เมื่อแบรนด์ที่เน้นเครื่องราคาประหยัดหันมาทำเครื่องแพง ๆ มันจะเป็นอย่างไร มาดูแกะกล่อง Oppo Find X แบบบ้าน ๆ กับพี่อาร์ต กัน

#ซื้อเองรีวิวเอง #มาช้าเพราะซื้อเอง #ไม่ต้องยืมเครื่องไม่ต้องเกรงใจใคร #ไม่ดีก็ติ

มาแล้วแกะกล่องกล้องสเปค สไตล์บ้าน ๆ ของพี่อาร์ตที่รอคอย แม้จะมาช้ากว่าชาวบ้านที่ได้เครื่องมารีวิวก่อนวันขายจริง แต่พี่กล้าประกัน พี่ตรงไปตรงมา ดีก็ชม ไม่ดีก็ด่า ไม่ต้องเลี่ยงคำพูด 555

ลูกเพจ แฟน ๆ ช่อง ไลฟ์สไตล์ไอที กับพี่อาร์ต น่าจะแปลกใจกันไม่เบา เพราะปกติผมไม่เคยซื้อ Oppo มารีวิวเลยแม้แต่เครื่องเดียวตั้งแต่ทำรีวิวมาเป็นสิบปี (ทำมาตั้งนานแต่คนฟอลโล่วน้อยจนน่าสงสาร 555) ซึ่งที่ปกติไม่ได้ซื้อ Oppo มารีวิวก็เพราะพี่เน้นเครื่องตัวท๊อป หรือ รุ่นที่ส่วนตัวเห็นว่าน่าใช้

ที่ผ่านมา Oppo สำหรับผมคือ เครื่องรุ่นราคาประหยัดหน้าตาจีน ๆ การตลาดจีน ๆ คือเอาถูกเข้าว่า หน้าตาเหมือนกันหมด แต่สำหรับ Find X ในมือเครื่องนี้เป็นรุ่นที่เรียกว่า “เรือธง” จริง ๆ เพราะทั้งสเปค ดีไซน์ และ นวตกรรมที่ใส่เข้าไปมันควรค่ากับการเสียเงิน 29,990 บาท มาลองเล่นเพื่อเล่าให้เพื่อนฟัง จนเป็นที่มาของ “แกะกล่องแบบบ้าน ๆ นี้”

—ว่าแล้วก็มาชมคลิปกันเลย—

สเปคอย่างเป็นทางการ Oppo Find X

  • หน้าจอโค้ง 6.42 นิ้ว OLED Display
  • ความละเอียด FullHD+ 1080 x 2340 พิกเซล
  • ขนาดตัวเครื่อง 156.7 x 74.2 x 9.4 มม.
  • น้ำหนัก 186 กรัม
  • ซีพียู Qualcomm Snapdragon 845 AIE ความเร็ว 2.8 GHz + 1.7 GHz
  • ชิพกราฟฟิก Adreno 630
  • แรม 8 GB
  • หน่วยความจำในตัวเครื่อง 256 GB
  • ใส่เมมฯ ไม่ได้
  • กล้องหลังตัวหลัก 16 ล้านฯ f/2.0 PDAF+OIS คู่กับ 20 ล้านฯ f/2.0
  • กล้องหน้า 25mp f/2.0พร้อม 3D Face Scan Sensor
  • รองรับ 2 ซิม
  • แบตเตอรี่ 3,730 มิลิแอมป์
  • รองรับ fast charge แบบ OPPO VOOC
  • มาพร้อมระบบการใช้งาน OPPO Color OS
  • จำหน่าย 2 สี คือ แดงเบอร์กันดี และ น้ำเงิน โดยเป็นสีเหลือบ

อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย

  1. ตัวเครื่อง Find X
  2. สาย USB Type-C
  3. อะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน รองรับ VOOC Flash Charge ชาร์จเร็วเว่อร์
  4. หูฟัง Type-C
  5. หัวแปลง 3.5 มม. เป็น Type-C
  6. เข็มจิ้มซิม
  7. เคสใส่แบบแข็ง
  8. คู่มือฉบับย่อ
  9. สติ๊กเกอร์ Find X
  10. ผ้าไมโครไฟเบอร์ สำหรับทำความสะอาดตัวเครื่อง

สเปคแรงที่สุดในปัจจุบัน…..คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ตัวท๊อปพร้อมแรม 8 กิ๊กขนาดนี้ พี่อาร์ตคงไม่ต้องทดสอบบน Antutu หรอกนะ (เพราะขี้เกียจ) เนื่องจากเราเป็นสายฟิลลิ่ง 555 เล่นเกมส์ เปิดแอพฯ สบายหายห่วง ส่วนการทำงานผ่าน Color OS หรือ คัลเลอร์โอเอส อันเป็นระบบที่ Oppo ครอบลงไปบนแอนดรอยด์ 8.1 นั้น

การใช้งานรู้สึกว่าลื่นไหล แต่ยังไม่ได้ลองอะไรมาก มัวแต่ตื่นเต้นกับฟีเจอร์มากมายเต็มเครื่อง และ ทำความเข้าใจกับแบรนด์ราคาประหยัดที่ผันตัวมาขายเครื่องเทพ สเปคท๊อป ๆ ราคาสามหมื่นบาท ซึ่งแน่นอนมันมาชนกับแบรนด์ที่ใช้อยู่ประจำอย่าง Samsung ในรุ่น Galaxy Note 8 และ S9+ แบบเต็ม ๆ

ดีไซน์โดยรวมถือว่าทำออกมาสวยมาก เบามาก งานประกอบตัวเครื่องโลหะทำได้ดีมาก ๆ แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันออกมาชนกับ Samsung แบบเต็ม ๆ ทำให้การจัดวางตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ รวมถือการใช้หน้าจอโค้ง และ หลังโค้งเหมือน “ได้แรงบันดาลใจ” จากแดนกิมจิ ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์จากรึกไว้ว่า “Designed by Oppo” ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่

จุดที่เด่นเป็น ทอล์คออฟเดอะทาวน์ จริง ๆ คือชุดกล้องที่ซ่อนลงไปในตัวเครื่อง และ จะเลื่อนขึ้นมาเมื่อเปิดใช้งานอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับกล้อง ทั้งกล้องหน้า และ กล้องหลัง ที่ใช้คำว่าเลื่อนเพราะไส้ในจะเป็นชุด “เลื่อน” ออกมาจริง ๆ ไม่ได้ใช้ระบบเด้งแต่อย่างใด ทำให้เค้าผ่านการทดสอบการใช้งานร่วม สามแสน ครั้ง การันตีว่ามันจะทนทานจนเราขายต่อไปเป็นมือสอง มือสาม แต่ระยะยาวจะจริงแค่ไหนคงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

กล้องดันขึ้นรวดเร็ว เรียกว่าพอดีกับระยะเวลาที่แอพฯ กล้องเปิดพร้อมใช้งานพอดี ตรงนี้เหมือนจะสับขาหลอกนิดนึงเพราะพอกล้องที่ติดอยู่ด้านหลังปกตินั้น เวลาเรียกใช้งานกล้องก็กินเวลาเป็นวินาทีในการให้แอพฯ กล้องพร้อมใช้งานอยู่แล้ว แต่พอ Find X ต้องดันชุดกล้องขึ้นมาทำให้พี่อาร์ตรู้สึกว่ามันไม่สะดวกเหมือนปกติ ทั้ง ๆ ที่เวลาในการเรียกใช้งานแทบไม่ต่างกับมือถือเรือธงทั่วไปเลย

คุณภาพกล้องเบื้องต้นถือว่าน่าพอใจมาก ๆ ไม่ได้เกิดความรู้สึกผิดหวังแม้แต่น้อย การถ่ายภาพทำได้รวดเร็ว มีระบบ AI ช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น การถ่ายหน้าชัด-หลังละลายทำได้ดี ถ่ายง่ายไม่ต้องถอยเยอะ ๆ เหมือนซัมซุง ทำให้เก็บภาพความประทับใจได้ง่ายกว่า

ตัวอย่างภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ จาก Oppo Find X

สิ่งที่หลายคนสงสัย และ พี่อาร์ตเองก็สงสัยว่า Oppo สร้างสรรนวตกรรมกล้องเลื่อน-ขึ้นลง มาเพื่อเป็นมือถือที่มีหน้าจอเต็มเครื่องที่สุดนั้น เค้าจะมีกิมมิก หรือ ลูกเล่นอะไรกับเคสที่จะมารองรับดีไซน์กล้องสุดล้ำนี้

แต่ที่ได้มากลับเป็นเคสพลาสติค ตรงปุ่มเป็นยาง แล้ว…..ปาดด้านบนของเคสออกไปเพื่อให้กล้องเลื่อนได้

เออ….พี่จีนเล่นงายมากกกกกก

จากการได้แกะกล่องใช้งานเบื้องต้น พี่อาร์ตเจอสิ่งที่ไม่ชอบมากมายซึ่งเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัว ไม่ได้บอกว่าถูกต้องทั้งหมด และ ไม่ได้บอกว่าเป็นบรรทัดฐานของทุกคนต้องเหมือนกัน แต่หากใครคุ้นกับสไตล์ของผมจะเข้าใจ สิ่งที่ไม่ชอบ

สิ่งที่ไม่ชอบ

  1. หน้าจอโค้ง มีปัญหากับฟิลม์แน่นอน ขนาด Note 8 ทุกวันนี้ยังมีปัญหากับฟิลม์อยู่เลย
  2. เคสก็เป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก แถมเช็ดยากสุด ๆ
  3. เครื่องละสามหมื่น แต่….ไม่มี Wireless Charge
  4. กล้องเลื่อน ๆ หาเคสยากแน่นอน หัวเปิด เสียวไส้
  5. ได้ข่าวว่ากล้องเลื่อน ๆ นี่เก็บฝุ่นเต็ม ๆ เพราะมันมีช่องว่างข้างตัวเครื่องเปิดอยู่ตลอดเวลา
  6. กล้องเลื่อนขึ้น-ลง รู้สึกไม่สะดวก และไม่สบายใจ แม้ว่าจริง ๆ แล้วจะเปิดกล้องเร็วมาก แต่ความมโนว่ามันเรียกใข้ยากช่างรุนแรงจริง ๆ
  7. ด้านหลังที่ “มโน” ตามโฆษณาไปเองว่าเป็นสีเหลือบ และ คาดว่าจะเหลือบเหมือน Huawei P20 Pro สวย ๆ แต่ของจริงคือ ตรงกลางเป็นสีดำ ด้านข้างเป็นสีน้ำเงิน แบบว่า…”คุณหลอกดาว” มันได้ได้เหลือบจริง ๆ ใช่มั๊ย มันแค่ทำสีเหมือนจะเหลือบ หรือสามารถอวยได้ว่าเหลือบเฉพาะสีน้ำเงินที่ขอบข้าง !!!

สิ่งที่ชอบ

  1. ตัวเครื่องเบาถูกใจสุด ๆ
  2. ดีซน์ทั้งหมดมันสวยมากกกกก  มีความพรีเมี่ยม ดูแพง งานประกอบหรูหราสมกับเป็นเรือธง แม้จะโดนผมจิกกัดในแทบทุกส่วนก็ตาม
  3. ขณะที่ไม่ชอบกล้องเลื่อน ๆ แต่ในขณะเดียวกันเวลาหยิบมาใช้งานคนมอง รู้สึกดี รู้สึกล้ำ อิ อิ อิ
  4. ชาร์จแบตฯ เร็วเว่อร์ แต่ใช้งานประจำวันจะทนหรือเปล่าเดี๋ยวลองกันอีกที
  5. การทำงานบน Snapdragon 845 AIE เร็ว แรง จน Note 8 ในมือนี่สั่นเลย
  6. Color OS เป็นแบรนด์จีนที่ผมว่าหน้าตาการใช้งานสวยที่สุด

วันนี้ลองกันแบบเบา ๆ สไตล์พี่อาร์ตกันแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะเอาซิมใส่ใช้งานเป็นเครื่องหลักสักอาทิตย์นึงแล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่ว่ามันจะสมกับเป็น “เรือธง” ราคาสามหมื่นได้หรือไม่

อ้อ…คราวก่อนใครโหวตให้ซื้อ Oppo Find X มารีวิว พี่อาร์ตทำตามสัญญาแล้วนะ ช่วยแชร์รีวิว ทำหน้าที่ด้วย 555

ปล. ขอบ่นทิ้งท้ายหน่อยเหอะ!!! เกิดมารีวิวก็ซื้อเอง จองเองตลอด กล้าบอกว่าประสบการณ์จองเครื่องสูงมาก แต่กับแบรนด์ Oppo นี่ครั้งแรกก็ได้ประสบการณ์ใหม่ทันที่ เพราะต้องถ่ายสำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง แต่ที่ได้รับกลับมาคือ ใบจองที่น้องเขียนด้วยมือ….โอ้วมายก๊อดดด

ถ้ายังไม่เปลี่ยนนโยบายคราวหน้าคงไม่กล้าจองแล้วหล่ะ พี่อาร์ตหน่ะ หวงบัตรประชาชนนะ และ เพื่อน ๆ ควรจะหวงสำเนาบัตรพร้อมลายเซ็นต์ด้วย ไม่ได้เรื่องใหญ่อะไรมากกับมือถือเครื่องนึงจนต้องให้สำเนาบัตรประชาชนเลยครับ อันตรายมาก ๆ

_________________________________________________

#ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย

ฝากกดไลค์ติดตามเพจ “ไลฟ์สไตล์ไอที กับพี่อาร์ต” ด้วยนะจ๊ะ

https://www.facebook.com/xenonartpage

Facebook-Like

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art