Samsung A9 2018 มีกล้องหลัง 4 ตัว ราคา 19,900 บาท สร้างความฮือฮา แต่ใช้งานจริงมันจะเทพมั๊ย วันนี้พี่จะทดสอบสไตล์ #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย ให้ดูกัน
เมื่อสงครามมือถือหันมาเล่นกับจำนวนกล้องอย่างจริงจังในมือถือระดับกลางราคาสองหมื่นบวก-ลบ ที่ตอนนี้เป็นตลาดที่สู้รบกันดุเดือดไม่แพ้มือถือราคาระดับหมื่นบาท Samsung ก็สร้างเซอร์ไพรส์ได้อย่างน่าสนใจ เพราะเจ้า A9 2018 ตัวนี้นั้นให้เลนส์กล้องมาครบทุกระยะให้ใช้งาน
สเปค Samsung Galaxy A9 2018
- ขนาดตัวเครื่อง 162.5 x 77 x 7.8 มม.
- น้ำหนัก 183 กรัม
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 18.5:9
- ซีพียู Snapdragon 660
- ชิพกราฟฟิก Adreno 512
- แรม 6 กิ๊ก
- หน่วยความจำ 128GB
- เพิ่มเมมฯ แบบ MicroSD ได้สูงสุด 512 กิ๊ก
- กล้องหลัง 4 ตัว คือ
- เลนส์ ปกติ 24 ล้านฯ f/1.7 5 ล้านฯ
- เลนส์ Depth Sensor 5 ล้านฯ
- เลนส์ซูม 10 ล้านฯ ซูมได้ 2X
- เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านฯ กว้าง 120 องศา
- กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อมบิวตี้โหมด และ หน้าชัดหลังละลาย
- ปลดล็อคด้วยใบหน้า และ สแกนลายนิ้วมือ (ด้านหลัง)
- แบตเตอรี่ความจำ 3,800 มิลิแอมป์ รองรับ Adaptive Fast Charge
- สีที่วางจำหน่าย ดำ Caviar Black, ฟ้า Lemonade Blue และ ชมพู Bubblegum Pink
โดยกล้อง Samsung Galaxy A9 2018 นั้นให้ชุดเลนส์มา 4 ระยะดังนี้
แน่นอนทุกคนสงสัยว่ากล้องมันจะดีมั๊ย เพราะมันเป็นมือถือระดับกลาง ไม่ใช่ตัวท๊อป ตัวเทพอย่าง S9+ หรือ ตระกูล Note ดังนั้นวันนี้พี่อาร์ตจะมาทดสอบให้ชมกัน โดยรีวิวนี้จะเน้นกล้องนะครับ ไม่แกะ ไม่เกอะมันแล้วกล่องหน่ะ เพราะคนอื่นเค้าทำไปหมดละ
ว่าแล้วมาชมคลิปรีวิวทดสอบกันเลย
ในคลิปรีวิวมีตัวอย่างวีดิโอให้ชมพร้อมภาพนิ่ง แต่ใครรู้สึกไม่จุใจ พี่อาร์ตเอาภาพนิ่งมาโพสลงตรงนี้ด้วย โดยภาพทั้งหมดใส่ลายน้ำและย่อเท่านั้น (ยกเว้นโหมดโบเก้) สามารถ แตะเพื่อชมภาพขนาดใหญ่ และเซฟลงคอมฯไปซูมได้ตามใจชอบเช่นคย
ตัวอย่างภาพถ่าย
ภาพทั้งหมดย่อ และ ใส่ลายน้ำเท่านั้น ไม่มีการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิ่้น เพื่อน ๆ สามารถคลิ๊กเพื่อดูรูปใหญ่ หรือ เซฟลงคอมไปลองขยายดูได้เช่นเคย
Mode: Ultrawide
มาเริ่มจากโหมดเด็ดที่ทำให้ต้องซื้อ A9 ตัวนี้มารีวิวกันก่อนให้หายคาใจ
จะเห็นได้เลยว่า เราสามารถเก็บภาพได้กว้างขึ้น ได้มุมมองของวิวเดิมที่เปลี่ยนไป ยิ่งถ่ายรูปคน หรือ สิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ หรือ ถ่ายวิวที่ไม่มีที่ให้ถอยออกเพื่อเก็บภาพกว้าง ๆ ก็เพียงกดไปใช้โหมด Ultra Wide เราก็สามารถยืนจุดเดิม เพื่อถ่ายมุมกว้างได้ดังใจ
Mode: Auto vs Scene Optimizer
ทดสอบถ่ายแบบออโต้ปกติ เทียบกับสีสรรของ AI ในโหมด Scene Optimizer
จากการใช้งานพบว่าตัวเครื่องใช้เวลาประมวลผลมากไปหน่อยกว่าจะเลือกซีนได้ โดยใช้ความรู้สึกเทียบกับ Huawei P20 Pro, Note 9 และ Oppo R17 Pro ส่วนผลงานก็ตามภาพเลย ใครชอบแนวไหนเลือกใช้งานกันได้
Mode: Auto
Mode: Zoom / ซูมสุด ๆ
Mode: Live Focus
Mode: กล้องหน้า
สิ่งที่ชอบ
- ultrawide พร้อมโหมดแก้ไขภาพเบี้ยว ทำให้เราเก็บภาพในอีกมุมมองที่ปกติไม่สามารถทำได้ในมือถือรุ่นปกติ
- Live Focus พร้อมโบเก้
- AR Sticker น่ารัก ๆ ที่สนุกได้ทั้งครอบครัว
สิ่งที่ไม่ชอบ
- โหมด Scene Optimizer แยกออกมาจากออโต้ ต้องเลือกใหม่ทุกครั้งที่เรียกใช้งานกล้อง
- Slow motion ต้องถอยออกห่างจากระยะถ่ายวีดิโอปกติ 1 เมตรกว่า ๆ ทำให้การใช้งานขาดตอน
- คุณภาพรูปไม่ค่อยคมสมกับสเปค กล้องใหญ่ ได้ไฟล์ใหญ่ แต่ไม่คมเท่าพวก S9+ หรือ Note 9
- Slowmotion กับ super slow motion ชอบโฟกัสหลุด ถ่ายแล้วเบลอปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง ใกล้กับปุ่ม Power มากไปนิด ทำให้กดผิดบ่อย
การใช้งานทั่วไปต่าง ๆ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามสไตล์ snapdragon 660 ที่ทำได้ทุกอย่าง แบตฯอึดมาก เล่นเกมส์ได้อย่างพึงพอใจหายห่วง แน่นอนคงไม่เทพเท่าพวกเครื่องละสองสามหมื่น แต่โดยรวมถือว่าน่าพึงพอใจ โดยเฉพาะเมื่อเราตั้งใจซื้อมันมาเล่นโหมด Ultra Wide ที่เก็บภาพได้อย่างแตกต่าง
เอาเป็นว่าหากเน้นเรื่องกล้องในงบประมาณนี้ ผมว่า A9 2018 ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว และเป็นตัวที่ต้องเลือกหากอยากใช้เลนส์ Ultra Wide
แต่หากไม่เน้นกล้อง ชอบเล่นเกมส์เป็นหลัก ใช้โซเชี่ยลบ้าง ถ่ายรูปเอาแบบกลาง ๆ ในตลาดยังมีตัวเลือกเทพ ๆ ที่ใช้ซีพียู Snapdragon 845 ในราคาใกล้เคียงกัน หรือ ถูกกว่าด้วยซ้ำ
และอย่างที่บอกครับ จงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มือถือที่ดีที่สุด คือมือถือที่เราใช้งานได้คุ้มค่า และ มีความสุขที่สุด
________________________________________________
ฝากกดไลค์ติดตามเพจ “ไลฟ์สไตล์ไอที กับพี่อาร์ต” ด้วยนะจ๊ะ