iPhone 12 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธรรมดา และกลุ่มโปร ที่สเปคความแรง และกล้องไม่ต่างกัน เลือกง่ายตามขนาดหน้าจอที่ชอบ
วางจำหน่ายเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก ขายเดือนตุลา คือ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ส่วนกลุ่มที่ 2 ขายเดือน พย. คือ iPhone 12 mini และ iPhone 12 Pro Max สเปคเป็นยังไง จะจองรุ่นไหน เข้ามาดูกัน
#iPhone12 #Specs #พี่อาร์ต
สำหรับ iPhone ปีนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มเหมือนเคย คือ กลุ่มธรรมดา และ กลุ่มโปร โดยกลุ่มธรรมดาคือ iPhone 12 Mini และ iPhone 12 ซึ่งเลือกง่ายมาก เพราะมีสเปคเหมือนกันเกือบทุกอย่าง รวมไปถึงชุดกล้องหน้า และ กล้องหลังด้วย
จะต่างกันก็แค่ขนาดตัวเครื่อง แบตเตอรี่ (ที่ยังไม่เปิดเผยความจุ) และ ขนาดหน้าจอ พร้อมความละเอียดที่ต่างกันเล็กน้อยตามขนาดหน้าจอ แต่ความคมชัดเท่ากัน
สเปค iPhone 12 Mini
- ขนาดตัวเครื่อง 131.5 x 64.2 x 7.4 มม
- น้ำหนัก 135 กรัม
- กันน้ำ-กันฝุ่น IP68
- หน้าจอ OLED 5.4 นิ้ว Super Retina XDR ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล, 476ppi รองรับ HDR ความสว่างสูงสุด 1,200 nits
- ซีพียู A14 Bionic 5 นาโนฯ
- ความจุมีให้เลือก 64, 128 และ 256GB
- กล้องด้านหลัง 2 ตัว
- เลนส์ Wide 12 ล้านฯ f/2.2, 23mm, 1/3.6″
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านฯ f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องหน้า 12 ล้านฯ f/2.2, 23mm, 1/3.6″
- รองรับ 5G แบบ adaptive ที่ปรับความเร็วตามการใช้งาน
- รองรับ 2 SIM Nano‑SIM + eSIM
- รองรับ MagSafe ชาร์จไร้สาย Qi 15 วัตต์ (50% ใน 30 นาที)
- มี 5 สี คือ ดำ, ขาว, แดง, เขียว และ น้ำเงิน
- พร้อมวางขาย 13 พย 63
สรุปสเปค iPhone 12
- ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.4 มม
- น้ำหนัก 164 กรัม
- กันน้ำ-กันฝุ่น IP68
- หน้าจอ OLED 6.1 นิ้ว Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล, 460ppi รองรับ HDR ความสว่างสูงสุด 1,200 nits
- ซีพียู A14 Bionic 5 นาโนฯ
- ความจุมีให้เลือก 64, 128 และ 256GB
- กล้องหลัง 2 ตัว
- เลนส์ Wide 12 ล้านฯ f/2.2, 23mm, 1/3.6″
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านฯ f/2.4 มุมกว้าง 120 องศา
- กล้องหน้า 12 ล้านฯ f/2.2, 23mm, 1/3.6″
- รองรับ 5G แบบ adaptive ที่ปรับความเร็วตามการใช้งาน
- รองรับ 2 SIM Nano‑SIM + eSIM
- รองรับ MagSafe ชาร์จไร้สาย Qi 15 วัตต์ (50% ใน 30 นาที)
- วางจำหน่าย 4 สี คือ เงิน, กราไฟต์, ทอง และ แปซิฟิกบลู
- พร้อมวางขาย 23 ตุลาคม 63
กลุ่ม Pro จะมี 2 รุ่น ที่สเปค และฟีเจอร์การใช้งานโดยรวมเหมือนจะต่างกันแค่ขนาดตัวเครื่อง แบตเตอรี่ (ที่ยังไม่เปิดเผยความจุ) และ ขนาดหน้าจอ พร้อมความละเอียดที่ต่างกันเล็กน้อยตามขนาดหน้าจอ แต่ความคมชัดเท่ากัน
แต่หากมองใสส่วนกล้องจะพบว่าต่างกันมาก “อย่างเป็นสาระสำคัญ” ทีเดียว เพราะ iPhone 12 Pro Max จะใช้เซนเซอร์หลักที่มีขนาดเม็ดพิกเซลที่ 1.7 ไมครอน พร้อมเทคโนโลยี Sensor Shift หรือ ระบบกันการสั่นไหวบนเซนเซอร์ ซึ่งคนเล่นกล้องน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นฟีเจอร์ของกล้องถ่ายรูปนั่นเอง
มองมาที่ iPhone 12 Pro กลับได้เซนเซอร์หลักที่มีขนาดเม็ดพิกเซล 1.4 ไมครอน ที่เล็กกว่า แถมไม่มีระบบกันสั่นบนเซนเซอร์ด้วย อย่างไรก็ตาม ขนาดเม็ดพิกเซล รอยืนยันอีกครั้งครับ
สเปค iPhone 12 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.4 มม
- น้ำหนัก 189 กรัม
- กันน้ำ-กันฝุ่น IP68
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 1,200 nits
- ซีพียู A14 Bionic
- ความจุมีให้เลือก 128, 256 และ 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว + LiDAR
- เลนส์ Wide 12 ล้านฯ f/1.6, 26mm, 1.4µm, dual pixel PDAF, OIS ถ่าย 4K 10bit
- เลนส์ Ultra Wide 12 ล้านฯ f/2.4, 13mm, 1/3.6″ 120˚
- เลนส์ Telephoto12 ล้านฯ f/2.0, 52mm 1/3.4″, 1.0µm, PDAF, OIS, 2x optical zoom
- กล้องหน้า 12 ล้านฯ f/2.2, 23mm 1/3.6″
- รองรับ 5G แบบ adaptive ที่ปรับความเร็วตามการใช้งาน
- รองรับ 2 SIM Nano‑SIM + eSIM
- รองรับ MagSafe ชาร์จไร้สาย Qi 15 วัตต์ (50% ใน 30 นาที)
- วางจำหน่าย 4 สี คือ เงิน, กราไฟต์, ทอง และ แปซิฟิกบลู
- พร้อมวางขาย 23 ตุลาคม 63
สเปค iPhone 12 Pro Max
- ขนาดตัวเครื่อง 160.8 x 78.1 x 7.4 มม
- น้ำหนัก 228 กรัม
- กันน้ำ-กันฝุ่น IP68
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว Super Retina XDR ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 1,200 nits
- ซีพียู A14 Bionic
- ความจุมีให้เลือก 128, 256 และ 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว + LiDAR
- เลนส์ Wide 12 ล้านฯ f/1.6, 26mm, 1.7µm, dual pixel PDAF, กันสั่นบนเซนเซอร์ Sensor Shift ถ่าย 4K 10bit
- เลนส์ Ultra Wide 12 ล้านฯ f/2.4, 120˚, 13mm 1/3.6″
- เลนส์ Telephoto 12 ล้านฯ f/2.0, 65mm 1/3.4″, 1.0µm, PDAF, OIS, 2.5x optical zoom
- กล้องหน้า 12 ล้านฯ f/2.2, 23mm 1/3.6″
- รองรับ 5G แบบ adaptive ที่ปรับความเร็วตามการใช้งาน
- รองรับ 2 SIM Nano‑SIM + eSIM
- รองรับ MagSafe ชาร์จไร้สาย Qi 15 วัตต์ (50% ใน 30 นาที)
- วางจำหน่าย 4 สี คือ เงิน, กราไฟต์, ทอง และ แปซิฟิกบลู
- พร้อมวางขาย 13 พย. 63
เป็นไงบ้างครับ รุ่นไหนโดนใจกันบ้าง ส่วนราคาในประเทศไทย คาดการณ์จากราคาต่างประเทศ น่าจะไม่ต่างกับ iPhone 11 ในปีก่อนมากนัก ยังไงรอราคาอย่างเป็นทางการอีกทีนึงแล้วจะมาอัพเดทให้ฟัง
สำหรับผม ปีนี้เลือกง่ายดี ไม่กั๊กสเปคเหมือนเมื่อก่อน ชอบขนาดไหน เลือกเอาตามใจ เพราะสเปคอื่น ๆ เหมือนกันหมดเลย เยี่ยมครับ
________________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart
l
i