จากวันนั้น ถึงวันนี้ บีบี เดินทางมาอย่างไร ใครจำกันได้บ้าง
#BlackBerryClubThailand #พี่อาร์ตรีวิว
หลายท่านในเพจนี้คงรู้จักผมในฐานะ พ่อบ้าน Omnia / Samsung i900 และ อีกหลายท่านรู้จักผมในฐานะ BlackBerry Club Thailand ผู้ปรุงรอม และ ปล่อยวิธีใส่ภาษาไทยให้ บีบี เครื่องเก่งเมื่อเกือบสิบปีก่อน
จากข่าว BlackBerry แยกทางกับ TCL ผู้สร้างสรร BlackBerry KeyOne, Key2 รวมไปถึงซีรียส์ Dtek ที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2020 นี้ และ รับประกันสินค้า พร้อมมีบริการหลังการขายไปจนถึง 31 สิงหาคม 2022 นั้น วันนี้เลยติดลมเอาความหลังมาเล่าให้ฟัง
ยุคหิน
จุดเริ่มต้นของ BlackBerry ที่สร้างให้บริษัทยืนอย่างเข้มแข็งในยุคนั้นคือ ผู้ให้บริการอีเมลองค์กร ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงใน ในช่วงที่ email ยังสร้างความรู้สึกไม่คุ้นเคยกับคนทั่วไปที่ไม่ได้ทำงานบริษัทใหญ่ ๆ
คนทั่วไปเพิ่งเริ่มเปลี่ยนจาก Telex มาเป็น Fax ในเป็นยุคที่ราคาเครื่อง Fax ถูกมาก ๆ จนมีใช้กันทุกบ้าน ในขณะที่อินเตอร์เน็ตยังเป็น 52kbp ต่อสัญญาณผ่านสายโทรศัพท์ ตุ๊ด ๆ ๆ ตรู๊ดดด ทำให้ email เป็นเรื่องไกลตัวตลาดผู้บริโภคจากนั้นต่อยอดธุรกิจมาสร้างสมาร์ทโฟนที่รองรับ email องค์กรเต็มรูปแบบ เพื่อสนองความต้องการองค์กรที่ใช้ระบบของ RIM หรือ บริษัทที่สนใจ
ยุคนั้นยังใช้โลโก้ RIM บนตัวเครื่องอยู่ และ มีเพียงองค์การใหญ่ ๆ ระดับโลกเท่านั้นที่จะมีระบบอีเมล์ที่มีความปลอดภัยดีที่สุดในโลกมาใช้ คนทั่วไปอย่าได้ฝันเลย ดังนั้น DNA ของ RIM คือ ลูกค้าองค์กรเป็นหลัก
เทคโนโลยีสมัยนั้นก็เป็นพวก Palm, Pocket PC และ Symbian ที่เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัว เป็นยุคที่ Android ยังไม่เกิด iPhone ยังไม่มี สมาร์ทโฟนทั่วไปจะอ่านเมลล์ หรือเข้าเวปผ่าน EDGE ที่แสนจะช้า แต่ BlackBerry ทำได้ดีกว่าในทุก ๆ แง่ เพราะใช้ช่องทางสัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นของตัวเอง ทำให้ email เร็วที่สุดในโลก เล่นเน็ตเข้าเวปได้อย่างเทพ แถมเ
ยุครุ่งเรือง
ประเทศอื่นเป็นอย่างไรไม่กล้าโม้ แต่ประเทศไทยนั้น มันดังเป็นพลุแตกเพราะมันเป็นสมาร์ทโฟน ที่มาพร้อมกับ BBM หรือ แอพฯ แชต ที่เร็วที่สุดในปฐพี มี email ชั้นยอด และแอพฯ รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างครบครัน
นอกจากนี้ ยังสามารถเล่นสนุก หรือ Custom เปลี่ยนบอดี้ เอย Track ball เอย รวมถึง มีรอมปรุงจากพ่อบ้านอาร์ต ปล่อยออกมามากมาย และด้วยมันเป็นสมาร์ทโฟนที่มีระบบปฏิบัติการค่อนข้างนิ่ง ในขณะที่ Android ยังเพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัว และ iPhone ที่มีข้อจำกัดมากมาย ทำอะไรได้น้อยมาก ๆ BlackBerry หรือ บีบี จึงมาถึงยุครุ่งเรืองสุดขีดกับวลี
“น้อง ๆ ขอพินหน่อย”
จากนั้น RIM ก็มาตั้งบริษัทในไทย เพื่อลุยตลาด ทั้งโปรโมชั่นผ่าน AIS, True, Dtac ตั้งศูนย์รับซ่อมสินค้า มีพันธมิตรมากมาย นอกจากนั้นยังมองไปถึงกลุ่มนักพัฒนาแอพฯ คนไทยจนมีแอพฯ เจ๋ง ๆ จากนักพัฒนาไทยออกมาเพียบ อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น BlackBerry Developer Conference ที่ศูนย์สิริกิตติ์ และ BlackBerry Hackathon เรียกว่าผลักดัน บีบี ไปถึงจุดสูงสุดในตลาดจากทุกมุม ในขณะที่ Android และ iPhone ยังตั้งหลักกันอยู่
จากนั้น Research In Motion ก็ออกระบบปฏิบัติการ BB10 ที่เป็นความหวังว่าจะนำพา แบล็คเบอรี่ ไปสู่ยุคที่ต้องต่อสู้กับ Android และ iOS ได้ด้วยฟีเจอร์ และ ฟังค์ชั่นที่ล้ำยุคที่สุดในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็น App Cascade, ระบบการเดาคำขั้นเทพ ตวัดขึ้นเพื่อเลือกคำที่ระบบเดามาให้อย่างแม่นยำ, การควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ ในระยะไกล และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงเครื่องมือพัฒนาแอพฯ ที่ทำให้ใคร ๆ ก็ออกแอพฯ สำหรับ BB10 ได้
ยุคล่มสลาย
จริง ๆ ไม่ชอบใช้คำนี้ เพราะผมไม่อยากให้มันถึงจุดจบ เรายังรักในปุ่มกดอยู่ แต่ความเป็นจริงมันก็ล่มนั้นแหละ 555
เหตุเกิดจากผู้บริหารที่เติบโตมากับลูกค้าองค์กรเป็นหลัก นิสัยยังคงมองตลาดแบบองค์กร ตัดสินใจผิดพลาด ส่งผลให้ BlackBerry ผิดที่ผิดทาง และ ปล่อยให้ Android ที่ตอนนั้นเริ่มแข็งเพราะได้ Samsung เป็นหัวหอกสำคัญ ประกอบกับ iPhone เริ่มมาถึงจุดที่ iOS ลงตัว ทำอะไรได้มากขึ้น สามารถ Copy/Paste ได้แล้ว เย้
ทำให้อะไรที่ BlackBerry ทำได้ Android กับ iPhone ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ในทางกลับกันสิ่งที่ Android กับ iPhone แข่งกันเด่น BlackBerry กลับทำไม่ได้ดีสักอย่าง
ผมจำได้ว่าในฐานะ BlackBerry Developer Manager ประจำประเทศไทย เคยแจ้งไปหลายครั้งแล้วว่า LINE จะมา ฆ่า BBM และจะทำให้ บีบี ตาย เพราะคนไทยใช้ BlackBerry ก็แค่ Chat เท่านั้น อีเมลล์ สมัยนั้นไม่ใช่จุดขายหลัก รวมถึงต้องพัฒนากล้องให้ดีกว่านี้ แต่ผู้บริหารฝั่งแคนนาดา ไม่สนใจ เพราะไม่รู้จัก LINE รู้จักแต่ Whatsapp ซึ่งเค้ามองว่าคนละชั้นกัน กว่าจะตาสว่างเอา BBM มาลง Android กับ iPhone ก็โดน disrupt ด้วยแอพฯ LINE ไปเรียบร้อยแล้ว (ในไทยนะ) และก็ล้มลงอย่างต่อเนื่อง
แม้จะมี BB10 ล้ำ ๆ แต่ต้องมาตกม้าตายตรงสเปคไปไม่สุด ทั้ง Android กับ iOS เค้าแข่งสเปคกันว่าใครแรงกกว่า ใครให้แรมเยอะกว่า หน้าจอใครสวยกว่า ขณะที่ BlackBerry ปล่อยมือถือราคาเรือธง แต่สเปคแค่รุ่นกลางของ Android เท่านั้น
เพราะผู้บริหารคงมองว่าสเปคแค่นั้นก็พอแล้ว ลูกค้าบีบี ไม่เน้นเล่นเกมส์ ซึ่งเป็นมุมมองของคน “องค์กร” ลืมคิดไปว่ายุคนั้นคุณต้องสู้กับ Samsung และ iPhone ในตลาดผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ส่งเซลไปขาย license ให้กับองค์กร ประกอบกับการพัฒนา BB10 นั้นมาช้าไปนิด ทำให้ทุกอย่างสะดุดไปหมด หลายองค์กรในอเมริกา และ ยุโรปย้ายไปใช้ iPhone เป็นเครื่องบริษัทแทน บีบี ทีนี้ องค์กรก็ไม่ได้ ตลาดผู้บริโภคก็ไม่ได้ จบเลย
ฐานลูกค้าเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน เหล่าบรรดาสาวกที่ยังรักแบรนด์ และ ปุ่มกด QWERTY keyboard ก็ค่อย ๆ ถอดใจ
ไม่เพียงแต่ปัจจัยภายในเท่านั้น แต่ปัจจัยภายนอกที่ แบล็คเบอรี่ โดนรุมกระหน่ำ ทั้งที่อเมริกาขอ Key ในการถอดรหัสข้อมูลของ email ที่ส่งผ่านระบบ BlackBerry ตามนโยบายสหรัฐในการสอดส่องป้องกันการก่อการ้าย แต่ RIM ไม่สามารถให้ได้ เพราะ Key ไม่ได้อยู่ที่ RIM แต่อยู่ที่ระบบต้นทาง ของแต่ละเครื่องที่ไม่สามารถแฮกได้ อันเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูง ทีนี้เลยโดนอเมริกา และ พันธมิตรถล่ม ทุกอย่างที่ไม่ดี บีบี มีส่วนหมด
ตั้งแต่การประท้วงในลอนดอน ที่เค้าใช้ BBM ในการนัดชุมนุม ก็โดนรัฐบาลอังกฤษกล่าวหาว่าเป็นตัวการให้เกิดความรุนแรง ทาง UAE กับ ซาอุดิอารเบีย ก็แบนการใช้ BlackBerry Message ด้วยสาเหตุของความปลอดภัย (เพราะเค้าแฮก และ เช็คข้อมูลไม่ได้) เรียกได้ว่า เอาจุดแข็งของ บีบี มาพลิกคำเล็กน้อย จากที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว กระแสยิ่งทำให้ BlackBerry ล่มสลายเร็วจนไม่มีเวลาแก้ไข
แล้วก็สู่ยุครุ่งเรืองของ Google ที่ทำให้ email และ Google service เป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษยชาติ รวมถึงกระแสของ iPhone ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดการ
ยุคที่ยัง งง ๆ
จากยุครุ่งเรือง สู่ยุคล่มสลาย แต่ยังไม่แตกดับ กลับก้าวมาอยู่ในยุค งง ๆ เพราะไปต่อไม่ถูก ทำอะไรผิดพลาดมากมาย จนท้ายสุด licensing ไปให้ TCL แต่กลับทำออกมาไม่ดี เพราะยังคงคอนเซปต์ สเปคระดับกลาง ทั้งหน้าจอ และ โทนสีของกล้อง ให้ฟิลลิ่งเครื่องจีนมาก ๆ
บีบี เรือธงเครื่องละสองหมื่นกว่า กลับได้สเปคระดับกลาง กล้องถ่ายสวยนะแต่ไม่เด่นว้าวเหมือนคู่แข่ง ที่สำคัญมีปัญหาความร้อนเพราะ 3G 4G อันน่าจะเป็นปัญหาที่ชิพเซ็ต ทำให้เส้นทางของ บีบี ยิ่ง งง หลงทางกันไป
ตอนนี้ TCL ไม่ได้ไปต่อ คงต้องรอดูว่า Research In Motion เจ้าของแบรนด์ BlackBerry จะเอายังไงต่อ?
ส่วนตัวผมอยากเห็น BlackBerry ที่มี QWERTY จอไม่โค้ง ใช้ Snapdragon 855+ แรม 8 กิ๊ก เพิ่มเมมฯ ได้ กล้อง 12 ล้านฯ สวย ๆ มี Ultrawide บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มาตอบโจทย์คนรักปุ่มบ้าง เพราะตั้งแต่หันมาใช้ระบบ Android ยังไม่เห็นบีบีเสปคเทพสักตัวเลย เห้ออออ
มือถือปุ่มเยอะอาจกลับมาได้ เพราะขนาดมือถือฝาพับยังกลับมาแล้ว 555
_________________________________________________
ฝากกดติดตามเพจ www.facebook.com/xenonartpage
และ ช่องยูทูปเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
https://www.youtube.com/user/artxenonart