BMW 320d F30 มือสอง วิ่ง 8 หมื่น พี่ต้องซ่อมอะไรบ้าง

BMW F30 320d imperial blue รถปี 2013 วิ่งมาแล้ว 83,1xx กม. เจ้าของเก่าไม่ได้เคลมใหญ่ก่อนหมด BSI มา งานนี้พี่ต้องปั้นตรงไหนบ้างให้รถพร้อมใช้งานสมบูรณ์

#BMW #F30 #320d #restore #ซ่อมเครื่องช่วงล่าง #Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต

ประวัติเก่าของรถคันนี้สะอาดมาก ซึ่งสำหรับคนปั้นรถสไตล์ผม ประวัติน้อยมาก ๆ ไม่ใช่เรื่องดี เพราะแสดงว่าเจ้าของเก่าไม่ได้ซ่อมอะไรมาเลย โดยมาก มักจะมาตกที่เรา

สิ่งที่เจ้าของเก่าซ่อมใหญ่หน่อยมีเพียง 2 รายการนอกเหนือจากการถ่ายน้ำมันเช็คระยะทั่วไปคือ

ชุดซ่อมแรคพวงมาลัย
เช็คคาลิปเปอร์หน้า ไล่ระบบเบรก เปลี่ยนจานเบรค

หลังจากเอาเข้าเข็คช่วงล่างที่ Stopshop แยกลำสาลี มีชิ้นส่วนเสื่อมเสียตามสภาพดังนี้

ปีกนกตัวตรง 1 คู่ รวม 5,400 บาท
ปีกนกตัวงอ 1 คู่ รวม 5,000 บาท
ลูกหมากกันโคลงหน้า 1 คู่ รวม 1,900 บาท
ยางกันฝุ่นโช้คอัพหน้า 1 คู่ รวม 1,400 บาท
ยางกันกระแทกโช้คอัพหน้า 1 คู่ รวม 1,000 บาท
เบ้าโช้คอัพหน้า 1 คู่ รวม 2,700 บาท
เบ้าโช้คอัพหลัง 1 คู่ รวม 1,500 บาท
ยางรัดเหล็กกันโคลงเทียบ 1 คู่ รวม 1,000 บาท
ค่าแรง 2,000 บาท

ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 21,900 บาท

เก็บช่วงล่างไปเกือบทั้งระบบไม่รวมโช้คอัพ 4 ต้น ที่เสีย และ ควรต้องเปลี่ยน เพียงแต่คันนี้ผมตั้งใจนำรถไปโหลด จึงรอใช้ชุดโหลดทีเดียวเลย

จากนั้นก็ไปต่อกันที่อู่ RR Roadrunner เพื่อตรวจเช็คสภาพเครื่อง เกียร์ และระบบต่าง ๆ โดยเหตุผลที่แยกทำ 2 อู่ ทั้ง ๆ ที่อู่ RR Roadrunner ก็สามารถทำช่วงล่างได้ และเก่งด้วย ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะอู่ RR ช่วงนี้แน่นมาก ระหว่างรอคิวเข้า ผมเลยเอาไปทำช่วงล่างที่พี่อี๊ด Stopshop ก่อนพลาง ๆ ตามประสาคนใจร้อน

แต่ใครไม่ขยันวิ่งหลายอู่ และ ไม่ใจร้อนเหมือนผม เอาเข้าไปที่ RR Roadrunner ที่เดียวจบครับ ราคาไม่ต่างกันมาก

เบื้องต้นเช็คระบบเครื่องยนต์ทั้งหมดสมบูรณ์ ไดร์ชาร์จ ไดร์สตาร์ท มู่เล่ย์สายพานต่าง ๆ ยังใหม่ น้ำมันเครื่องยังใส เพราะเจ้าของเก่าเพิ่งเปลี่ยนมา น้ำมันเกียร์ไม่ใสแล้ว แต่ยังไม่ถึงขนาดดำ ตัดสินใจรอถ่ายของเหลวพร้อมกันหมดเลยในรอบ 90,000 กิโล

คุณนนท์ เอาคอมพิวเตอร์เสียบรันระบบในตัวรถ ทุกอย่างไม่มีปัญหาใด ๆ จึงทำการล้างระบบดีเซลตามสูตร เพราะรถดีเซลใช้ไปนาน ๆ ควรทำการล้างระบบท่อไอดี DPF และ regenerate EGR ด้วยน้ำยาเฉพาะ เพื่อทำความสะอาดระบบให้การเผาไหม้สมบูรณ์

ทั้งนี้เมื่อถอดท่อไอดีออกมาทำความสะอาด เราจะเข้าถึงท่อน้ำข้างเครื่อง หรือ ในบิลเขียนท่อน้ำข้างท่อไอดี ได้ง่ายมาก แถมเจ้าท่อตัวเล็ก ๆ นี้เป็นพลาสติค มันจะร้าวตามกาลเวลา + ความร้อนในห้องเครื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำรั่วแบบมองไม่เห็น เพราะมันซ่อนอยู่ลึก ถ้ารั่วไม่มาก พอมันหยดไปโดนเครื่องก็จะระเหย ไม่ได้หยดลงพื้น ทำให้หลายคันมีปัญหาน้ำหาย

พอรื้อท่อไอดีถึงขั้นนี้แล้ว คุณนนท์ จึงจัดการเปลี่ยนท่อน้ำข้างเครื่องไปด้วยเลย ตัวละพันกว่าบาท สบายใจไป

ส่วนซีลรอบตัวเครื่องสมบูรณ์ ไม่มีจุดรั่วซึม

ที่ RR Roadrunner ทำรายการไปดังนี้

เปลี่ยนลิ้นไอดี 2,440 บาท
ท่อน้ำข้างท่อไอดี 1,200 บาท
กรองอากาศ 1,000 บาท
น้ำยาล้าง DPF 1,000 บาท
ค่าบริการ 2,000 บาท

รวมเช็คเครื่องทั้งระบบ หมดไปเพียง 7,640 บาท

แล้วผมสั่งกรองห้องโดยสาร หรือ หลายท่านเรียกกรองแอร์ จากวัดโสมฯ มาเปลี่ยนด้วย อีก1,150 บาท

ดังนั้น เจ้า BMW F30 320d คันนี้ผมเก็บงานเครื่อง เกียร์ ช่วงล่างไปเพียง 30,690 บาท

ทั้งนี้ยังไม่เสร็จครับ เพราะโช้คอัพ 4 ตัวไม่ได้เปลี่ยน หากเพื่อน ๆ มาอ่านบทความนี้เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมงบประมาณซ่อม BMW F30 ผมแนะนำให้เตรียมเงินไว้อย่างน้อย 70,000 บาท

คิดง่าย ๆ ครับ หากผมถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ไปด้วยในครั้งนี้ ยอดรวมต้องมี บาท

โช้คสแตนดาร์ทเลือกใช้ Bilstein ราคาตอนนี้ประมาณ 16,000 บาท เบ็ดเสร็จน่าจะจบประมาณ 70,000 บาทครับ ทั้งนี้ ยังไม่รวมยางที่รถมือสองส่วนมากจะหมดอายุ และพวกเราไม่ค่อยได้เตรียมงบเผื่อส่วนยางเอาไว้ครับ

รถคันสีน้ำเงินของผมคันนี้ก็เช่นกัน ยางหมดอายุ ขับแล้วแข็งมาก ถึงมากที่สุด วิ่งขึ้นทางด่วนนี่ร่อนเลย

เดี๋ยวผมเอาไปเปลี่ยนล้อแมก และ โหลดเลยทีเดียว และจะแวะมาเล่าให้ฟังใหม่ในบทความหน้าครับ

ปิดท้ายอีกนิดตรงผมเปลี่ยนฟิล์มใหม่รอบคัน เพราะฟิล์มเก่าหมดสภาพ ขับแล้วร้อนมาก ไม่กันความร้อนเลย

ค่าติดฟิล์ม 4,500 บาท

บทส่งท้าย

ด้วยความที่รถ BMW F30 พื้นฐานรถไมมีอะไรให้เสียมาก ถึงมือผมจึงทำต่ออีกไม่เยอะ จบไปแบบง่าย ๆ สบาย ๆ จุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ BMW F30 ผมเคยทำบทความเอาไว้แล้ว

แต่แถมท้ายให้อีกนิดนึง เวลาซื้อ F30 มือสองมาเล่น ลองเช็คดังนี้

เปิดฝากระโปรง ห้องเครื่องฝั่งซ้ายของเรา (ฝั่งคนขับ) ให้ดูว่าตัวเครื่องมีรอยน้ำมันซึมหรือไม่ หรือ ตัวเครื่องสะอาดผิดปกติ ประมาณเต้นท์ล้างคราบออกหรือเปล่า
ห้องเครื่องฝั่งซ้าย เอาไฟฉายลองส่องดูว่ามีคราบน้ำ คราบตะไคล่เขียว ที่อาจเกิดจากท่อน้ำข้างเครื่องรั่วหรือไม่
เช็คท่อยางหม้อน้ำ สายพาน และ อุปกรณ์ยางในห้องเครื่องยนต์ ว่ายังนิ่มให้ตัวดี ไม่มีรอยแตกร้าว
ลองขับดูว่าเกียร์เปลี่ยนปกติหรือไม่ เข้า D เหยียบเบรกแล้วรถมีอาการสั่นสะท้านหรือเปล่า
สตาร์ทตอนเครื่องเย็นดูว่าสตาร์ทช้ากว่าปกติ หรือ มีเสียงแกร็ก ๆ มั๊ย
ดูปียางครับ ถ้าอายุเกิน 3 ปี ก็ต้องเตรียมงบเอาไว้เปลี่ยนด้วย ถ้าใหม่หน่อยก็สบายตัวไป
ลองขับดู ถนนเป็นลอน รถจะส่าย ๆ หน่อยตามสภาพ แต่เวลาขึ้นคอสะพาน ถ้าช่วงล่างเริ่มไม่ดีแล้ว มันจะโยน และ เด้งมากครับ

เมื่อซื้อมาแล้ว แนะนำเข้าอู่ที่ท่านใช้บริการประจำ หรือ จะไปตามลายแทงในบทความนี้ก็ได้ ฝีมือดีทั้ง 2 อู่

ที่สำคัญ เครื่องดีเซล ให้ช่างเช็คว่าสายพานไทม์มิ่ง หย่อยแล้วหรือยัง เพราะประมาณ 100,000 กิโล น่าจะต้องเปลี่ยนแล้ว อู่ดี ๆ เค้าจะมีเครื่องมือวัด โดยถอดน็อตดันโซ่ออกมา แล้วใส่เครื่องมือเข้าไปแทน ไม่ต้องเปิดฝาสูบใด ๆ ซึ่งในกรณีของผม ช่างก็ถือโอกาสตอนถอดท่อไอดี ห้องเครื่องโล่ง ๆ แล้วถอดน๊อตออกมาวัดเช่นกัน