รีวิว xiaomi Mi8 ตามคำเรียกร้องของลูกเพจ มาดูสเปค เช็คของ ลองเล่นกันก่อน #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย รีวิวง่าย ๆ สไตล์พี่อาร์ต

xiaomi หรือ เสียวหมี่ ก็เป็นแบรนด์ที่ผมเห็นมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ เป็นแบรนด์จีนที่ยืนหยัดต่อสู้ในตลาดมาด้วยจุดขายสเปคดี ราคาจับต้องง่าย ซึ่งจากรุ่นแรก ๆ ที่ก๊องแก๊ง เค้าพัฒนาจนมาถึงวันนี้ดีระดับแถวหน้าจริง ๆ

นอกจากนี้ Mi ยังสร้างสินค้าอิเลคทรอนิคส์ออกมาเพื่อสร้าง Eco System ขี้นมารองรับชีวิต IoT หรือ Internet of Thing ที่เชื่อกันว่าในอนาคต ชีวิตของพวกเราจะรายล้อมไปด้วยนวตกรรมที่เชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เน็ต

ทาง Mi ออกมาเกือบครบ ทั้งหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ตาชั่ง เซ็นเซอร์หน้าต่างที่เมื่อเปิดหน้าต่างแล้วจะปิดแอร์อัตโนมัติ เครื่องชงกาแฟ แปรงสีฟันอัจฉริยะ และอีกมากมาย บรรยายไม่หมด เรียกว่าเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจทีเดียว

ซึ่งศูนย์ Mi8 Thailand ก็ยังไม่ได้นำ Mi8 เข้ามาขายอย่างเป็นทางการ พี่อาร์ตไปจัดเครื่องนอกมาบุญครองมารีวิวให้เสพเช่นเคย

สเปคอย่างเป็นทางการ xiaomi Mi8

  • หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.21 นิ้ว
  • ความละเอียด FHD+ 1,080 x 2,248 พิกเซล
  • ขนาดตัวเครื่อง 154.9 x 74.8 x 7.6 มม.
  • น้ำหนัก 175 กรัม
  • ซีพียู Snapdragon 845 ความเร็ว 2.8 GHz + 1.7 GHz
  • GPU Adreno 630 รองรับการเล่นเกมทุกรูปแบบ
  • แรมมีให้เลือก 6 และ 8 กิ๊ก
  • หน่วยความจำมีให้เลือก 64GB , 128GB และ 256GB
  • ไม่มีช่อง microSD
  • กล้องหลังแบบเลนส์คู่ 12 ล้านฯ f/1.8,  1/2.55″, 1.4µm Dual Pixel + เลนส์ซูม 12 ล้านฯ f/2.4,  1/3.4″, 1.0µm
  • กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านฯ f/2.0, 0.9µm
  • รองรับ 2 ซิม
  • มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
  • แบต 3,400 mAh รองรับชาร์จเร็ว
  • ปลดล็อคด้วยใบหน้า และ ลายนิ้วมือ
  • แอนดรอยด์ 8.0 ครอบด้วย MIUI 10

ใครที่สงสัย หรือ ลังเลระหว่าง Mi8 กับ OnePlus 6 สามารถไปดูสเปคเปรียบเทียบได้ที่

เทียบสเปค OnePlus 6 กับ xiaomi Mi8 – ใครมีดีตรงไหน?

กล่องขนาดปกติของตลาดยุคนี้สีดำพร้อมเลข 8 ตัวเบ่อเร่อ เปิดกล่องออกมาเจอน้องมี่แปดนอนรออย่างสงบ ยกเครื่องขึ้นมาก็พบกับอุปกรณ์เสริม

อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย

  • ตัวเครื่อง
  • สายดาต้า / ชาร์จ
  • อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ
  • ตัวแปลง USB Type C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • เคสซิลิโคน
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือฉบับย่อ (ภาษาจีน) แต่คงไม่มีใครอ่าน

อุปกรณ์เสริมมีให้อย่างเพียงพอต่อการใช้งาน แม้จะม่ได้แถมหูฟังมาด้วยเพราะเชื่อว่าจะลดต้นทุน แต่อุตส่าห์แถมเคสซิลิโคนมาให้ด้วย ตัวเคสจะเป็นซิลิโคนนิ่ม ๆ ไม่แข็ง ไม่รัดตัวเครื่องมาก ถอดใส่ง่ายดี

ตัวนี้ไม่ได้ติดกันรอยหน้าจอมาให้เหมือนเพื่อนร่วมประเทศอย่าง Huawei และ OnePlus 6 นะครับ ต้องไปเดินหาอีกที

เคสซิลิโคนที่แถมมาในกล่องใส่แล้วก็แนบพอดี และโชว์ตัวเครื่องเต็มอย่างสวยงาม

นอกจากบรรดาอุปกรณ์มาตรฐานต่าง ๆ แล้ว ที่น่าสนใจคือเค้าให้ตัวแปลง USB-C เป็นรู 3.5 มม. สำหรับใส่หูฟังของเราเองด้วย นั้นหมายถึงเจ้า Mi8 ไม่มีรูหูฟังนั่นเอง T_T!

ตัวเครื่องขนาดพอดีมือ หน้าจอแบนไม่โค้งน่าจะไม่มีปัญหาเรื่องฟิลม์เหมือนพวกจอโค้ง ขอบรอบตัวเครื่องโค้งมนรวมถึงฝาหลังที่เป็นขอบโค้ง ดูทรงแล้วด้านหน้าคล้าย iPhone X แต่ด้านหลัง (ไม่นับกล้อง) เหมือน Galaxy S9+

หน้าจอขนาด 6.21 นิ้ว Super AMOLED ความคมชัด FullHD+ ความละเอียด 1080 x 2248 พิกเซล คมชัด สีสรรสดใสสวยงาม ซึ่งแน่นอนว่าหน้าจอเป็น Samsung ผลิตให้

เสียวหมี่ Mi8 มีขนาดตัวเครื่องเบาที่สุดในกลุ่มจอ 6 นิ้วขึ้นไป มีน้ำหนักเพียง 175 กรัมเท่านั้น ในขณะที่ Huawei P20 Pro และ Samsung S9+ หนัก 180 กรัม 189 กรัม ตามลำดับ ส่วนเจ้า OnePlus 6 ที่รีวิวไปก่อนหน้าที่ว่าเบานักเบาหนา ยังหนักกว่า Mi8 เพราะมันหนัก 177 กรัม

xiaomi Mi8…..ชนะไป 2 กรัม 555

Mi8 มาพร้อมแอนดรอยด์ 8.1  MIUI 9.5 หน้าตาจีน ๆ ประมาณนี้ ซึ่งตามข่าวจะมีการอัพเกรด MIUI 10 เร็ว ๆ นี้

ซีพียู Snapdragon 845 ความเร็ว 2.8 GHz + 1.8 GHz ซึ่งถือว่าเป็นตัวแรงที่สุดในปัจจุบัน พร้อมชิพกราฟฟิก Adreno 630 รองกรับการเล่นเกมส์ทุกชนิด มาพร้อมแรมที่ 6 กิ๊ก ใช้งานได้อย่างเหลือเฟือ เรียกว่าเร็วแรงในราคาหมื่นกลาง ๆ เท่านั้น !!!

xiaomi Mi8 มีจำหน่าย 4 สี คือ ขาว ทอง น้ำเงิน และ ดำ แน่นอนว่าพี่อาร์ตซื้อสีขาวเช่นเคย  เท่าที่อ่าน ๆ มาเห็นบอกกันว่าฝาหลังเป็นกระจก สัมผัสเหมือน Huawei P20 เพียงแต่เป็นสีเดียว ไม่ใช่สีเหลือบ

แบตเตอรี่ความจุ 3,400 มิลิแอมป์ ใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน รวมถึงเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคกลางหลังของเครื่อง เพิ่มความสะดวกในทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่รองรับระบบลายนิ้วมือ แต่ส่วนตัวไม่ชอบที่ต้องสแกนด้านหลัง แต่เดี๋ยวนี้ย้ายไปอยู่หลังกันเกือบหมดยกเว้น Huawei P20 Pro

กล้องหลังคู่ มีเลนส์ RGB หรือ กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.8,  1/2.55″, 1.4µm Dual Pixel และ เลนส์ Tele หรือ เลนส์ซูม 12 ล้านพิกเซล f/2.4 1/3.4″, 1.0µm

กล้องพร้อมระบบ AI อัจฉริยะ สามารถแยก Scene ได้มากถึง 25 Scene และ ในแต่ละ Scene ก็ยังมีการตั้งค่าแยกย่อยออกมาอีกถึง 206 Scene เรียกว่าอัจฉริยะสุด ๆ แต่ใช้งานจริงจะเป็นยังไง เดี๋ยวพี่พิสูจน์ให้ พร้อมปะทะ OnePlus 6 ตัวจี๊ดที่ทุกคนถามหา

ด้านบนจอบากเข้ายุค 2018 ด้วยชุดควบคุมคล้าย iPhoneX โดยช่วงบากจะประกอบไปด้วยชุดกล้อง 20 ล้านพิกเซล รวมถึงเซ็นเซอร์ต่าง ๆ

จอบากของ Mi8 นั้นบากพอ ๆ กับไอโฟน แต่ด้วยความที่เป็นแอนดรอยด์ที่มีการแจ้งเตือนแสดงอยู่แถบด้านบน ทำให้จอบากที่กว้างมาก ๆ ของ Mi8 ไม่สามารถแสดงผลการแจ้งเตือนได้ต้องรูดหน้าจอลงมาเพื่อแสดงการเตือนต่าง ๆ

โดยที่ Mi8 ต้องมีจอบากกว้างขนาดนี้เป็นพราะในช่องบากยังมีชุดอินฟราเรทที่ช่วยในการโฟกัส และ ปลดล็อคด้วยใบหน้า ยังมาพร้อมกับระบบสแกนหน้าเพื่อปลดล็อคที่มีความแม่นยำด้วยกล้องหน้า + เซ็นเซอร์อินฟราเรด + กล้องสำหรับรับแสงอินฟราเรด ในการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ ทำให้ระบบสแกนหน้าของ Mi8 สามารถใช้งานได้ในที่มืดได้ รวมถึงปลอดภัยจากมิจฉาชีพ และ ภรรยาในการนำรูปของเรามาปลดล็อคได้ 555

#พ่อบ้านใจกล้า

นอกจากนี้กล้องหน้า 20 ล้านฯ f/2.0, 0.9µm ที่มาพร้อมระบบ AI เพื่อการถ่ายเซลฟี่ระดับเทพ เพราะนอกจากจะมี AI Beauty ทำหน้าเด้ง หน้าเรียวแล้ว ยังมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอที่ใช้ AI มาช่วยในการคำนวณ ตรงไหนต้องชัด ตรงไหนต้องเบลอ ให้เนียนเป็นธรรมชาติไม่หลุดเหมือนคนอื่น (เดี๋ยวต้องพิสูจน์)

โดยรวมเรียกว่า “บากกว้าง” เพื่อแลกกับชุดเซ็นเซอร์มากมาย <<<< ใครไม่แคร์พวก Notification ต่าง ๆ บนแถบด้านบนก็สบายไป

ด้านข้างเรียบร้อยสวยงามตามสไตล์เครื่องยุค 2018 ซึ่งแอนดรอยด์เกือบทุกเครื่องเกือบจะเหมือนกันหมด บรรดาปุ่ม Power และ ปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง อยู่ด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง โดยตัวปุ่มขนาดความยาว ความหนากำลังดี กดง่าย วัสดุดี เนียนไปกับตัวเครื่อง

ช่องใส่ซิมอยู่ด้านขวามือของตัวเครื่อง โดย Mi8 เป็นแบบ 2 ซิม Dual Stand by ไม่มีช่องใส่เมมฯ ใครใช้เมมฯ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป 64 gb พี่ว่าเหลือเฟือแล้ว แต่หากคุณเป็นพวกชอบถ่ายวีดิโอแล้วไม่ชอบลบ ชอบโหลดหนังมาเก็บไว้ในเครื่อง แนะนำซื้อรุ่นความจุสูงกว่านี้

ด้านบนของตัวเครื่องเรียบร้อยดี ด้านล่างเป็นลำโพงเสียงภายนอก และ ไมโครโฟสสนทนาโทรศัพท์ รวมถึงช่อง USB Type-C รองรับการชาร์จเร็วแบบ Quick Charge 4.0+ ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. แต่เค้าให้หัวแปลงมาแทนอย่างที่บอก

Xiaomi Mi 8 ยังมาพร้อมกับระบบนำทางที่แม่นยำกว่าเดิมด้วย Dual GPS ที่ใช้ความสัญญาณแบบ L1 ซึ่งมีความแม่นยำในระดับ 300 เมตร คู่กับสัญญาณแบบ L2 ที่ใช้ในวงการอากาศยาน ให้ความแม่นยำระดับ 30 เมตร ควบคู่กันทำให้แม่นยำมากกว่ามือถือรุ่นอื่น โดยงานเปิดตัวเค้าตามภาพด้านบนดังนี้

  • iPhone X สีน้ำเงิน
  • Samsung S9+ สีแดง
  • Mi8 สีเขียว

การควบคุมการใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ปุ่มสามทหารเสือเหมือนแอนดรอยด์ปกติ หรือจะใช้การปัดหน้าจอในการควบคุม ซึ่ง xiaomi เรียกว่า Fullscreen mode หรือ โหมดเต็มจอ

ใครไม่ชอบติ่งสามารถมาปิดติ่งหน้าจอ xiaomi Mi8 ได้ที่หน้านี้เช่นกัน โดยการเปิด Hide Screen Notch ตามภาพด้านบน

กรณีเลือกใช้ Fullscreen mode หรือโหมดควบคุมด้วยการปัด วิธีการใช้งานดังนี้

  • รูดจากขอบล่างของหน้าจอขึ้นมากลางจอ = ปุ่มโฮม
  • รูดจากขอบล่างของหน้าจอขึ้นมากลางจอแล้วค้างไว้ = ปุ่ม Multi Tasking
  • รูปจากขอบจอซ้าย หรือ ขวา เข้ามากลางจอเล็กน้อย = ปุ่มย้อนกลับ

เท่าที่ลองดู การใช้งานลื่นไหล แทบไม่ต้องปรับตัวเลย ติดใจมากจนลืมปุ่มมาตรฐานของแอนดรอยด์ไปได้เลย

บทสรุป

ตัวเครื่องโดยรวมเบามาก งานประกอบงั้น ๆ คือไม่ได้ร้อง “ว้าวววว” พรีเมี่ยมอะไร อารมณ์เหมือนจับ Huawei P20 / P20 Pro จะพูดยังไงดี งานประกอบดีเกินราคาค่าตัวนั่นแหละ แต่พอไส้ในสุดเทพ แรมอย่างเยอะ หน้าจออย่างสวย ความคาดหวังของฟิลลิ่งในการจับเครื่องเลยไปที่เกือบสามหมื่นไง 555

เอาพูดใหม่แล้วกัน….สำหรับเครื่องราคาหมื่นกลาง ๆ อย่าง xiaomi Mi8 ที่มาพร้อมสเปคเทพนั้น ถือว่างานประกอบเกินราคาไปมากครับ

การใช้งานโดยรวมลื่นไหลดีมาก ๆ การเข้าแอพฯ ต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็วกับซีพียูที่แรงทีสุดในปัจจุบันอย่าง Snapdragon 845 พร้อมแรม 6 กิ๊ก เหลือเฟือกับการใช้งานทุกประเภท เล่นเกมทุกชนิด

MIUI 9.5 มีฟีเจอร์ต่าง ๆ มาให้พร้อมใช้งานจนแทบไม่ต้องหาอะไรมาเพิ่มไม่ว่าพยากรณ์อากาศ การนับก้าว โปรแกรมเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะการสแกนใบหน้าที่ “โคตรเร็ว” จะใส่แว่น ถอดแว่นก็ไม่มีปัญหา อันนี้คือประทับใจมาาก

จุดเด่นที่ทุกคนพูดถึงคือกล้อง เพราะเวป DxOmark ให้คะแนนเป็นอันดับ 5 สูงกว่า iPhone X และ Note 8 ตามที่ได้โม้ไว้แล้วใน เทียบสเปค OnePlus 6 กับ xiaomi Mi8 – ใครมีดีตรงไหน? ส่วนการใช้งานจริงเป็นอย่างไร รอไม่นานครับ เดี๋ยวจัดให้

สิ่งที่ไม่ชอบ

  • รอยบากกว้างไปหน่อย ทำให้ไม่สามารถแสดงการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้ ลำพังแสดงผลแบตฯ สัญญาณมือถือ ไวไฟ ก็แน่นจนอึดอัดแล้ว
  • ตัวเครื่องงานประกอบต่าง ๆ ธรรมดาเกินไป <<< คือ คาดหวังสูงไป
  • บังเอิญเป็นเครื่องนอก เลยมีแอพฯ จีนเยอะ ยิ่ง Baidu ชอบโผล่มาทักทาย พี่ไม่โอเค 555
  • เกลียด Browser จีน ชอบชวนโหลดแอพฯ <<< ไปโหลด Chrome หรือ Firefox ด่วน ๆ

เบื้องต้นแรกสัมผัสขอวิจารณ์ประมาณนี้ก่อน เดี๋ยวจะนำพาน้อง Mi8 ไปทดสอบกล้องถ่ายรูปคู่กับ OnePlus 6 ให้หนำใจ

ใครชอบคลิปวีดิโอรีวิว เดี๋ยวจัดตามมาให้อีกที รออัพเดทข่าวสารหน้าเพจนะครับ

เจอกับรีวิวเต็ม ๆ เร็ว ๆ นี้เช่นเคย

_________________________________________________

#ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย

ฝากกดไลค์ติดตามเพจ “ไลฟ์สไตล์ไอที กับพี่อาร์ต” ด้วยนะจ๊ะ

https://www.facebook.com/xenonartpage

Facebook-Like

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art