แกะกล่องพร้อมสเปคร้อน ๆ Huawei P20 Pro กล้อง 3 ตัว 40 ล้านพิกเซล จะเด็ดแค่ไหน แน่นอนต้องสี น้ำเงินสินะ

#ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย #Huawei #P20ProTH

มือถือตัวล่าสุดที่เน้นโปรโมทเรื่องกล้องเป็นเรื่องหลัก ฟังชั่นอื่น ๆ ตัวแบรนด์เค้าเองก็ไม่ค่อยพูดถึงมากนักเหมือนจะเน้นขายความเป็น Leica บนแอนดรอยด์เท่านั้น สเปคจะเป็นอย่างไรบ้าง น่าสนใจแค่ไหนมาดูกันเลย โดยขอยกตารางเปรียบเทียบสเปคกับ Samsung Galaxy S9+ มาเพื่อให้เห็นภาพแล้วกันเพราะคนลังเล 2 รุ่นนี้เยอะมาก

จากสเปคจะเห็นว่าผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะอยู่หลายส่วน แต่นั้นเป็นสงครามบนกระดาษ ต้องรอการพิสูจน์แบบไหล่ชนไหล่อีกครั้ง แต่ที่แน่ ๆ Huawei P20 Pro ถูกกว่ากันเกือบ 4,000 บาท

ใครชอบดูคลิปเชิญเสพ ใครชอบอ่านรีวิวพร้อมแบบภาพนิ่งเลื่อนลงไปดูกันได้เลย

สำหรับคนที่สั่งจองทุกช่องทาง จะได้รับฟรี Panoramic VR Camera ที่เอาไปต่อช่อง USB Type-C ที่ตูดแล้วสามารถใช้เป็นกล้อง 360 องศาได้ (ตัวนี้ผมยังไม่เคยใช้นะ) และตัวนี้คงไม่แกะออกมาเผื่อขายจะได้แถม VR Camera ไปแบบใหม่ไม่แกะเลย อิ อิ อิ

หน้ากล่องสีขาวสวยงาม เรียบ ๆ แต่ดูดีมาก ตื่นเต้นแล้ว รีบเปิดกล่องกันเลยเหอะ

อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย

  1. ตัวเครื่อง
  2. สายชาร์จ
  3. อะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน
  4. หูฟัง
  5. เข็มจิ้มซิม
  6. เคสซิลิโคนแบบใส
  7. หัวแปลงหูฟัง 3.5 มม เป็น USB Type-C
  8. คู่มือฉบับย่อ
  9. ใบรับประกัน

อุปกรณ์ที่จำเป็นหลัก ๆ ให้มาครบครัน ไม่ว่าจะสายเชื่อมต่อต่าง ๆ รวมถึงเข็มจิ้มซิม  โดยทั้งหมดเป็นสีขาวสวยงามตามภาพ แต่นอกจากอุปกรณ์มาตรฐานแล้วจะมีหัวแปลงหูฟังที่ใช้แจ๊ค 3.5 มม. ให้เป็น USB Type-C เพราะเจ้า Huawei P20 Pro นี้ไม่มีช่องเสียบหูฟัง

เคสที่แถมมาให้คุณภาพดีใส่แล้วแนบกระชับเนื้อสัมผัสดีเลย เพียงแต่หากเทียบกับ Huawei P10 Plus ปีก่อนที่แถมเป็นเคสหนังพร้อมโลโก้ Leica แล้ว ปีนี้ของแถมดูกระจอกลงนะ

โดยรวมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มาอย่างครบเครื่องแทบไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเลยแม้แต่ฟิลม์กันรอยที่ติดมาให้เรียบร้อยจากโรงงาน แต่เท่าที่วันนี้ (วันที่วางขายวันแรก) ลองเดินสอบถามดูก็มีเพียงกันรอยกระจก Dapad แบบเต็มจอขายเป็นบางร้านเท่านั้น อนาคตเชื่อว่าคงมีให้เลือกมากกว่านี้

หน้าจอสวยงามแบบ AMOLED 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2240 อัตราส่วน 18.7:9 ขับเคลื่อนด้วยซีพียู Kirin 960 แบบ 8 แกน Octa-core ความเร็ว 2.36 กิ๊ก โดยสามารถแบ่งเป็นชุดได้ดังนี้ 4 x Cortex A73 2.36GHz + 4 x Cortex A53 1.8GHz + i7 co-processor แรม 6 กิ๊กเหลือ ๆ

ด้านหลังวัสดุกระจกพร้อมสีน้ำเงิน ถ้าเป็นสี Twilight จะเกิดจากกระจกหลายชั้นซ้อนกัน สวยงามสดใสน่าใช้ มาพร้อมกล้องเทพที่พัฒนาร่วมกับ Leica สุดยอดกล้องอินดี้ราคาเรือนแสน หวังจะมาเขย่าวงการกล้องมือถือพร้อมกล้องหลังใหญ่ถึง 40 ล้านพิกเซล f/1.8 เป็นกล้องหลัก กล้องเลนซูม 8 ล้านพิกเซล f/2.4 ซึ่งวางอยู่คู่กันในกรอบวงรี

กล้องอันที่โดดออกมาด้านนอกข้าง ๆ แฟรชเป็น กล้องเลนขาว-ดำ หรือ mono f/1.6 ซึ่งเมื่อเราแยกแบบนี้แล้วจะเห็นภาพชัดเจนว่ามันพัฒนาจาก P10 Plus ในปีก่อน (แบบคร่าว ๆ) ตรงที่เพิ่มเลนซูม หรือ Tele มา แล้วปรับกล้องหลักเป็น 40 ล้านพิกเซล แล้วเพิ่มระบบ AI มาด้วยการยิงแสงเลเซอร์ไปยังเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์ว่าควรปรับใช้งานโหมดอะไรเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด….โอ้ววววว แบบนี้มันต้องลอง

หากยังกลัวไม่เทพพอ Huawei ยังใส่ระบบซูมแบบออพติคัลจาก Leica ที่มาก เท่า (VARIO-SUMMILUX-H 1:1.6-2.4/27-80ASPH) และระบบซูมแบบไฮบริดถึง เท่า สำหรับการถ่ายภาพระยะไกล นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.7 นิ้ว (ประมาณ 7.76 x 5.82 มม.) ช่วยให้สามารถบันทึกภาพในสภาพแสงน้อยได้ถึงระดับ ISO 102400

ระบบ AI ของ Huawei P20 Pro เรียกว่า Scene Recognition ที่ฉลาดจนสามารถเลือกใช้ซีนตามความเหมาะสมได้ 19 แบบ รวมไปถึงสามารถถ่าย Night Mode หรือ Light Trail ได้โดยอัตโนมัติแบบไม่ง้อขาตั้งกล้องได้ 8 วินาที แน่นนอนว่าสามารถถ่าย Slowmotion 960 เฟรมได้ตามมาตรฐานเรือธงในปัจจุบัน

ตัวเครื่องเป็นโลหะ หน้าตาคุ้นเคยเหมือนค่ายผลไม้แหว่ง สวยงามโค้งกับหน้าจอขอบโค้งถือจับกระชัดมือด้านซ้ายมือของตัวเครื่องเป็นปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power โดยปุ่มเสียงนี้จะทำหน้าที่เรียกโหมด Ultra Snapshot ทำให้เข้าสู่โหมดกล้องถ่ายภาพได้ด้วยการดับเบิ้ลคลิกที่ปุ่มลดเสียง กล้องถ่ายภาพจะพร้อมใช้งานอย่างรวดเร็วภายในเวลา 0.3 วินาที 

ด้านขวาตัวเครื่องเป็นช่องใส่ซิมแบบ 2 ซิม ไม่มีช่องใส่เมม แต่มีเมมฯ ในตัวเครื่องมาให้ใช้ 128 กิ๊ก

ด้านบนจะมีรูเล็ก ๆ เป็นช่อง IR Blaster เพื่อแปลงร่าง Huawei P20 Pro เป็นรีโมททีวีราคาเกือบสามหมื่น!!! ถัดไปทางด้านซ้ายของตัวเครื่องน่าจะเป็นรูไมโครโฟนสำหรับอัดเสียงวีดิโอ

ด้านล่างของตัวเครื่องที่แฟนไอโฟนแสนจะคุ้นเคย โดยช่องทางด้านขวามือของตัวเครื่องเป็นไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์ ตรงกลางเป็นช่อง USB-Type C ถัดไปเป็นลำโพงเสียงภายนอก ซึ่งเวลาดูวีดิโอนั้นช่องนี้จะรองรับเสียงทุ้ม หรือ เสียงเบส ในขณะที่ลำโพงสนทนาโทรศัพท์จะปล่อยเสียงแหลม

ด้านหน้าก็เทพเช่นเคยโดยมากับจอแหว่งที่คาดว่ากัดฟันเดินตามรอย iPhone X ที่เปิดตัวไปก่อนเกือบครึ่งปี ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันคือต้องการคงคอนเซปต์หน้าจอ Full View Display ที่มีตัวเครื่องเล็กที่สุดเท่าทีทำได้ จึงต้องแว้วหน้าจอหลบกล้งหน้าโคตรเทพที่ iPhone X ชิดซ้ายกับ กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล

แม่เจ้า!!!! กล้องหลัง S9+ ของพี่ยังแค่ 12 ล้านฯ กะเอากันให้ตายเลยรึ

ใครไม่ชอบจอแหว่ง สามารถเปิดโหมด Hide Notch เพื่อให้แถบบนเป็นสีดำกลืนกันไปก็ยังได้ ตรงนี้ชอบนะ เพราะแก้ไขปัญหามาเรียบร้อย ต่างกับ iPhone X ที่ต้องให้นักพัฒนาแอพฯ ไปตามแก้เอาเอง ใครไม่แก้ หรือ แอพฯ เดิมไม่รองรับก็กดไม่ติด หรือ แสดงผลผิดเพี้ยนกันไป 555

ด้านล่างจะไม่มีปุ่มใด ๆ โดยปุ่มทั้งหมดจะไปอยู่บนหน้าจอตามสมัยนิยม แต่ตรงกลางจะมีคล้าย ๆ ปุ่มโฮมแต่กดไม่ได้มีสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง

หน้าตาการใช้งานเป็นระบบ EMUI 8.1 ของ Huawei เอง

เจ้า Huawei P20 Pro กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 คือ ลงน้ำได้ลึก 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาที เกินกว่านี้ไม่รับประกันน้ำเข้าเครื่องซึ่งถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป แต่เทียบกับคู่แข่งตัวฉกาดที่ล่าสุดกันได้ระดับ IP68 คือ ลงน้ำได้ลึก 1.5 เมตร 30 นาทีนั้น ทำให้ดูแพ้ไปนิด ๆ ในสายตาผม

เจ้า Huawei P20 Pro เปิดเครื่องครั้งแรกเพื่อเช็คที่ช๊อปปุ๊ป ผมก็จัดการล้างเครื่อง / factory reset ทีนึงตามความเคยตัว

เสร็จแล้วจะเห็นว่ามีแอพฯ และ เกมส์ติดตั้งมาให้หลายตัวด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Asphalt Nitro, Kingdoms, Dragon Mania, Puzzle Pets, Spider-Man: Ultimate, Translator, HiCare, Booking.com เป็นต้น

หน่วยความจำในตัวเครื่องมีมาให้ 128 กิ๊ก เหลือใช้จริง 115 กิ๊ก ก่อนผมจะลงแอพฯ และข้อมูลส่วนตัว

คีย์บอร์ดเป็นของ Swift Key ที่เผอิญผมไม่ชอบอย่างแรงเพราะแป้นพิมพ์ไทยน่าเกลียดมากกกกกก แม้จะสามารถปรับแต่งได้มากมาย รวมถึงใช้ภาพของเราเป็นพื้นหลังได้ก็ตาม

บทสรุป

ตัวเครื่องบอกเลย “งานก๊อปเกรด A” ที่เคยจิกกัดซัมซุงไว้เมื่อ 3 ปีก่อน สมัย Galaxy S6 ตอนนี้ต้องยกตำแหน่งนี้ให้ Huawei P20 Pro ซะแล้ว เพราะก๊อปมาทั้งรูปทรง ตำแหน่งกล้อง และ หน้าจอบากของ iPhone X อย่างไม่น่าให้อภัยได้ สมัยซัมซุง S8 มันแค่ดูคล้าย ๆ ที่สามารถอ้างได้ว่า “แรงบันดาลใจ” แต่ P20 Pro นี่ อื้อ หือ….เก็บครบทุกเม็ดจริง ๆ _/\_ กราบ

ผิดหวังกับการดีไซน์ Huawei P20 Pro เพราะมัน “ไม่มีเอกลักษณ์” ไร้ความสร้างสรรทั้ง ๆ ที่เป็นมือถือเรือธง แต่เปิดช่องให้สาวกคู่แข่งด่าได้เต็มปากขนาดนี้

แต่พอจับตัวจริงนี่แอบชอบวัสดุ การผลิต ขนาดที่ลงตัวมาก ๆ โดยเฉพาะสีเหลือบด้านหลังที่ “โดน” ใจสุด ๆ เสียอย่างเดียวตรงที่ถือแล้วรู้สึกกลวง ๆ ก๊อง แก๊งบอกไม่ถูก ไม่ใช่งานประกอบไม่แน่นนะครับ แต่มันอารมณ์แบบถือแล้วไม่เฟิม

หน้าตาการใช้งาน MUI ทาง Huawei พยายามพัฒนาออกมาได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี ความรวดเร็วในการใช้งานอยู่ในระดับลื่นหัวแตก เพียงแต่ยังคงกลิ่นอาย “มือถือจีน” มากไปหน่อย โดยเฉพาะการดีไซน์ไอค่อนต่าง ๆ ที่พาลให้นึกถึงมือถือจีนไม่มียี่ห้อทั่ว ๆ

การใช้งานที่เล่นไม่กี่ชั่วโมงคงบอกอะไรมากไม่ได้นอกจาก ลื่นในระดับมาตรฐานเครื่องเทพสมราคา สีสรรหน้าจอยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ตัวเครื่องหลังจากโหลดแอพฯ ต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลจาก google ทั้งหลายลงไป ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่

กล้องน่าประทับใจมาตั้งแต่ Mate 10 Pro แล้ว เพราะเอามาถ่ายบุคคล หรือ Portrait นี่ยอมแพ้เค้าจริง ๆ Samsung Galaxy 9+ สู้ไม่ได้ตรงความง่าย+ความสวย ส่วนมุมอื่น ๆ เดี๋ยวรอรีวิวกล้องฉบับเต็มที่จะมาปะทะ Samsung Galaxy S9+ ในมือที่ตอนนี้สั่นรัว ๆ 555

เอาเป็นว่าตอนนี้สรุปได้แค่นี้ครับ มากกว่านี้ก็ “โม้” แล้วหล่ะ 5555 เพิ่งซื้อมาเล่นยังไม่ครบวันเลย

ติดตามตอนต่อไปเร็ว ๆ นี้

_________________________________________

ชอบ #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย

ฝากกดไลค์ติดตามเพจ “ไลฟ์สไตล์ไอที กับพี่อาร์ต” ด้วยนะจ๊ะ

https://www.facebook.com/xenonartpage

Facebook-Like

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art