Apple TV 4K กับการใช้งานเพื่อความบันเทิงจะสวยงามน่าใช้แค่ไหน คุ้มค่ากับการเปลี่ยนเครื่องใหม่หรือเปล่า วันนี้เอาคลิปมาฝากกัน
#ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย
เกริ่นนิดนึงว่าในยุคที่เทคโนโลยีทีวียังไม่มีอะไรมาก Apple TV เกิดมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทีวีในสามารถเล่นเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เข้าเวป ดูยูทูป และแน่นอนว่าหน้าที่หลัก ๆ คือขยายธุรกิจเช่า-ขาย หนังและเพลงผ่าน iTunes จนหลาย ๆ คนเป็นทาสไปตาม ๆ กัน ซึ่งผมก็ซื้อหนังบน iTunes ไปไม่น้อย เพราะสมัยนั้นคือ มันไม่มีคู่แข่งอย่างเป็นทางการไง มีแต่เถื่อน กับ iTunes
ซึงนั่นคือตอนที่ผมเริ่มซื้อ Apple TV มาใช้งานกับทีวี LED ธรรมดาที่ยังต่อเน็ตเองไม่ได้
ลองอ่านรีวิวเก่าได้ที่ >>>รีวิว Apple TV Gen4 2015 ฉบับคนติดซีรียส์
แต่วันนี้ด้วยบริการดี ๆ ราคาไม่แรงหลาย ๆ อย่าง รวมถึงการเข้ามาของ Smart TV ที่ต่อเน็ตได้ เล่นเน็ต ดูยูทูป เล่น Netflix, Amazon Prime, MonoMax รวมถึงแอพฯ ต่าง ๆ ที่ใช้งานได้อย่างลื่นไหล ความจะเป็นของ Apple TV ก็ลดลงไปในขณะที่ Apple เปิดตัว Apple TV รุ่นใหม่ในราคาเดิมคือ 32 กิ๊ก 8,500 บาท และ 64 กิ๊ก ราคา 9,200 บาท และมีฟีเจอร์ให้ตื่นเต้น คือ รองรับ 4K HDR เท่านั้น !!!!
อ่าห์….แล้วมันจะเป็นอย่างไรบ้างเรามาดูกัน
สเปคอย่างเป็นทางการ Apple TV 4K
- ระบบปฏิบัติการ tvOS .0
- ซีพียู A10X Fusion 64 บิต 6 แกน ความเร็ว 2.38 GHz
- แรม 3 GB
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 หรือ 64 กิ๊ก แล้วแต่จะซื้อ
- ขนาด 98 x 98 x 35 มม.
- น้ำหนัก 425 กรัม
การเชื่อมต่อ
- HDMI 2.0a
- Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac พร้อม MIMO,
สองย่านความถี่พร้อมกัน (2.4GHz และ 5GHz) - Gigabit Ethernet
- Bluetooth 5.0
อุปกรณ์ในตัวเครื่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Apple TV 4K
- รีโมทัชแพด
- สายไฟ
- สาย USB/Lightning
- คู่มือภาษาไทยฉบับย่อ (ย่อสุด ๆ)
Apple TV 4K ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม คือ ต้องติดตั้งแอพฯ เองเกือบทั้งหมดแม้ด้านหลังกล่องจะมีโลโก้พาร์ทเนอร์ต่าง ๆ แต่เปิดมามันไม่มีอะไรเลย ต้องลงเองทั้งหมดรวมถึง Youtube ด้วย
มีอะไรแตกต่างจากรุ่นก่อนบ้าง
หากจะพูดถึงฟีเจอร์เด่น ๆ ของ Apple TV 4K ก็ต้องเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนเนอะ ว่ามันมีอะไรแตกต่างกันบ้างตามสเปค ซึ่งจุดเด่น ๆ ที่แตกต่างจากเดิมเพิ่มเติมมาคือ
- สามารถดูหนังในระบบ 4K HDR หรือ Dolby Vision ได้ แต่…..ทีวีต้องเป็นระบบ 4K รวมถึงสาย HDMI ที่รองรับการส่งข้อมูลแบบ HDR ไม่งั้นภาพจะไม่ต่างจากเดิม
- รีโมทมีวงกลมสีขาวที่ปุ่ม Menu ทำให้กดผิดน้อยลง
- ตัวเครื่องมีช่องระบายความร้อนใต้เครื่องเสียที ไม่รู้จะกั๊กช่องนี้ไว้ทำไมต้้งหลายปี
- การทำงานเร็วกว่าเดิม แรงกว่าเดิม เพราะได้ซีพียูใหม่ล่าสุดตัวเดียวกับ iPad Pro 10.5 พร้อมแรม 3 กิ๊ก
เปรียบเทียบรุ่นก่อน
คุ้มค่าน่าซื้อหรือไม่
- เรื่องคุณภาพในการดูหนังไม่ต้องพูดถึง เพราะมันรองรับ 4K HDR แบบเต็ม ๆ ภาพสวยงาม คมชัดกว่ารุ่นเก่า ไม่ว่าทั้งความละเอียด และ สีสรรที่โดดเด่นกว่าสำหรับหนังที่เป็น 4K HDR เพียงแต่ความสวยนั้นไม่ได้ “ว้าว” ขนาดที่จะต้องรีบออกจากบ้านไปซื้อมาใช้แต่อย่างใด
- การใช้งานอื่น ๆ แทบไม่มีอะไรตื่นเต้นนักเพราะเดี๋ยวนี้ทีวีที่วางขายเป็น Smart TV ทีมี youtube, web browser, netflix รวมถึง Amazon Prime ติดตั้งมาให้เราใช้งานพร้อมทันที แทบไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เชื่อมต่อภาพนอกเลยอย่าง Apple TV เลย
- สำหรับคนที่ ไม่เคยใช้ Apple TV มาก่อน ไม่ได้เคยซื้อหนังบน iTunes บอกเลยว่า….อย่าเริ่ม อย่าคัน มันไม่มีประโยชน์ เพราะนอกจากการซื้อหนังผ่าน iTunes เรื่องละหลายร้อยแล้ว ยังหาเหตุผลดี ๆ ในการซื้อ Apple TV มาใช้ไม่ได้เลย
- ความคุ้มค่าจากการอัพเกรดจากรุ่น Gen 4 มีน้อยมาก ยิ่งถ้าคุณใช้สาย HDMI รุ่นธรรมดา หรือ รุ่นเก่า นอกจากตัวเครื่อง Apple TV 4K ที่ต้องโดนไปเกือบหมื่นแล้ว ต้องไปหาสาย HDMI ดี ๆ ที่รองรับความเร็วในการส่งข้อมูลระดับ 4K HDR ด้วย
- การใช้งานทั่วไปแอบมีค้าง ๆ lag ๆ อยู่เป็นระยะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่เฟิมแวร์ แม้จะอัพเกรดเป็นตัวล่าสุดแล้วก็ยังไม่หายขาด หวังว่าในอนาคตจะปรับปรุงดีกว่านี้ (เป็นมาทุกรุ่น)
บทสรุป
- สำหรับคนที่เป็นสาวกไปแล้ว เช่นผมที่ซื้อหลังไปหลายเรื่อง มีทีวี 4K ใช้งาน มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องอัพเกรดมาใช้ Apple TV 4K เพื่อความสบายใจว่าเราได้ดึงความสามารถของทีวี 4K มาใช้อย่างคุ้มค่า อีกทั้งยังสามารถนำ Apple TV ตัวเก่าไปใช้งานจุดอื่นได้
- แต่สำหรับคนที่ลังเลว่าจะเปลี่ยนดีหรือไม่ ตรงนี้บอกได้เลยถ้านาน ๆ ดูที…….อย่าซื้อมาให้เปลืองเงินเลยครับ ขนาดผมใช้ Apple TV Gen 3 รุ่นเก่ากับ OLED 4K HDR ของ LG อยู่ พอสลับมาใช้ Apple TV 4K เครื่องนี้ ความแตกต่างที่ได้น้อยมาก ยังต้องจับความรู้สึกอยู่นานกว่าจะหาความแตกต่างจนเจอว่า เออ……มันคมชัดขึ้นเนอะ ไม่เหมือนตอนเปลี่ยนจาก HD เป็น Full HD ที่มันคมชัดแบบแตกต่าง แถมหนัง 4K ใน iTunes เองตอนนี้ก็มีไม่มาก ไม่ต้องรีบคันพี่บอกเลย
อ้อ….สิ่งที่ไม่ชอบอย่างนึงตั้งแต่รุ่นก่อนหน้า Gen 4 คือ ไม่มีช่อง optical ทำให้ไม่สามารถต่อระบบเสียงตรงไปยังชุดโฮมเธียเตอร์ได้โดยตรง มีเพียงช่อง HDMI เท่านั้น ทำให้หากต้องการดูหนังพร้อมระบบเสียงโฮมเธียเตอร์ต้องออกแรงพลิกแพลงการเชื่อมต่อกันพอสมควร
ขอให้มีความสุขกับชีวิตไอที และ การชมภาพยนต์ในบ้านนะครับ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์นะจ๊ะ เจอกันใหม่บทความหน้า
_________________________________________
ชอบ #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย
ฝากกดไลค์ติดตามเพจ “ไลฟ์สไตล์ไอที กับพี่อาร์ต” ด้วยนะจ๊ะ