ตอนจบไตรภาครีวิวมือถือที่เน้นเรื่องกล้อง Huawei P20 Pro พิสูจน์ว่ามันเทพเหมือนที่เค้าคุยเอาไว้หรือเปล่า
#ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย #HuaweiP20Pro #GalaxyS9TH #iPhoneX
หลังจากเรารู้ข้อจำกัดของ Huawei P20 Pro ตัวนี้ไปในรีวิวที่แล้ว วันนี้ก็มาถึงคิวของการทดสอบกล้องถ่ายภาพกันบ้าง ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ หรือ จุดของหลักเพียงหนึ่งเดียวที่ Huawei เองนำมาโปรโมท และเชื่อว่ามันคงจะเป็นตัวตัดสินของเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนว่าจะซื้อเจ้า P20 Pro นี้มาครอบครองหรือไม่ จะตอบโจทย์หรือเปล่า
ก่อนอื่นมาดูคลิปรีวิวที่จะพาไปดูเมนูกล้อง และ ความเห็นของผมจากการใช้งานกัน แล้วค่อยลงไปดูภาพถ่ายเปรียบเทียบกันนะครับ หากใครไม่อยากดูคลิปรีวิวก็ดูภาพถ่ายไปพลาง ๆ ก็ได้ ผมจะพยายามอธิบายเพิ่มไปตลอด
มาดูภาพทดสอบตามคำเรียกร้องโดยเราจะเอาเทียบกับเทพเจ้าอีก 2 ตัวคือ Samsung Galaxy S9+ที่ต้องยอมรับว่ากล้องเค้าสวยที่สุดในตลาดก่อนการมาของ P20 Pro และ iPhone X ที่มีสาวกคอยเชียร์มากมาย โดยภาพทั้งหมดย่อ และ ใส่ลายน้ำเท่านั้น สามารถแตะที่ภาพเพื่อดูขนาดเต็ม และ เซฟไปลองขยายในคอมพิวเตอร์ได้เหมือนเคย เรามาดูกันว่า Samsung S9+ จะยังคงรักษาแชมป์ได้หรือไม่ ลำดับภาพดังนี้
- Samsung S9+
- Huawei P20 Pro
- iPhone X
อ้อ…แน่นอนว่าภาพทั้งหมดใช้โหมด Auto ทั้งสิ้น เว้นแต่จะระบุไว้ ส่วน Huawei P20 Pro ใช้ Auto + AI คุณสมบัติพิเศษของเค้าที่จะปรับตัวอัตโนมัติให้เหมาะกับภาพที่ถ่าย โดยเใช้เซ็นเซอร์ใต้กล้องเป็นตัวจับภาพ ส่วนจะฉลาดแค่ไหนเดี๋ยวว่ากัน
มุมประจำ
การทดสอบภาพถ่ายเรามาเริ่มที่มุมประจำของผมที่ไม่ได้ถ่ายมาพักใหญ่ ๆ ละ กลัวจะเบื่อกัน แต่เห็นว่ามุมนี้เจ้า P20 Pro มันจะต้องโดย เลยจัดมาฝากกันตามภาพชุด้านล่าง ซึ่งจะเห็นว่าทำผลงานได้ดีทีเดียว ใกล้เคียงกับที่ตาเห็นมาก ๆ โดย Samsung S9+จะได้ภาพที่สว่างกว่าจริงหน่อย ๆ
โดยรวมถือว่ามุม “ประจำ” ประตูไม้กับกำแพงผ้าไหมนี้ Huawei P20 Pro สอบผ่านไปอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนโทนสีใครชอบแบบไหนเลือกกันเอาเอง หันมามอง iPhone X ยกแรกยังคงพอประคองตัวไปได้
กลางแจ้ง / Outdoor
ถ่ายช่วงประมาณสี่โมงเย็นแดดร่มนิดนึงแต่ยังสว่างอยู่มาก ๆ เรียกว่า “จ้า” เลยก็ว่าได้เพราะเดินไปถ่ายนี่ต้องหยีตากันเลยทีเดียว โดยถ่ายมา 2 ชุด ภาพมุมกว้างแนวอาคารสถาปัตยกรรม และ มุมแคบทดสอบการให้สีสรร
จากชุดสนามเด็กเล่นนี้ ผมมองว่าสีสรร ซัมซุง S9+ ยังคงได้ความสดใสน่าเล่นที่สุด แต่ P20 Pro เก็บรายละเอียดท้องฟ้าได้ดีมาก ๆ เมฆสวยสุด ๆ แต่สนามเด็กเล่นสีหม่นเชียว อารมณ์เน้นวิวมากกว่าสนามเด็กเล่นที่ผมพยายามโฟกัส ส่วนไอโฟนท้องฟ้าสวยมีมิติมากกว่า P20 Pro อย่างน่าตกใจเพราะคิดว่ามุมนี้เสร็จ Leica แน่นอนแต่ผลที่ได้กลับทำได้ดีมาก ส่วนสนามเด็กเล่นสีของไอโฟนอยุ่ในเกณฑ์กลาง ๆ ไม่สด หรือ หม่นเกินไป งานนี้คนใช้ไอโฟนใจชื้นขึ้นเยอะ 555
เสร็จแล้วมาลองถ่ายย้อนแสงดูบ้าง โดยเมื่อเราหันกล้องไปทางใบไม้ เจ้า P20 Pro จะเปลี่ยนเป็นโหมด “Greenery” หรือ โหมดใบไม้ (มั๊ง) ให้โดยอัตโนมัติ รูปนี้เป็นการถ่ายย้อนแสงนิด ๆ ประมาณ 4 โมงเย็นเช่นเคย
ถ่ายดอกไม้ / Flower Mode
จะออกแนวนักพฤษศาสตร์หน่อย ๆ หรือ จะเป็นนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติน่าจะชอบแนวนี้พอสมควร ระบบ AI อันแสนฉลาดของ P20 Pro นั้นพอเราหันกล้องไปทางดอกไม้ ตัวกล้องก็เปลี่ยนเป็นโหมด Flower ให้ทันที โดยผลงานที่ได้ตามภาพด้านล่าง
คือ….ส่วนตัวไม่ชอบนะครับ มันดูเข้ม ๆ มืด ๆ เฟค ๆ ยังไงชอบกล มืด ๆ หลอก ๆ เข้ม ๆ เหมือนใส่ฟิลเตอร์แรง ๆ ก่อนโพส IG อย่างไรอย่างนั้นเลย
ตัดสินใจปรับไปใช้โหมด Auto แล้วปิด Master AI ผมว่าได้ภาพที่สวยกว่าเยอะ (ตามความชอบของผม)
สำหรับดอกไม้สีสด ๆ แบบนี้ผมว่าถ่ายโหมดออโต้ธรรมดาก็สวยบาดใจแล้วหล่ะ
โดยรวมภาพกลางแจ้งก็จะได้ประมาณนี้ครับ เรามาดูการถ่ายของกินกันบ้าง
ภาพอาหาร / Food Blogger
เชื่อว่าทุกคนชอบถ่ายอาหาร และต้องประกอบพิธีกรรม “ถ่ายก่อนรับประทาน” เสมอ 555 รวมไปถึงบรรดาบล็อคเกอร์อาหารที่หลาย ๆ ท่านนิยมใช้มือถือถ่าย และก็จะเป็นมุมที่ผมถ่ายทดสอบมากที่สุดเลย 555
มันจะถ่ายน่ากินแค่ไหนลองดู
ภาพชุดแรกนี่กุ้งแม่น้ำเผาตัวละครึ่งโลกันไปเลย ฉ่ำ ๆ เน้น ๆ ที่ไม่อยากจะบอกว่าใช้อะไรถ่ายก็สวย เอามือถือเรือธงสองปีก่อนมาถ่ายยังสวยครับ แต่เทพปีนี้ไม่ได้วัดกันแค่ใครน่ากินกว่ากัน ใครโพสแล้วเรียกลูกค้าได้ แต่อยากให้ดูลงลึกไปในรายละเอียดว่าใครเก็บได้ทุกเม็ดกว่า ซึ่งชุดแรกนี้ผมยกให้ Huawei P20 Pro ที่ไม่โดนจานสีขาวหลอกแสง ทำให้เนื้อกุ้งออกมาดูแน่น เห็นเนื้อชัด ๆ ต่างกับ S9+ ที่จะออกขาวโพลนกว่า ส่วน iPhone X อย่าให้พูดถึง
พอหันกล้องมาถ่ายหอยจ้อจานนี้ ระบบ AI น่าจะไม่รู้จัก เพราะที่จีนคงไม่มีหอยจ้อ มันเลยไม่ได้ปรับเป็นโหมดอาหารที่เร่งสี เร่งแสง แต่กลับมาใช้โหมดออโต้ธรรมดา ภาพที่ได้ผมว่ามันจืด ไม่น่าทาน เทียบกับ S9+ แล้วชุดนี้แพ้ไป
ชุดตะลุยหม้อสุกี้นี้เป็นการถ่าย “แหวกม่านหมอก” เพราะไอน้ำจากหม้อสุกี้ลอดปุด ๆ ตลอดการถ่ายทำ ปากก็เป่าไป มือขวาก็คืบไป มือซ้ายก็ถือกล้องถ่ายไปไม่มีตัวช่วยใด ๆ ทั้งสิ้น ช๊อตนี้วัดความสามารถในการถ่ายทะลุไอน้ำ และ พิสูจน์ความนิ่งในการจับโฟกัส ใครไม่เจ๋งจริงภาพจะออกมามัว
ส่วนภาพชุด “ถ้วยแห่งสุขภาพ” ก็เห็นว่ามันเป็นภาพรวมที่ไม่น่ากินแบบสุด ๆ และมันก็น่าถ่ายจริง ๆ ว่าอาหารที่ดูไม่น่ากินเนี่ย ใครจะให้ภาพเป็นยังไงบ้าง เพราะของน่ากินถ่ายยังไงก็สวย 555
ถ่ายคน / Portrait
ความเจ๋งที่ผมเคยชม Huawei x Leica มาตั้งแต่ P10 Plus เมื่อปีก่อนก็คือ มันเป็นมือถือที่ถ่ายคนในระยะครึ่งตัว สวยที่สุด โหดที่สุด ดูประหนึ่งถ่ายด้วยกล้องโปรฯ ราคาหลักแสนกันเลย
มา P20 Pro จะพลาดโหมดนี้ไปได้อย่างไรมาลองถ่ายลูก ที่เป็นงานหลักของผมก็แล้วกันว่าจะจับความสดใสของเด็กได้ดีแค่ไหน (ครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับอารมณ์เด็กด้วยนะ)
การละลายหลังผมปรับเบลอสุดทุกภาพ ใครชอบแบบไหน ตัวไหนละลายได้เรียบร้อยกว่ากัน แนวผม ขอบเก้าอี้ดูกันเองโลด
ถ่ายใกล้ ๆ / ขายของออนไลน์
ถ่ายสินค้า ขายของออนไลน์ ใช้กล้องมือถืออะไรสวย…..นั่นสิ สำหรับมุมนี้ปกติจะถ่ายกระเป๋า กับ รองเท่ามาให้ดู แต่ไหน ๆ ก็จะเอาเทพ 3 ตัวมาปะทะกัน เลยตั้งโจทย์ยากให้หน่อย โดยถ่าย นาฬิกา ละกัน ผมว่ายากดี และ เป็นสินค้าราคาแพงซึ่งผู้ซื้อต้องการเห็นสภาพอย่างชัดเจนก่อนจะไปจบราคากัน
ภาพแนวนี้ส่วนมากไม่ได้เน้นความสมจริง เพราะเป็นสินค้าที่หารูปเทพ ๆ จากในเน็ตได้ไม่ยากโดยเฉพาะเวปผู้ผลิต แต่ผมว่ามันวัดกันที่ใครถ่ายออกมาแล้วเห็นสภาพได้สมจริง ร่องรอยต่าง ๆ ที่ไม่หลอกคนซื้อแต่ทว่ายังคงความน่าซื้ออยู่ ซึ่งผมว่ายากนะ เพราะรอยต้องชัด แต่สีต้องสวยด้วย
ต้องบอกว่ามุมหลังนาฬิกานี้ iPhone X ไม่สามารถโฟกัสได้แม้จะพยายามสุดความสามารถแล้วก็ตาม ตัดสินใจถ่ายในระยะที่จะคมชัดที่สุด แล้วค่อยมาครอปให้ได้เท่าชาวบ้าน ดังนั้นรูปแยกขอแปะรูปเต็ให้เห็นภาพว่าถ่ายห่างแค่ไหน
ภาพมุมนี้เน้นที่รายละเอียด และ มิติ เพื่อโชว์ความเทพของสินค้า ใครไม่เจ๋งจริงหลบไป !!!!
ขาว-ดำ / Monochrome
บอกเลยว่าเป็นโหมดที่เชื่อว่า Huawei x Leica จะต้องชนะไปอย่างไม่มีทางเถียง โดย P20 Pro นั้นมาพร้อมกับโหมด Monochrome หรือ ขาว-ดำ ส่วน S9+ กับ iPhone X จะเป็นการถ่ายธรรมดาแล้วค่อยมาใส่ฟิลเตอร์ให้เป็น ขาว-ดำ ทีหลัง
ข้อดึของ Huawei คือ เห็นเป็นขาวดำตั้งแต่ก่อนถ่าย สามารถจัดองค์ประกอบของภาพให้เหมาะสมก่อนลั่นชัตเตอร์ ทำให้ภาพ ขาว-ดำ ได้อารมณ์ตามคนถ่ายมากกว่าถ่ายเป็นสีแล้วแปลงเป็นขาวดำ อันนี้มุมมองส่วนตัวนะครับ ซึ่งจริง ๆ ข้อดีของการ S9+ กับ iPhone X คือ สุดท้ายเราจะได้ทั้งภาพสี และ ขาว-ดำ 555
ความเจ๋งอ่ีกอย่างของ Huawei P20 Pro ก็คือ สามารถถ่าย ขาว-ดำ แบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วย ต้องขอบคุณเลนส์ขาว-ดำ ระดับ 20 ล้านพิกเซลด้านหลัง ซึ่งจริง ๆ ซัมซุง กับ ไอโฟน ก็ทำได้นะ แค่ถ่ายภาพสีแบบหลังเบลอแล้วมาใส่ฟิลเตอร์ ขาว-ดำ เหมือนภาพชุดด้านบนไง เพียงแต่พอเป็นเลนส์แยก เห็นความเบลอบนสีขาว-ดำ มันได้อารมณ์ร่วมในการถ่ายมากกว่า จากคนถ่ายเรื่อยเปื่อยเริ่มจะเป็นคนหามุมสวย ๆ ถ่ายละ ^^
กลางคืน / Night Mode
ทีนี้มาลองถ่ายกลางคืนบ้าง แต่ของผมกลางคืนส่วนมากอยู่บ้านเลี้ยงลูก ไม่ค่อยได้ออกไปล่ากวาง เอ้ย….ล่าแสงเหนือเหมือนคนอื่นเค้า เลยขอถ่ายรูปแบบบ้าน ๆ มาฝากครับ โดย S9+ และ iPhone X จะเป็นโหมด Auto แต่ P20 Pro จะขี้โกงด้วยการใช้ Night Mode ที่ถ่ายแล้วต้องถือค้างไว้ 5 วินาทีเพื่อให้กล้องรับแสงให้ได้มากที่สุดแล้วนำมาประมวลผลออกมาเป็น 1 ภาพสวย ๆ ด้านล่าง
มุมนี้ก็ใช้ความได้เปรียบของ P20 Pro ตรงการใช้ Night Mode ถือนิ่งๆ ไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง ระบบมันจะถ่ายยาวนานประมาณ 5 วินาที เพื่อรวบรวมภาพทั้งหมดมาประมวลผลให้ได้ภาพเดียว ซึ่งทำผลงานออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ยอมเทคโนโลยีเค้าจริง ๆ
สำหรับคนที่อยากรู้ว่าถ้า Huawei P20 Pro ถ่ายภาพด้วยโหมดออโต้เหมือนชาวบ้าน ไม่ได้ใช้ความได้เปรียบของการถ่ายเก็บแสงยาวนานถึง 5 วินาทีจะเป็นอย่างไร ผมเอาภาพมืด ๆ มาให้ดูด้วย
และต้องบอกว่าด้วยโหมด ออโต้ ปกตินั้น P20 Pro ถ่ายออกมาได้ห่วยมากกกกกก
หลังจากถ่ายย้อนแสงตอนบ่าย ๆ ไปแล้ว ลองมาดูท้องฟ้าตอนค่ำที่ไร้แสงดาวกันดู….ฝนก็ตกได้ตลอดเลย ^^!
กล้องหน้า / Selfie
เมื่อกล้องหน้า 24 ล้านพิกเซลหวังจะมาตบเด็ก ๆ อย่าง S9+ และ iPhone X ผลจะเป็นอย่างไร
สารภาพว่าพยายามทำหน้าให้ดูดีสุดละ ได้แค่เนี้ย หวังว่าจะโฟกัสที่คุณภาพของรูปมากกว่าคุณภาพของนายแบบนะจ๊ะ 555
และในขณะที่กล้องหน้าของ Samsung Galaxy S9+ กับ iPhone X มีโหมดหน้าชัดหลังละลาย แต่ Huawei P20 Pro หาโหมดนี้ไม่เจอจริง ๆ ซึ่งแปลกใจมากเพราะอย่าง Mate 10 Pro รุ่นก่อนหน้า ผมยังลองเล่นกล้องหน้าหลังละลายอยู่เลย แถมทำได้ดีมาก ๆ อีกด้วย ดังนั้นภาพชุดต่อไปนี้จึงไม่มี P20 Pro มาเทียบอย่างน่าเสียดาย
**อัพเดทข้อมูล**
กล้องหน้าถ่ายละลายหลังโดยใช้โหมด Portrait แล้วกดปุ่มมุมล่างซ้าย ซึ่งเป็นปุ่มโหมด โบเก้ ถ่ายแล้วละลายหลัง แต่ปรับระดับความเบลอไม่ได้
กลับไปลองเล่น Mate 10 Pro เออใช่ เจ้า Mate 10 Pro ก็กดโหมดโบเก้เพื่อละลายหลังสวย ๆ แบบนี้ แต่พอมาเป็น P20 Pro ปรับเมนูจนใช้งานสับสนไปหมด
P20 Pro หลังใช้โหมด Aperture ละลายหลังสามารถปรับแต่งได้ภายหลัง แต่พอเป็นกล้องหน้าต้องใช้โหมด “โบเก้” ในการละลายหลังแทน ทำไมไม่ทำให้เหมือนกันทั้งกล้องหน้า และ หลัง
สำหรับกล้องหน้าละลายหลังสารภาพว่าชอบ P20 Pro มาก ๆ สวยงาม ละลายได้สวยงาม ตัวเราเด่นขึ้นมาทันที และหน้าไม่ขาวเกินไปด้วย
ปิดท้ายรีวิวรูปเยอะด้วยการถ่ายเซลฟี่ตอนกลางคืนดู ใครจะตบใครดูกันเอาเอง
ต้องบอกว่าตอนถ่ายนี่มืดมาก ๆ เพราะฟ้าปิด อาศัยแสงไฟถนนลาง ๆ เท่านั้น โดยผมพยายามเดินหามุมที่ไม่มีไฟถนนส่องด้วยนะ อิ อิ อิ
บทสรุป
เรื่องกล้องมันคือศิลป ทางใครทางมันในเรื่องเฉดสี และ โทนของภาพ ดังนั้นคงไม่ได้ฟันธงอะไรไป และในคลิปก็พูดไปหมดแล้ว แต่ความเห็นส่วนตัว ผมว่า Huawei P20 Pro ได้เปรีัยบสำหรับการถ่าย “วิว” ตอนกลางคืนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยโหมด Night ที่ถ่ายยาวนานถึง 5 วินาที ทำให้สามารถเกลี่ยรายละเอียดและแสงออกมาได้ “เทพ” ที่สุด แต่หากจะเอาไปถ่ายคอนเสิรต์ หรือ ถ่ายอย่างอื่นที่ไม่อยู่นิ่ง ๆ ตัวมันเองกลับถ่ายได้ “ห่วย” ในโหมดออโต้ตอนกลางคืนนะ ดังนั้นผมจึงใช้คำว่าถ่าย “วิว” สวย ซึ่งมีคนไม่น้อยที่นิยมออกไปตามล่าหา “วิว” สวย ๆ ถ่าย อย่างน้อยที่ผมรู้จักก็เกิน 10 คนละ 555
มุมอื่น ๆ ผมว่าผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ อยู่ที่รสนิยมของผู้ใช้แต่ละคนครับ
สำหรับผมกล้อง “เทพตัวจริง” อย่างไม่มีข้อกังขา ติดอยู่ที่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ Huawei ควรปรับปรุงเพื่อก้าวสู่ความเป็น “คู่แข่ง” ที่น่ากลัวพอสำหรับ Samsung และ Apple ในวันข้างหน้า
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะครับ อย่าลืมว่า
“มือถือที่ดีที่สุด ไม่ได้แพงที่สุด แต่เป็นมือถือที่เราใช้คุ้มค่าที่สุด”
_________________________________________
ชอบ #ซื้อเองรีวิวเองไม่ต้องอวย
ฝากกดไลค์ติดตามเพจ “ไลฟ์สไตล์ไอที กับพี่อาร์ต” ด้วยนะจ๊ะ