Benz CLS 250 ซ่อมบำรุงเท่าไหร่ – Project ปั้น W218 Part. 2

ปั้น Mercedes Benz CLS250 ดีเซล W218 วันนี้สรุปเน้น ๆ เช็คเครื่อง ช่วงล่าง เกียร์ เฟืองท้าย และเช็คจุดอ่อนประจำรุ่น ทำให้รถขับสมบูรณ์เหมือนออกป้ายแดงเลย

#Vlogเรื่องรถกับพี่อาร์ต #พี่อาร์ต #MercedesBenz #w218 #CLS250

จาก Part 1 ที่เอาไปเก็บสีกินเวลาไป 7 วัน ก็ไปต่อกันที่ TMS Benz Service อู่ซ่อมเบนซ์หลังวัดโสมนัส ย่านอะไหล่รถยนต์ใจกลางกรุงเทพฯ โดยอู่นี้ เจ้าของอู่เปิดร้านขายอะไหล่ (นำเข้า – ขายส่ง – ขายปลีก) อยู่ก่อนจะมาเปิดอู่ ทำให้เรามั่นใจอะไหล่ว่าดีจริง ไม่มั่ว แถมแนวคิดอู่คือ เน้นลูกค้าระยะยาว ไม่ฟันครั้งเดียวทิ้ง

ท่าน FC เจ้าของรถ มีทำรายการที่อยากให้ตรวจเช็คมาด้วย ดังนั้น เริ่มจากรายการที่ต้องการ ไล่ตั้งแต่ไฟถุงลมนิรภัยเคยโชว์ ข่วงล่างขับแล้วเหมือนมันแข็ง ๆ และ แจ้งว่าคันนี้ขับอย่างเดียว ไม่ค่อยได้บำรุงรักษาเท่าไหร่

ก็เริ่มไล่จากส่วนของเครื่องยนต์ ทำการล้างทำความสะอาดตั้งแต่หัวฉีด, ท่อไอดี, EGR Valve, DPF sensor ที่มีคราบสกปรก และ อุดตันจากเขม่าน้ำมันดีเซล ซึ่งตรงนี้ไม่มีค่าอะไหล่ มีแต่ค่าบริการ และ ค่าน้ำมันเบนซิลทำความสะอาดเท่านั้น ขั้นตอนนี้กินเวลาค่อนข้างเยอะ เพราะไม่ใช่แค่เปลี่ยนอะไหล่ แต่เป็นการรื้อออกมาทำความสะอาด แล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่

จากนั้นก็ไล่เช็คระบบเครื่องยนต์ พบว่าจุดรั่วซึมปกติของ CLS อย่างยางฝาวาล์ว, ยางฐานกรองโซล่า และ ยางอ่างน้ำมันเครื่อง อ่างน้ำมันเกียร์ เสื่อมตามอายุการใช้งาน ก็จัดการเปลี่ยนไป ซึ่งรถคันนี้วิ่งแสนต้น ๆ ดังนั้นเปลี่ยนเฉพาะยาง

ถ้าวิ่งระดับสองแสน ช่างบอกควรเปลี่ยนทั้งฝา เพราะตัวฝาเป็นพลาสติค ใช้นาน ๆ ห้องเครื่องสะสมความร้อน ตัวฝาพลาสติคจะกรอบ หด หรือ ร้าว ดังนั้นใครวิ่งสักสองแสนควรตรวจเช็คพวกฝาพลาสติคต่าง ๆ ในห้องเครื่อง

ล้างหัวฉีดแล้ว ท่อไอดีแล้ว ซีลยางต่าง ๆ แล้ว

ก็ตรวจพวกจุดหมุนในห้องเครื่อง นั่นคือพูเล่หน้าเครื่อง ไม่เสียซะทีเดียว ยังถึงขนาดเสียงดังแต่ดูสภาพน่าจะไม่เกิน 6 เดือน จัดการเปลี่ยนเลยดีกว่า เดี๋ยวไปเสียต่างจังหวัดแล้วจะลำบาก

เลยสั่งเปลี่ยนลูกรอกหน้าเครื่องทั้ง 3 ตัว พร้อมสายพานเครื่องยนต์แท้

จากนั้นก็เช็คระบบหล่อเย็น พวกหม้อน้ำ พัดลม ข้อต่อ ท่อยางต่าง ๆ เบื้องต้นปกติดี ไม่รั่วซึม ไม่พบอะไรที่ควรเปลี่ยนในคราวนี้ ก็ดำเนินการไล่น้ำหม้อน้ำทิ้ง แล้วใส่น้ำใหม่พร้อมน้ำยาหม้อน้ำเบนซ์แท้

ของเหลวถ่ายทิ้งทั้งหมด ใช้น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ กรองน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเกียร์ต่าง ๆ รวมถึงกรูอ่างเกียร์ เป็นของ Benz แท้ทั้งหมด

ตรวจเช็คแบตเตอรี่ติดรถมาตั้งแต่เดือน 9 ปี 2015 แบบนี้ไม่ต้องคิดครับ เปลี่ยนใหม่ไปเลยเพื่อความสบายใจ เป็นแบบ AGM 80Ah เสร็จสรรพ ในส่วนของห้องเครื่องยนต์ ตอนนี้สมบูรณ์เท่าที่จะหาจุดซ่อมเจอ คาดว่าพี่ FC น่าจะใช้ได้อย่างสบายใจ

โดยซ่อม บำรุงเครื่องยนต์ CLS ดีเซล มีค่าใช้จ่าย รวม 34,650 บาท

ค่าบริการล้าง เปลี่ยนอะไหล่ รวม 3,000 บาท
ค่าน้ำมันเบนซิลทำความสะอาด 200 บาท
แหวนรองหัวฉีด 4 ตัว (100 บาท) รวม 400 บาท
ยางฝาครอบวาล์วแท้ 1,450 บาท
ยางรอง 150 บาท
ฐานกรองโซล่าแท้ 1,950 บาท
ลูกรอกตัวตาม (เรียบ) 650 บาท
ลูกรอกตัวตาม (ร่อง) 750 บาท
ลูกรอกตัวตามตัวใหญ่ 950 บาท
สายพานเครื่องยนต์แท้ 2,700 บาท
น้ำยาหม้อน้ำแท้ 2 กระป๋อง (380 บาท) รวม 760 บาท
น้ำมันเครื่อง Benz แท้ 7 ลิตร (550 บาท) รวม 3,850 บาท
ไส้กรองน้ำมันเครื่องแท้ 450 บาท
ยางอ่างน้ำมันเครื่องแท้ 1,350 บาท
น้ำมันเกียร์ Benz แท้ 9 ลิตร (550 บาท) รวม 4,950 บาท
ไส้กรองเกียร์แท้ 1,400 บาท
ยางอ่างเกียร์แท้ 650 บาท
สกรูอ่างเกียร์ 6 ตัว (90 บาท) รวม 540 บาท
ค่าบริการเปลี่ยนของเหลว 1,000 บาท
แบตเตอรี่ AGM 80Ah 7,500 บาท

สำหรับรถวิ่งแสนต้น ๆ ซ่อมบำรุงเครื่องยนต์เท่านี้ผมถือว่าไม่แพงเลยครับ เพราะจริง ๆ ตัว Benz CLS W218 นั้น ตัวเครื่องพื้นฐานไม่จุกจิก ไม่ค่อยมีจุดอ่อนอะไรมาก หากซ่อมบำรุงตามระยะ ใช้กันไปยาว ๆ ได้อย่างสบายใจ

ในส่วนของช่วงล่าง เท่าที่ทดสอบขับมา ผมว่ามันตึงตังกว่าปกติ

สำหรับ CLS เป็นรถที่ออกแนวสปอร์ตนิด ๆ ดังนั้นผมว่าช่วงล่างจะเฟิมกว่าพวก E Class ขับสนุก แต่มันไม่ควรตึงตังขนาดนี้ พี่ FC เจ้าของรถก็บ่นว่ามันขับแล้วไม่เหมือนเบนซ์

พอรื้อออกมาเท่านั้น ร้องโอ้โห รถคันนี้ใช้คุ้มจริง ๆ เพราะรายการเปลี่ยนช่วงล่างนี่ชุดใหญ่ไฟกระพริบกันเลยทีเดียว

ไล่ตั้งแต่บูชปีกนกที่เปลี่ยนเฉพาะบูชได้ ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งปีกนกเหมือน W221 “คุณนับทอง” ของผม ไล่เปลี่ยนยันลูกหมากกันโคลงหน้า

ยางเหล็กกันโคลงก็ขาด ตามกาลเวลา แต่ Benz ไม่มียางแยกขาย ถามว่าหาเทียบยางของปลอมใส่ได้มั๊ย หาได้ครับ แต่เค้าขายเหล็กกันโคลงทั้งเส้น ราคา 8,500 บาท จึงตัดสินใจเปลี่ยนยกเส้นเพื่อความเพอเฟกต์

ที่แปลกใจที่สุดสำหรับคันนี้คือ โช้คอัพทั้ง 4 ตัวพังเรียบ อาการคือ กดลงสุดแล้วไม่คืนตัว แบบนี้เวลาขับถึงได้รู้สึกว่ารถมันตึงตังผิดปกติ

เจ้าโช้คคู่หน้าน้ำมันซึมเห็นตั้งแต่ยกรถขึ้นดู ส่วนคู่หลังดูเหมือนไม่เป็นไร แต่พอถอดออกมาก็เรียบร้อยครับ กดแล้วไม่คืนตัว

อ้อบอกก่อนสำหรับคนไม่เข้าใจ โช้คของเบนซ์เป็นโช้คแก๊ซ กดแล้วต้องคืนตัว และเจ้าโช้คนี้เป็นตัวคุมสปริง ถ้าโช้คไม่มีแรง รถจะเด้งดึ๋ง ๆ เพราะคุมสปริงไม่อยู่ ถ้าโช้คแข็งเกินไป รถจะสะเทือน

เดิมติดรถมาเป็นยี่ห้อ SACHS ผลิตให้ ผมตัดสินใจเบิก SACHS ให้เหมือนเดิม โดยเค้าขายโช้คเฉย ๆ ส่วนประกอบต่าง ๆ ต้องเบิกเพิ่ม คือ ลูกปืนเบ้าโช้คอัพ, ยางก้นกระแทก และ ยางกันฝุ่น

ช่วงล่างซ่อมไปชุดใหญ่ รวม 49,100 บาท

โช้คอัพหน้า SACHS 2 ตัว รวม 9,500 บาท
โช้คอัพหลัง SACHS 2 ตัว รวม 9,000 บาท
ลูกปืนเบ้าโช้คอัพหน้า ZF 2 ตัว (550 บาท) รวม 1,100 บาท
ยางกันกระแทก + ยางกันฝุ่นโช้คอัพหน้า 2 ชุด (800 บาท) รวม 1,600 บาท
ยางกันกระแทก + ยางกันฝุ่นโช้คอัพหลัง 2 ชุด (700 บาท) รวม 1,400 บาท
ค่าบริการเปลี่ยนโช้คอัพหน้า-หลัง 2,000 บาท
ลูกหมากกันโคลงหน้า ซ้าย-ขวา แท้ (1,750 บาท) รวม 3,500 บาท
เหล็กกันโคลงหน้าแท้ 8,500 บาท
บูชปีกนกล่างเหล็ก 2 อัน (950 บาท) รวม 1,900 บาท
บูชปีกนกล่างอลูมิเนียม 2 อัน (1,850 บาท) รวม 3,700 บาท
สกรูตั้งศูนย์ล้อ 2 ชุด (1,150 บาท) รวม 2,300 บาท
ค่าบริการซ่อมบำรุงช่วงล่าง 2,000 บาท
ค่าตั้งศูนย์ 1,200 บาท (บางพลัดศูนย์ล้อ)
ค่าปรับ Camber 1,400 บาท (บางพลัดศูนย์ล้อ)

จากรายการจะเห็นค่าตั้งศูนย์ กับ ค่าปรับ Camber แยกรายการออกมา เนื่องจาก ผมเน้นอู่ว่ารถ FC คันนี้อยู่ต่างจังหวัด ขอเน้น ๆ

พอเปลี่ยนข่วงล่างยกชุด ต้องตั้งศูนย์ล้อใหม่ เค้าเลยช่วยเป็นธุระขับไปตั้งให้ที่ “บางพลัดศูนย์ล้อ” ที่คนเล่นรถรู้จักกันดี เอารถไปทิ้งไว้ 8 โมงเช้า บ่าย ๆ ถึงจะรับรถได้

ถามว่าจำเป็นตัองไปถึงที่นั้นมั๊ย ไม่จำเป็นครับ แต่แถววัดโสมไม่มีร้านตั้งศูนย์ที่คุ้นเคย

ถามว่าแพงมั๊ย แพงตามสภาพ + ฝีมือครับ

ถามว่าจบมั๊ย จบครับ

แต่ผมบอกอู่เค้าไปแล้วว่า ผมเกรงใจ คราวหน้าผมเอาไปตั้งเอง เพราะปกติเวลาผมยกช่วงล่างทั้งระบบ จะเอาไปตั้งที่ “สนามเป้าศูนย์ล้อ” นั่งรพสอง สาม ชั่วโมงเสร็จ

พอตั้งศูนย์เสร็จ ล้างรถ ผมก็เตรียมขับกลับบ้าน อ้าว งานงอก

เกิดอาการพวงมาลัยหนัก ไฟโชว์ พอเสียบคอมฯ แจ้งว่ามอเตอร์แรกไฟฟ้าเสีย ซึ่งนี่เป็น อาการประจำรุ่นของ W218 เลยครับ เป็นเกือบทุกคัน

ผมบอกช่างว่านี่รถ FC ส่งมาปั้น ยังไงดูแลหน่อยนะ ช่างดี ๆ ที่ TMS Benz Service เลยไปวิ่งหายืมมอเตอร์แรคไฟฟ้าตัวนี้มาลองใส่เพื่อทดสอบว่ามันเสียจริงมั๊ย เพราะตัวนี้มันแพง สรุปเทสแล้วมอเตอร์ไม่เสียครับ แต่ไฟไม่จ่ายเข้ามอเตอร์

จัดการไล่สายไฟอยู่ 3 วัน เจอสายไฟกล่อง CAN ที่ขาดใน เลยทำการ wiring ในส่วนนี้ให้ใหม่ ผลก็คือ หายเป็นปลิดทิ้ง เรียกว่าอู่ทำเต็มที่จริง ๆ เพราะรถคาฮ้อยอยู่ 4 วัน เกะกะมาก ๆ รถคันอื่นทำอะไรไม่ได้เลย

เสียค่าบริการไปแค่ 3,000 บาท

บอกตรง ๆ ถ้าเป็นอู่มั่ว ๆ ก็จะจับเปลี่ยนมอเตอร์แรคไฟฟ้าอันละสามหมื่นกว่าบาทไปซึ่งไม่ผิดอะไร เพราะในระบบแจ้งว่ามันเสีย ที่นี้ เปลี่ยนแล้วไม่หายก็ไม่กล้าบอกหรอก แค่ไล่สายจนเจอว่าสายไฟขาด แล้วก็คิดค่าไล่สายเพิ่มไป คงโดนไปเฉียดครึ่งแสน ทั้ง ๆ ที่ของไม่เสีย

ระบบแอร์ เย็นปกติ ไม่มีปัญหาอะไร จึงเพียงเปลี่ยนไส้กรองแอร์ใหม่ ใช้ของ Mahle คุณภาพสูงที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับการดับกลิ่นในรถยนต์ ราคา 950 บาท

ปิดท้ายด้วยยางปัดน้ำฝน Bosch คู่หน้า อู่แถมให้ เพราะตีบิล จ่ายเงินไปแล้ว เพิ่งนึกได้ว่าลืมเปลี่ยนยางปัดน้ำฝน เลยแถมให้ซะเลย (ราคาคู่ละพันกว่าบาท) ขอบคุณมากครับ

สรุปงวดนี้ Mercedes Benz CLS250 W218 คันนี้ จบระบบทั้งหมดไปที่ 87,700 บาท

ซึ่งคุณพี่ FC บอกรถคันนี้คุ้มมาก ใช้อย่างเดียว ไม่ค่อยได้ดูแลอะไรเลย เปลี่ยนแต่น้ำมันเครื่อง กรองอากาศเป็นหลัก แถมจริง ๆ อาการพวงมาลัยหนักไฟโชว์เคยเกิดทีนึงแล้ว พอเอาเข้าอู่ดันหาย ดีนะคราวนี้จบเรื่องนี้เสียที

สิริรวมใช้เวลาไป 14 วันเน้น ๆ ได้ผลงานที่พึงพอใจ และพี่ FC บอกไม่แพงครับ วิ่งแสนกว่า ซ่อมแค่นี้คุ้มมากเลย โดยเฉพาะค่าแก้พวงมาลัยหนักแค่ 3,000 บาท ไม่โดนหลอกฟันเปลี่ยนมอเตอร์ฟรี ๆ ทั้ง ๆ ที่มันไม่เสีย

อาการประจำรุ่นของ W218

แรคไฟฟ้า – มอเตอร์แรคไฟฟ้า ชอบเสีย แต่ควรให้ช่างเช็คก่อนเบิกอะไหล่ว่าเสียจริง หรือ แค่ไฟไม่เข้าระบบ
ซีลย่างต่าง ๆ ในเครื่องยนต์เสียหายเนื่องจากความร้อนสะสมในห้องเครื่องระบบดีเซล
ระบบหัวฉีด ท่ออากาศ สกปรก ควรถอดมาทำความสะอาดรวมไปถึง อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเช่น DPF, EGR และ ท่อแคทฯ

ใครใช้เบนซ์รุ่นใด ๆ จะตามรอยไปซ่อมอู่ดี ๆ ไว้ใจได้ ก็ลองไปดูได้ครับ

TMS Benz Service

โทร 085-988-5515

Google Map >>> คลิ๊กเลย หรือ เสิชชื่อ ที เอ็ม เอส เบ๊นซ์เซอร์วิส