รถตู้ยอดฮิตชนิดที่เจ้าของขับเองได้ไม่อายใคร ป้ายแดงค่าตัว 2 – 3 ล้าน ตอนนี้มือสอง ล้าน บวก ลบ แล้วแต่ปี หน้าตายังดูดีน่าคบหา แต่มันจะมีโรคประจำตัว มีจุดอ่อนอะไรที่ควรรู้ก่อนซื้อบ้าง มาดูกัน
#พี่อาร์ต #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย #รีวิวทิพย์ #alphard #velllfire #anh20 #มือสอง
Alphard / อัลฟาร์ด และ Vellfire / เวลไฟล์เออร์ รุ่นตัวถัง ANH20 ที่เราคุยกันในบทความนี้ มีอายุร่วม 12 ปีแล้ว โดยตั้งแต่เอาเข้ามาขายในบ้านเราตั้งแต่ราวปี 2008 – 2015 ซึ่งวันนี้เราจะคุยกันถึงตัวเก่าที่ยังคงน่าใช้อยู่ แถมราคาราวหนึ่งล้านบาท
Alphard ในบ้านเราจะมีเครื่อง 2.4, 2.4 Hybrid และ 3.5 รวม 3 รุ่นหลัก โดยเยอะสุดก็ 2.4 ลิตร เครื่องยนต์ 2AZ-FE ตัวเดียวกับ Camry และ Estima
ก่อนอื่น เรามาแยกชื่อนี้กันก่อน
Alphard / Vellfire สองชื่อ แต่คล้ายกัน โดยมีทั้ง 2 รุ่นคือ เหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้น ไฟหน้า ฝากระโปรง และ ไฟท้าย + ฝากระโปรง เท่านั้น เครื่องยนต์ ช่วงล่าง ภายใน ต่าง ๆ เหมือนกันเป๊ะ ๆ ดังนั้นทั้ง Alphard และ Vellfire จากนี้ต่อไปจะขอเรียกแค่ Alphard ครับ
เครื่อง 2.4 เบนซิน
- ประมาณปี 2008 ตอนนี้ราคามือสองบ้านเราเริ่มต้นที่แปดแสนกลาง ขึ้นอยู่กับสภาพความสมบูรณ์ของตัวรถ
- ปี 2010 หลายคนเรียกโฉม ZG Edition ซึ่งเปลี่ยนแค่ชุดกันชนใหม่ สปอร์ตกว่าเดิม และรถนำเข้าส่วนมากเป็นเบาะผ้าสีดำ
- เป็นรถศูนย์ไทยกันชนหน้าต่างกับรถเกรย์ ได้ไฟสปอร์ตไลท์ สี่เหลี่ยม
- ปี 2012 Minor Change หรือ รุ่นเฟสลิฟ เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ ภายในเพิ่มออฟชั่นเบาะมิกกี้เม้าส์
เครื่อง 2.4 Hybrid
เท่าที่เจอมือสอง เห็นอยู่หน้าเดียว ตั้งแต่ปี 2012 – 2015 โลโก้กระจังสีฟ้า มีช่องลมแคบยาวใต้กระจังหน้า โลโก้สีฟ้าบนฝากระโปรงท้าย อื่น ๆ แทบไม่ต่างกับตัวปกติ
เครื่อง 3.5 เบนซิน
โดยมากหลังปี 2012 มือสองมักจะเจอแต่รถศูนย์ไทย ดูง่าย ๆ คือ เบาะคนขับคู่หน้าไม่ไฟฟ้า และ ดูบวม ๆ หนา ๆ กว่ารถเกรย์
Vellfire รุ่นต่าง ๆ
ส่วน Vellfire ง่ายกว่า เพราะเครื่อง 2.4 มีแค่ 2 หน้า Hybrid อีก 1 หน้า และยังไม่เคยเจอเครื่อง 3.5 ในบ้านเรา โดยตลาดบ้านเราหน้าแรกเป็นเบาะครีมซะส่วนใหญ่ พอ Minorchange ก็ไปใช้เบาะมิกกี้เม้าส์ ภายในดำ
เครื่องยนต์
สตาร์ทเครื่อง ฟังเสียงว่าเสียงปกติหรือไม่ มีเสียงเขก เสียงกริ๊ก ๆ ผิดปกติหรือไม่ หากไม่รู้ยังไงเรียกปกติ ลองไปหาแคมรี่ หรือ Alphard คันอื่นลองฟังได้ เสียงมันจะไม่แห้ง ๆ เหมือนคนเจ็บคอครับ อธิบายยาก ไปดูในคลิปด้านบนประกอบแล้วกัน
ดูขอบเครื่องสะอาด ไม่มีรอยน้ำมันเยิ้มก็สบายใจได้เปาะหนึ่ง และด้วยอายุรถที่หลายปีหน่อย อุปกรณ์ยางต่าง ๆ ในห้องเครื่องตรวจให้เรียบร้อย จะได้ประเมินได้ว่าเราซื้อมาต้องซ่อมเท่าไหร่
สำหรับไฮบริตจะต้องระวังเรื่องแบตฯ เพราะมีอายุประมาณ 10 – 12 ปีก็ต้องเปลี่ยนตามรอบ ไม่เกี่ยวกับระยะทางเท่าไหร่นัก ราคาเปลี่ยนยกชุดศุนย์โตโยต้าเคยแตะ สองแสนบาท แต่ปัจจุบันเห็นว่าเปลี่ยนรหัสอะไหล่มาใหม่ ขายเหลือแสนต้น ๆ เท่านั้น
โรคประจำตัว หรือ จุดอ่อน Alphard / Velfire ANH20
เครื่องยนต์ / ช่วงล่าง
เครื่อง 2.4 ลิตร รหัส 2AZ-FE ทนมาก ๆ นอกจากอะไหล่สึกหรอตามปกติเช่นท่อน้ำ สายพาน พูลเล่ย์สายพาน / ตัวตั้งสายพาน แล้ว สิ่งที่ควรเช็คหากซื้อรถมือสองคือ ซีลฝาวาล์ว เปิดฝากระโปรงดูตัวเครื่องว่ามีคราบน้ำมันหรือไม่ เครื่องสตาร์ทติดง่าย ไม่สตาร์ทยาว ๆ แล้วค่อยติดเพราะนั่นส่งอาการของไดสตาร์ทเสีย ตัวนี้เปลี่ยนอะไหล่ก็หลักหมื่นบาท
ซีลท้ายเครื่องเป็นส่วนที่ชอบเสื่อมสภาพ ก้มดูพื้นที่รถจอดดูว่ามีคราบน้ำมันหรือไม่ อีกจุดนึงที่เสียทุกคันคือ ตาน้ำ 3 ทางในห้องเครื่องที่เสื่อมสภาพ เปลี่ยนราคาหลักรัอยบาท
เฟืองบาลานซ์ ในชุดเกียร์เป็นอาการประจำรุ่นขั้นรุนแรง รถวิ่งไป 80,000 ขึ้นไป ควรตรวจเช็ค ซึ่งตอนซื้อรถนั้นตรวจอะไรได้ยากมาก เพียงแค่ลองขับดูว่าว่าเกียร์เปลี่ยนนิ่มหรือไม่ ใส่เกียร์แล้วเหยียบเบรคจอดสนิทแล้วเกียร์สั่นมากหรือไม่ ซึ่งก็เป็นเพียงการตรวจขั้นต้นเท่านั้น หากเจ้าของเก่ายังไม่ได้ซ่อมมา ยังไงก็ต้องซ่อมครับ เพราะเสียทุกคัน ค่าซ่อมก็หมื่นกว่าบาท
รุ่นนี้จะมีจุดอ่อนตรงเฟืองคอพวงมาลัยที่เป็นพลาสติค ที่ชอบแตก ทำให้เวลารถวิ่งบนทางขรุขระจะมีเสียงกุก ๆ อาการหนักหน่อย แค่ขึ้นลูกระนาดเสียงก็จะดังออกมาจากคอพวงมาลัยช่วงก้านไฟเลี้ยวแล้ว เวลาซ่อมจะน่าโมโหมาก เพราะค่าเฟีองตัวนี้สาม สี่ร้อยบาท แต่ต้องรื้อคอนโซลหน้ามาเกือบทั้งหมด ค่ารื้อโดนไปหลายพัน ดังนั้นหากใครมีอาการนี้ ให้วางแผนรื้อคอนโซลทีเดียวทำหลาย ๆ อย่าง ประหยัดค่าแรงหน่อย
แรคพวงมาลัยก็ชอบเสีย เวลารถจอดเฉย ๆ ลองขยับพวงมาลัย จะมีช่วงฟรีเยอะหน่อย และ จะมีเสียงกุก ๆ ทั้งตอนจอด ตอนวิ่ง ยิ่งเจอถนนขระขรุก็จะมีเสียง ดังนั้นเวลาเข้าอู่ ส่วนมากเค้าจะซ่อมให้จบทีเดียว คือ ทั้งแรคพวงมาลัย และ เฟืองคอพวงมาลัย ทำเสร็จอยู่ได้อีกประมาณเฉลี่ย 3 ปี (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
แรคพวงมาลัย มีทั้งเบิกใหม่ (ของหิ้ว) ประมาณหมี่นกว่าบาท หรือใช้ชุดซ่อมราคาตั้งแต่สี่พันกว่าบาท ไปถึงเกือบแปดพัน เลือกเอา
ช่วงล่างลูกหมากต่าง ๆ ไม่ค่อยเสีย ถึงจะเสียก็ตามอายุ ไม่นับเป็นจุดอ่อนของตัวรถ แต่ส่วนที่น่ารำคาญคือ พวกยางกันฝุ่นโช้คอัพ เบ้าเช็คอัพ รวมถึงลูกปืนเบ้าโช้คอัพ ที่ชอบเสีย จะเปลี่ยนโช้คใหม่ เจ้าโช้คก็จะไม่ให้พวกนี้มาด้วย ต้องซื้อแยก
เดิมจะเบิกของ Toyota จากวรจักร ราคาชุดนึง 4 ล้อ ประมาณเกือบห้าพ้นบาท เดี๋ยวนี้โชคดีมีของ KYB ผลิตในไทย โดยเป็นโรงงานที่ร่วมทุนกันระหว่าง สยามกลการ และ Kayaba Japan คุณภาพดีครับ ผมใช้มาปีนึงแล้ว ไม่มีปัญหา ราคาถูกลงมาครึ่งหนึ่ง เหลือแค่สองพันกว่าบาท
แอร์ของ Alphard / Vellfire จะมีตู้แอร์แยกหน้า-หลัง รถอายุสิบปีแนะนำถอดออกมาล้าง หาร้านไว้ใจได้แถวบ้านก็ได้ ส่วนโซนศรีนครินทร์ ผมทำที่ Cooper Air อยู่ข้าง Cockpit ถนนศรีนครินทร์ตรงข้าง ซีคอนสแควร์ งานดี ราคารับได้ ตอนนั้นมีซ่อมคอมฯ แอร์ไปด้วย ผ่านมา 3 ปียังใช้งานได้ดีเยี่ยม กรองแอร์ควรเปลี่ยนปีละครั้งนะ
ใครจับมือสองรุ่นนี้มาใช้สบายใจได้ มีอู่เฉพาะทาง คือรับซ่อมเฉพาะรุ่นนี้เน้น ๆ อยู่หลายอู่ เค้าจะมีเมนูบำรุงรักษาเป็นชุดตามระยะไว้ให้เลย รถที่บ้านเช็คแสนโล ก็ลิสต์รายการมาครบถ้วน ผมทำอยู่อู่ WinWIn Auto ประดิษฐมนูณธรรม ราคาไม่ได้ถูก แต่บริการโดนใจ รถที่บ้านซ่อมเฟืองคอ แรคพวงมาลัย ตาน้ำ 3 ทาง แล้วก็เฟืองบาลานซ์ในชุดเกียร์ และบำรุงรักษาตามระยะ 100,000 กิโลฯ โดนไป 5x,xxx บาท ใช้ยาว ๆ ไป 3 ปี ก็โดนแรคพวงมาลัย และ เฟืองคอใหม่อีกรอบ ตอนนี้วิ่ง 15x,xxx กิโลฯ อยู่ต่างจังหวัด ไม่มีอะไรจุกจิกครับ
ปีนึงเสียค่าบำรุงรักษา ซ่อม และ ปรับสภาพให้รถดูใหม่ก็ตกเฉลี่ยปีละ 3x,xxx บาท รวมค่ายาง ค่าแบตฯ ส่วนประกันชั้น 1 เสียอยู่สองหมื่นกว่าบาท
ภายใน / ตัวถัง
- รถพออายุเข้าปีที่ 8 คอนโซลหน้าจะเริ่มเหนียว และมีกลิ่น หากตอนนี้ยังไม่เหนียว อีกเดี๋ยวก็เหนียว เตรียมงบไว้ประมาณ 10,000 บาท ไม่เกิน ในการหุ้มใหม่ หรือ ถ้าสายเบิก ก็มีคนขายอยู่นะครับ หมื่นกว่าบาทเกือบสองหมื่น แล้วแต่ช่วง
- คอนโซลกลางตรงเกียร์ แถวนี้โดยเฉพาะช่องเก็บเหรียญ ชอบลอก และโครเมี่ยมตามขอบคอนโซล และช่องแอร์ก็จะลอกตามอายุของมัน ซื้อเปลี่ยนได้ 5-6,000 บาท
- โลโก้ Toyota บนพวงมาลัย โครเมี่ยมลอก อันนี้ยากหน่อย เพราะม้นเป็นแอร์แบค ส่วนมากทำใจ หรือ ซื้อโลโก้มาปิดทับเอา บางร้านรับแก้ไขด้วยการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ทิ้งรถเอาไว้ 2 วัน เพราะต้องรื้อแอร์แบค ยังไงก็พิจรณาครับ หรือใครซ่อมวิธีอื่นมาแบ่งปันประสบการณ์กันครับ รถผมก็ยังไม่ได้แก้เลย
- ซีลยางซันรูฟก็เก่าตามอายุ น้ำอาจรั่วเข้าหลังคาได้ อีกทั้งเวลารถสะเทือนจะมีเสียงกระจกซันรูฟกระแทกบริเวณหลังคา ยางซันรูฟผมเคยเปลี่ยนพันกว่าบาท (ยังไม่รวมค่าแรง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้
เบาะหลังแขวนขึ้น ไม่ได้พับลง ดังนั้นจะเกะกะเบาะแถวกลาง ถอยหลังจะติดเบาะที่แขวนอยู่ แต่หากไม่แขวน ก็จะบรรทุกของได้น้อยลง ตรงนี้ไม่ใช่ข้อเสีย แต่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ ซึ่งจากการที่คุณแม่ผมใช้ขนของไปวัดบ่อย ๆ ท่านก็ไม่ได้บ่นอะไร แต่ภรรยาผมบ่นว่าเบาะถอยได้ไม่มันส์ เพราะเธอเอนจนเกือบจะนอนเลย
นับว่าเป็นรถที่ทนมาก ใช้ดีมาก ดูยังทันสมัยไม่เก่า ไปไหนยังคงดูดี ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าอายุอานามปาเข้าไปเกิน 10 ปีแล้ว จะให้คนขับรถขับก็นั่งสบาย จะขับเองก็สะดวกสบาย คล่องตัวมาก ๆ ที่สำคัญมีอู่ซ่อมเยอะมาก ๆ อะไหล่หาง่ายไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้แพงจนตกใจ มีทั้งมือหนึ่ง และมือสอง โดยหลาย ๆ อย่างผมก็หาตามกลุ่ม ซื้อ-ขายอะไหล่ Alphard Velfire ในเฟสครับ มีพ่อค้าคุณภาพหลายคน อะไหล่มีเกือบทุกชิ้น ตั้งแต่ช่องแอร์ ยันฝากระโปรงท้าย ทั้งแท้ห้างฯ แท้หิ้ว เทียบ และ มือสอง ที่สำคัญมีอู่ซ่อมเฉพาะทางเยอะมาก ๆ รถซ่อมง่าย ขับไปจังหวัดไหนก็มีคนซ่อมเป็น
ศึกษาข้อมูล หาเพื่อน หาอะไหล่ได้ในเฟสครับ กลุ่ม Alphard Vellfire Thailand, Alphard Vellfire Estima Market อะไรประมาณนี้ครับ
ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านที่เล็งรถรุ่นนี้ไว้ครับ
_______________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart