จากรีวิวเดิมที่เคยปั่นไปเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้มาอัพเดทสาระการเตรียมตัวไปเที่ยวฮ่องกง ฉบับปี 2019 ต้อนรับสงกรานต์

โดยรีวิวนี้จะขอเน้นคนที่ไปเที่ยวกับครอบครัว หอบลูก จูงเมียไปเป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้วข้อมูลสามารถใช้ได้กับนักเที่ยวทุกกลุ่ม

1 แลกเงิน ฮ่องกง 

ฮ่องกงใช้เงินสกุล HK$ หรือ ฮ่องกงดอลล่าห์ โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1 เหรียญฮ่องกง = 4.3 บาท

แลกเงินกับ Super Rich ทั้งสีส้ม และ สีเขียว ได้ราคาถูกกว่าแลกธนาคาร ตอนไปแลกเตรียมบัตรประชาชน หรือ passport ไปด้วย

แล้วควรแลกเงินสดไปเท่าไหร่

  • สายลุยเองไม่ง้อทัวร์ นั่งรถไฟใต้ดิน ตามรอยเส้นทางไหว้พระ และ ท่องเที่ยวทั่วไป วันนึง ควรมี 250 HK$
    / คน
  • สายครอบครัวแท๊กซี่อย่างพี่อาร์ต กินถูกจ่ายสด กินแพงรูดการ์ด วันนึงควรมี 400 HK$
    / คน
  • สายไปกับทัวร์ เตรียมแค่เงินช๊อปปิ้ง ถ้าไม่ช๊อปเลยน่าจะมีติดตัวไว้ซื้อของทานเล่น ช๊อป 7-11 และ ของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ วันนึงควรมี 100 HK$ / คน

โดยเงินสดทั้งหมดที่กล่าวมาเป็น “ขั้นต่ำ” ที่ควรมี แต่หากกลัวว่าจะเหลือ ก็เตรียมเงินไทยไปด้วย เพราะหากคุณตามรอยพี่อาร์ตพาลูกไปเที่ยว คุณจะต้องไปช๊อปตึกของเล่น Int’s Point แถว Yau Ma Tei และ ในตึกนั้นชั้น 2 มีร้านแลกเงินที่เรทดีพอ ๆ กับ Super Rich เลย พักหลังผมไปฮ่องกง 2 วันติดตัวไปแค่ 500 HK$ เน้นรูดการ์ดเก็บคะแนน หากจะซื้อของเล่นย่าน Yau Ma Tei หรือ Mongkok ก็จะแลกเงินที่ร้านนี้แหละครับ

ลิ้งค์เช็คอัตราแลกเปลี่ยน

ตัวอย่างอัตราแลกเงินที่ร้านแลกเงินตึก Int’s Point วันที่ 8 มีนาคา 2562 ซึ่งวันนั้นถ้าจำไม่ผิด Super Rich ส้ม จะอยู่ราคา 4.07 บาท ต่อ 1 HK$


หากเงินหมด สามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ที่ฮ่องกงได้ทันที เพราะบัตร ATE เราปัจจุบันเป็น แบบใหม่ที่เป็น Visa หรือ แบบ Global ATM เกือบทุกใบ ทุกตู้มีเมนูภาษาอังกฤษครบ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง หากกดไม่ได้เค้าก็ไม่ได้ยึดบัตรแต่อย่างใด

2 สภาพอากาศ

หากเป็นช่วงเด็กไทยปิดเทอมแรก ๆ เดือนมีนาคม ฮ่องกง ก็จะเย็นสบายกว่าบ้านเราหน่อย ย่างเข้าช่วงสงกรานต์ จะเริ่มร้อนขึ้นแต่ถือว่าสบายกว่าบ้านเรา ส่วนช่วงเดือนมิถุนายนที่เด็กอินเตอร์ปิดเทอม จะเริ่มเป็นหน้าฝน ยิ่งเดือนกรกฎาคมที่เค้าเซลทั่วเกาะฮ่องกงนั้น พายุกระหน่ำเลยทีเดียว

เพื่อความขัวร์เช็คอีกทีก่อนแพ๊กกระเป๋า ผ่านแอพฯ มือถือง่ายมาก ทั้งใน iPhone และ แอนดรอยด์ แต่หากอยากได้แม่นเป๊ะ แนะนำเวปกรมอุตุของฮ่องกง เช็คได้ล่วงหน้าได้ 9 วัน

http://www.weather.gov.hk/wxinfo/currwx/fnd.htm

3. เสื้อผ้า และ ไอเท่มต่าง ๆ

เมื่อเรารู้อากาศแล้ว ก็เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม โดยคนฮ่องกงจะแต่งตัวคล้าย ๆ คนไทย เพียงแต่จะแฟชั่นมากกว่านิดนึง และนิยมใส่รองเท้าผ้าใบ / Sneaker รุ่นใหม่ ๆ ล้ำ ๆ ที่นี่ใส่กันทั่วเมือง

หากพาลูก ๆ ไปเที่ยวช่วงหน้าฝน แนะนำเสื้อกันฝนจะดีกว่าร่ม เพราะมือเราจะได้ว่างจูงลูก ไม่หลงกัน หากนำรถเข็นไปก็เอาถุงกันฝนติดไปด้วย

มาเที่ยวที่นี่เดินหนักมาก ดังนั้นควรหารองเท้าที่เดินสบายที่สุด ทั้งเด็ก และ ผู้ใหญ่

ไอเท่มที่ครอบครัวควรมี

  1. ทิชชู่ กระดาษเปียกแบบทิ้งชักโครกได้คงไม่ต้องบอก นักเที่ยวสายครอบครัวรู้กันอยู่แล้ว 7-11 ที่ฮ่องกงมีมากมาย สามารถมาหาซื้อที่นี่ก็ได้ แต่ผมมักจะพกมาเอง ไม่เสียเวลาไปซื้อ
  2. หูฟังสำหรับเด็กไปสักอันนึง เวลาลูกงอแง แล้วเราจำเป็นต้องให้เค้าใช้ แท๊ปเล็ต หรือ มือถือ เสียงจะได้ไม่รบกวนคนอื่น ถือเป็นมารยาทที่ดีอย่างนึง
  3. ถุงผ้าเวลาซื้อของใน 7-11 หรือ ซุปเปอร์มาเก็ต เพราะที่นี่เค้าคิดค่าถุง แถมถุงบางมาก ใช้ถุงผ้าแล้วคล้องรถเข็นไว้จะดีกว่า
  4. ถ้าลูกยังนั่งรถเข็นอยู่ รถเข็นเด็กที่พับเล็ก ๆ นำขึ้นเครื่องบินได้เป็นไอเท่มที่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันจะเปลี่ยนชีวิตคุณให้สบาย และ รวดเร็วได้อย่างเหลือเชื่อ โดยส่วนตัวใช้ Babyzen Yoyo

จริง ๆ มีอีกหลายยี่ห้อ ลองไปศึกษาดู เสิชคำว่า – รถเข็นเด็กพับขึ้นเครื่องบิน


ฮ่องกง เป็นเมืองที่มีทุกอย่าง ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก ทำให้เหมือนพาลูกไปเที่ยววันเสาร์ในกรุงเทพฯ นั่นแหละครับ กระติกน้ำลูกผมไม่พก ไปซื้อน้ำตาม 7-11 หรือ ร้านขายหนังสือพิมพ์ หรือ ร้านขายของตามข้างถนน มีตลอดทาง ไม่ต้องแบกทั้งวันให้เมื่อย

ในกรณีเด็กอ่อน ถึงเวลาชงนม สามารถไปขอน้ำร้อนที่ สตาร์บัค ได้ หากไปทานอาหารก็ขอที่ร้านอาหารได้เช่นกันไม่ต้องเป็นห่วง

4. เปิดเน็ต / Data Roaming

เดี๋ยวนี้เล่นเน็ตเมืองนอกง่ายมากแล้ว ทั้ง Sim2Fly, Dtac GoInter และ TrueMove H Travel Sim ทั้ง 3 ค่ายมีราคาเท่ากันหมดเลย แต่จำนวนวันไม่เท่ากัน คือ 399 บาท ใช้อินเตอร์เน็ตได้ 6 กิ๊ก (ความเร็วสูงสุด 4G) แต่ระยะเวลา AIS และ DTac เท่ากันคือ 10 วัน ในขณะที่ True ใช้ได้ 8 วัน ชอบค่ายไหนซื้อค่ายนั้น

ข้อดีของซิมพวกนี้คือ ไม่ต้องห่วงเน็ตไหลเพราะลืมเปลี่ยนเครือข่ายอย่างที่หลาย ๆ คนโดนกันมาก เพราะซิมพวกนี้ล็อคเครือข่ายที่เหมาะสมให้อยู่แล้ว ส่วนความเร็วผมว่าไม่ต่างมากเพราะเน็ตฮ่องกงเร็วหายห่วง

5. เช็คอิน Online

เช็คอินจากบ้าน – หลาย ๆ สายการบินมีบริการ  Online Check-in โดยเปิดให้เช็คอินผ่านเวปล่วงหน้า 24 ชั่วโมง เลือกที่นั่ง กรอกข้อมูล passport เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยเค้าจะมีตั๋วให้เราปริ๊น หรือ ส่งเมลล์หาเรา พอถึงสนามบินก็มักจะมีช่องทางพิเศษสำหรับผู้ที่เช็คอินออนไลน์มาแล้ว แค่เอาเช็คกระเป๋าเท่านั้น ส่วนมากแถวนี้จะสั้นมาก ๆ ประหยัดเวลา และ ลดความงอแงของลูก ๆ ได้เป็นอย่างดี

25560630-124735

การเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน – หากเราซื้อตั๋วเองผ่านช่องทาง online ก่อนจ่ายเงินจะมีหน้าให้เราเลือกที่นั่งได้ทันที หรือหากซื้อผ่านเอเจ้น ก็ให้ตัวแทนออกตัวจัดการเลือกที่นั่งให้เราได้เลยเหมือนการซื้อตั๋วหนัง

หากเดินทางกับเด็กอ่อน เค้าจะมีที่นั่งแถวหน้าสุดที่สามารถใส่เตียงเด็กอ่อนได้

การเลือกที่นั่งเลือกจากจำนวนคนในครอบครัว กับแถวที่นั่งให้เหมาะสมหากทำได้ หากมีเวลาว่าง ๆ ก็ศึกษาจากเวป www.flightguru.com ก่อนได้ แต่ส่วนตัวผมหลัง ๆ ไม่ได้ใช้แล้ว เพราะซื้อผ่านแอพฯ บนมือถือ โดยในแอพฯ จะแสดงผังที่นั่งให้เราเลือกอยู่แล้ว

คำแนะนำ:

หากเดินทางกับเด็กไม่เกิน 8 ขวบ แนะนำนั่งใกล้ห้องน้ำนิดนึง เพราะเค้าจะอั้นห้องน้ำไม่ค่อยไหว แต่ถ้าลูก ๆ มีวินัยในการเข้าห้องน้ำแล้ว นั่งค่อนไปหน้าเครื่องหน่อยจะดีมาก ส่วนผมไม่ชอบนั่งตรงปีก มันหนวกหู และ มองไม่เห็นวิว 555

6. เดินทางเข้าเมือง

IMG_0126

ครอบครัวใหญ่ 5 – 7 คน ไปจองรถ Toyota Alphard ขนกระเป๋า รถเข็นลูก และพาครอบครัวเข้าเมืองอยางสบายตัว ราคาประมาณ 800 – 900 HK$ หารออกมาแล้วไม่ต่างกับนั่งรถไฟเท่าไหร่

ใครไม่กลัวพะรุงพะรังเวลาเดินทางกับลูก ๆ นั่งรถไฟคือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะไม่ติดไฟแดง หรือ เผชิญปัญหาจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน ค่านั่งซื้อตั๋วแพ๊ค 2 คน เที่ยวเดียวเข้าเกาลูน ราคาประมาณ 150 HK$ ไปลง Kowloon Station แล้วขึ้นลิฟท์ไปชั้น 2 เพื่อนั่งรถบัสฟรีสายต่าง ๆ ไปตามโรงแรมที่กำหนด ไม่ยาก และ สะดวกมาก ๆ

ส่วนขากลับให้ใช้บริการ City Check-in สถานีที่เราลงรถไฟตอนมานั่นแหละ จัดการเช็คอิน ส่งมอบกระเป๋า และ รับบัตรที่นั่ง (Boarding Pass) ได้เลย โดยไม่ต้องไปทำอีกครั้งที่สนามบิน นอกจากจะมีของเพิ่มสามารถโหลดเพิ่มได้ที่สนามบิน ทำให้หมดกังวลเรื่องไปสนามบินไม่ทัน โดยผมมักจะเช็คอินก่อน แล้วเดินเล่น กินข้าว ซื้อของต่อจนได้เวลาสัก 2 ชั่วโมงก่อนเวลาขึ้นเครื่องค่อยขึ้นรถไฟไปสนามบิน

7. ปลั๊กไฟ

Bs1363-non-earthed-plug

ที่ฮ่องกงใช้ปลั๊กไฟแบบ 3 ขาเหลี่ยม ถ้ามีอยู่แล้วก็ติดกระเป๋าไป แต่ถ้าไม่มี ส่วนมากโรงแรมในฮ่องกงมีให้ยืมอยู่แล้ว ยกเว้นไปนอนพวก Airbnb หรือ โฮสเทลต่าง

สำหรับสายครอบครัวไอที อุปกรณ์เยอะ ๆ แนะนำให้มีปลั๊กแบบหลายพอร์ตติดบ้านไว้มีประโยชน์มาก ๆ ราคาตั้งแต่ 600 – 1500 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ และคุณสมบัติ Fast Charge

8. แผนที่ แผนเที่ยว

สมัยนี้ไปไหนมาไหนก็เปิด Data Roaming อยากไปไหน หรือหลงทางก็เปิด Google Map เอา สะดวกมาก ๆ แต่เพื่อป้องกันความ “ซวย” เวลาเน็ตหาย หรือ เน็ตไม่แรง แนะนำให้เตรียมตัวก่อนไปบ้างดังนี้

  • เปิด Google Map เสิชหาข้อมูลสถานที่ที่อยากไป แล้วแคปภาพเก็บไว้ในมือถือ เวลาหลง หรือ จะถามทางใครก็เปิดรูปเอา เร็ว และ ไม่ง้อเน็ต
  • ผมย่อแผนที่ฮ่องกงแยกตามเขต ซึ่งสแกนจากแผนที่กระดาษเอาไว้ สามารถโหลดไปเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนแล้วใช้งานได้ทันที กันเหนียวได้จากบทความ แจกแผนที่ ฮ่องกง แบ่งตามพื้นที่เหมาะกับการดูบนมือถือ

9. อาหารสำหรับครอบครัว

ใครที่กังวลเรื่องพาเด็กเล็ก ๆ พร้อมรถเข็นไปกินอาหารในฮ่องกง ไม่ต้องห่วงครับเพราะที่นี่ก็ไม่ต่างกับบ้านเราเท่าไหร่ ร้านห้องแถว สามารถพับรถเข็นเข้าไปนั่งทานได้ เด็กเล็กนั่งตักเราปกติ เวลาอยู่ไทยทำยังไง อยู่โน่นก็เช่นกัน เพียงแต่ร้านอาจจะเล็กกว่า

ร้านข้างทาง ยิ่งสบาย เพราะคนที่นี่เค้าไม่เดินกิน เวลาซื้อร้านรถเข็น หรือ ร้านข้างทางที่ไม่มีเก้าอี้ เค้าจะยืนกินตรงนั้นให้เสร็จ ทิ้งขยะลงถัง แล้วค่อยเดินทางต่อ เด็กเล็ก ๆ สนุกสนานแน่นอน ยิ่งวัยนั่งรถเข็นยิ่งสะดวก

พวกห้องอาหาร ร้านดี ๆ ยิ่งสบาย มีเก้าอี้เด็กบริการ พร้อมเอารถเข็นเราไปเก็บให้ด้วย

10. กลัวลูกงอ แง


เป็นข้อกังวลที่ครอบครัวมือใหม่มักจะเจอ แต่บอกเลยถ้าครั้งแรกผ่านไปได้ คราวหน้าสบาย ซึ่งผมทำคลิปเอาไว้แล้วเทคนิคยังใช้งานได้ จริง ๆ แล้วเด็กงอแงก็มีไม่กี่อย่าง และ มีทางออกสบาย ๆ

  • ขึ้นเครื่องบิน – มักจะปวดหู และ ตกใจเวลาเครื่องขึ้น-ลง ให้ดื่มน้ำ หรือ เคี้ยวอะไรก็ได้ จะได้เป็นการปลดอาการหูอื่อในตัว ตอนลูกผมเล็ก ๆ จะเลือกไฟลท์เวลาที่ลูกนอนพอดี เครื่องขี้นก็ให้ทานนม เครื่องไต่ระดับพอดีหลับ 555
  • เบื่อ – บางครั้งหากเป็นกิจกรรมพ่อ-แม่ พอเริ่มผ่านไปสัก 30 นาที เด็กจะเริ่มงอแงแล้ว พ่อ และ แม่ควรสลับกันเล่นกับลูก คุยกับลูก ชวนดูโน่นดูนี่ นับสิ่งของไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้นั่งในรถเข็นคนเดียว บางทีแฟนผมช๊อปปิ้ง ผมก็เข็นพาลูกไปเดินถนน ดูสติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ ที่ขายตามแผงหนังสือพิมพ์ราคาไม่กี่บาท หรือเข้า 7-11 ก็สนุกดี
  • หิว – เตรียมของทานเล่นให้พร้อม บางทีเค้าหิว เราอาจไม่หิวก็ได้
  • ไม่สบายตัว – อันนี้ต้องดูเป็นกรณีไป แต่ส่วนมากหากไปฮ่องกงหน้าร้อนจะเหนียวตัว ยิ่งเด็กเล็กนั่งในรถเข็นบอกเลย อบอ้าว แนะนำหาพัดลมเล็ก ๆ ติดรถเข็นเอาไว้ มีกระดาษเปียกสูตรน้ำ เผื่อเช็ดตัวให้สดชื่น
  • เหนื่อย – ตรงนี้ต้องเริ่มตั่งแต่จัดตารางเที่ยว จะหยุดตรงไหน พักตรงไหน กลับโรงแรมกี่โมง แนะนำว่าฮ่องกงเป็นเมืองเล็ก บ่าย ๆ ให้กลับโรงแรมมาพักผ่อนสัก 1 – 2 ชั่วโมงแล้วออกไปลุยต่อ อย่ากลัวเสียเวลาครับ ลูกงอแงเสียเวลากว่าเยอะ แถมเสียอารมณ์ด้วย

เด็กไปเที่ยวแล้วงอแงแก้ไม่ยาก ยกเว้นเด็กที่ขี้โวยวาย หรือ เอาแต่ใจจริง ๆ อันนั้นคงต้องค่อย ๆ สอนกันในครอบครัว

HK_toy_price_march_2015 (12)

สำหรับคนที่จะเดินทางพร้อมเด็กเล็ก แนะนำ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่วางแผนไป ฮ่องกง นะครับ ใครมีเทคนิค คำแนะนำอื่น ๆ สามารถร่วมแสดงความคิดเห็น และแชร์เทคนิคต่าง ๆ ได้ที่หน้าเพจเช่นเคย

บทความอื่น ๆ ทั้งกิน ทั้งเที่ยว เช็คได้ที่นี่เลย

ขอให้สนุกกับการไปตะลุยโลกกว้างครับ

_________________________________________

หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย

ฝากกดไลค์ติดตามเพจด้วยนะจ๊ะ

www.facebook.com/xeonoartpage

Facebook-Like

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art