หวัน และ ของไทย ราคาเริ่มต้นข้างละหมื่นกว่าบาท ซึ่งก็ต้องดูว่างานเป็นแบบไหน หากเป็นงานเทียบทั้งตัวช่างหลายคนบอกใช้ได้ปี สองปีก็เสียแล้ว ของแท้ ของเทียบดูไม่ยาก เพราะตอนนี้ของเทียบยังไม่กล้าแปะโลโก้ใบพัดของ BMW (รูปด้านล่างบนของแท้)

แต่หากเป็นงานบิ้วดี ๆ ที่เอาโช้คเดิมมาเปลี่ยนเฉพาะถุงลม ก็จะทนกว่าหน่อยเพราะได้โช้คไฟฟ้าแท้ บางอู่มีบริการเปลี่ยนเฉพาะถุงลม ข้างละหมื่นกว่าบาท กรณีโช้คอัพเราไม่เสีย ซึ่งเป็นตัวเลือกสำหรับคนต้องการประหยัด

ค่าบำรุงรักษารายปีมีคนถามมาเยอะ จริง ๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และ สภาพรถด้วย แต่คร่าว ๆ ควรเตรียมเอาไว้สักปีละ 40,000 บาท กำลังดี ส่วนซื้อรถมือสองมา ต้องทำอะไรบ้าง ซ่อมใช้เท่าไหร่ ติดตามซีรีย์นี้ไปเรื่อย ๆ ครับทำเสร็จแล้วจะมาสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง

BMW F02 รุ่นต่าง ๆ

พอตัดสินใจได้แล้วว่าจะเล่น F02 ก็มาดูรุ่นย่อยประกอบการตัดสินใจกัน

BMW F02 ก่อน LCI ปี

  • 740  เครื่อง 4.4 ลิตร ตัวนี้ควรเลี่ยง
  • 740  เครื่อง 4 ลิตร
  • 730Li
  • 730Ld

BMW F02 LCI ปี

  • 730Li
  • 730Ld

ในส่วนของเครื่องยนต์ เท่าที่เห็นในตลาดปัจจุบัน (2564) เครื่องเบนซินจะแบ่งเป็น 2 ตัวหลัก ๆ คือ 730Li แลเะ 740Li โดย 740Li จะมีให้ในรถรุ่นปีต้น ๆ เท่านั้น หลังจากปี 2010 หรือ 2011 ก็จะเปลี่ยนเป็น 730Li

สังเกตุง่าย ๆ ที่ฝาครอบเครื่องหน้าตาไม่เหมืนอกัน และ ท่อยางออยคูลเลอร์ ที่พาดขวางอยู่หน้าเครื่องในรุ่น 730Li ท่อจะไม่เด่นเหมือน 740Li 

ในส่วนของ ดีเซล จะมี 3 เครื่อง คือ ฝาขาว ในปีแรก ๆ ซึ่งเป็นเครื่องที่แนะนำว่าควรเลี่ยง เพราะมันเป็นเครื่องรุ่นเก่า เทคโนโลยีเก่าที่ส่งต่อมาจาก ซีรีย์ 7 รุ่นก่อนหน้า 

ควรขยับไปเล่นเครื่องฝาดำจะดีกว่า ทันสมัยกว่า ทน ถึก และ กินน้ำมันน้อย ซึ่งพอเป็น LCI ปีหลัง ๆ แล้ว BMW จะเปลี่ยนเครื่องเป็นตัวที่ 3 ขอเรียกว่าเครื่อง TwinPower เพราะบนฝาครอบเครื่องมีคำนี้แปะอยู่ ซึ่งเครื่องรุ่นนี้พัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อน และ ใช้กับ BMW หลากหลายรุ่นในยุคนั้น ไล่จนถึงปัจจุบัน

ส่วนตัวไม่เคยลอง แต่ถามหลาย ๆ คน “เค้าบอกว่า” เครื่องฝาดำ ดีกว่าเครื่อง TwinPower ในส่วนของเทอร์โบ แต่หากจะเอารถปีใหม่ LCI แล้ว ยังไงก็ต้องโดนเครื่อง TwinPower ครับ

รุ่น LCI ดูอย่างไร
  • ไฟหน้าเป็นแบบ Full LED
  • กันชนหน้าเปลี่ยน 
  • ไฟท้ายเปลี่ยน
  • กันชนท้ายเปลี่ยนมีแถบโครเมี่ยมยาว
  • ไฟเลี่ยวย้ายจากแก้มข้างไปที่กระจกมองข้าง
  • จอหลังเปลี่ยนทรงใหม่

ซื้อรุ่นไหนดี?

สาย BMW ส่วนมากชอบ ดีเซล เค้าว่ามันทน อึด ประหยัด แต่บอกตรง ๆ ว่าขับรถระดับท๊อปแล้ว ผมว่าจะเบนซิน หรือ ดีเซล ก็คงไม่มีปัญหากับค่าน้ำมันที่ต่างกันไม่เป็นสาระสำคัญสำหรับผมที่ไม่ได้เน้นประหยัด เพียงแต่หากเลือกได้ ควรเอาดีเซลที่แม้จะมีชิ้นส่วนให้ซ่อม ให้เปลี่ยนเยอะกว่าเบนซิน แต่ได้เครื่องเทอร์โบที่ขับสนุกกว่า

แต่รถผมเองเป็น 730Li เพราะผมขับแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันอืดนะ รับได้ ที่สำคัญคือ รถทั้งบ้านตอนนี้เป็นเบนซินหมดเลย รับรองเติมไม่พลาดแน่นอน

ส่วนจะซื้อก่อน LCI หรือ LCI แล้ว อันนี้ส่วนตัวเชียร์ว่าถ้างบถึง ใช้ LCI เลยครับ ไฟหน้าสวย และไฮเทคมาก กันชนหน้าเดิม ๆ สวย และ หรูกว่าเยอะ อีกทั้งกันชนท้ายมีแถบโครเมี่ยมดูลงตัวอย่างที่สุด

ส่วนผมเอาก่อน LCI เพราะต้องการรถที่ตอบโจทย์ “ซ่อมพร้อมใช้เสร็จที่ล้านต้น” ดังนั้น LCI ที่ตอนนี้ราคาไป 1.6 – 1.7 ล้าน ยังไม่ได้ซ่อม จึงไม่ตอบโจทย์ที่ตั้งเอาไว้ครับ

ขอให้มีความสุขกับรถของคุณ อย่าลืมว่ารถมือสองยังไงก็คือรถมือสอง กล้าซ่อม กล้าเปลี่ยนก็สามารถใช้งานประจำวันได้ยาว ๆ ไม่ต้องกังวลครับ

_______________________________________________

ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage

และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/user/artxenonart

 

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art