ซัมซุง กาแลคซี่ Tab S2 VE แท๊บเล็ตแอนดรอยด์ ตัวสุดท้ายของปี 2016 การใช้งานจะดีมั๊ย แบตฯอึดหรือเปล่า เทียบกับ iPad Mini 4 (รีวิวให้ตามคำขอจ้า)
สเปค Samsung Galaxy Tab S2 VE 8″
- ขนาด 198.6 x 134.8 x 5.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 267 กรัม
- หน้าจอ super AMOLED 8 นิ้ว ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล
- ซีพียู Octa Core 1.8GHz+1.4GHz
- แรม 3 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 กิ๊ก
- เพิ่มเมมได้ด้วย MircoSD สูงสุด 128 กิ๊ก
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 4,000 มิลิแอมป์
- ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1
- โทรศัพท์ได้ รองรับ 4G ใช้ Nano SIM แบบซิมเดียว
- รองรับ OTG / Bluetooth 4.1
- วางจำหน่ายสีทอง และ สีขาว
- ราคา 14,900 บาท
เรื่องเกิดจากผมมองหาแท็บเล็ตมาใช้ แต่เบื่อ iPad อยากเล่นอย่างอื่นเปลี่ยนอารมณ์บ้าง มองหาแอนดรอยด์แท็บเล็ต
ก่อนจะซื้อก็ไปศึกษาข้อมูลว่าแท็บเล็ตรุ่นล่าสุดฝั่งแอนดรอยด์ตอนนี้มีอะไรให้เล่นบ้าง พบว่าไม่มีอะไรที่สดใหม่น่าสนใจเลยไม่ว่าจะเป็น Huawei, Lenovo หรือ Xiaomi ทำให้ต้องกลับมาจบที่ Samsung เหมือนเดิมโดยรุ่นล่าสุด ณ. เดือนมกราคม 2560 ยังเป็นรุ่นเก่าที่วางขายมาครึ่งปีแล้วอย่าง Galaxy Tab S2 VE
โดยเจ้า Galaxy Tab S2 VE เป็นการเอา Tab S2 ตัวธรรมดาที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2015 มาปรับสเปคหลายจุดแล้วเพิ่มชื่อห้อยท้ายเป็นรุ่น VE ในเดือน 7 ปี 2016 แต่ยังคงหน้าตา ขนาดเหมือนเดิมทุกประการ อุปกรณ์ และ เคสใช้กันได้เป๊ะ ๆ
สิ่งที่เปลี่ยนไปจากตัวธรรมดา
ความเร็วซีพียู – ลดลง
ตัวธรรมดา 1.9 + 1.3 GHz ตัว VE 1.8 + 1.4 GHz
ความละเอียดในการถ่ายวีดิโอ – ลดลง
ตัวธรรมดา ถ่ายได้ชัดกว่าที่ QHD (2560 x 1440) @30 fps ส่วนตัว VE ถ่ายได้แค่ FHD (1920 x 1080) @30 fps (เฟรมต่อวินาที)
MHL / การเชื่อมต่อออกทีวีผ่าน HDMI – ลงลง
ตัวธรรมดา มี MHL แต่ VE ตัด MHL ทิ้ง
การบริหารพลังงาน – ลดลง
ตัวธรรมดา เคลมไว้ว่าสามารถดูไฟล์วีดิโอได้ 74 ชั่วโมง ส่วน VE แจ้งลดลงเหลือเพียง 14 ชั่วโมง
น้ำหนัก – เบาลง
ตัวธรรมดา 272 กรัม ส่วนตัว VE 267 กรัม
Fast Charge – เพิ่มขึ้น
ตัวธรรมดาไม่มี Fast Charge แต่ตัว VE เพิ่ม Fast Charge ที่จะทำให้ชาร์ตแบตฯ ได้เต็มเร็วขึ้น
ราคา – แพงขึ้น
ตัวธรรมดาเปิดตัว 15,900 บาท ปัจจุบันลดลงเหลือ 14,500 บาท ส่วน VE ราคา 14,900 บาท แพงกว่า 400 บาท
สรุป น้ำหนักเบาลง เปลี่ยนซีพียูใหม่ เพิ่ม Fast Charge เทียบสเปคเสร็จแล้วร้อง “เฮ้ยยยยยย” อะไรกัน รุ่นล่าสุดที่เราจะเอามาใช้แทนไอแพดมินิมันถูกลดลงทุกอย่างแล้วมาห้อยท้ายชื่อว่า VE เสมือนหนึ่งรุ่นอัพเกรดเนี่ยนะ…..คุณหลอกดาว!!!
แต่จะให้พี่ไปซื้อ Tab S2 ตัวธรรมดาเรอะ ฝันไปเหอะ มันต้องหน้าใหญ่ใช้รุ่นล่าอยู่แล้ว จัดมาสิครับรออะไร
แอบสารภาพว่าก่อนซื้อนี่แอบลังเล กลัวซื้อปุ๊ปออกรุ่นใหม่ปั๊ป จะกลับไปเล่น iPad Mini 4 อายุก็ร่วมปี เพิ่มเติมคือออกรุ่นความจุ 32 กิก ราคา 18,900 บาทมาขาย คิดอยู่สาม สี่วัน ตัดสินใจถอย Galaxy Tab S2 VE มาใช้งานด้านอีเมลล์ เข้าเวป และ อ่านอีบุ๊คเป็นหลักเลยอยากหนีข้อจำกัดเดิม ๆ ของ ไอแพด ที่ต้องซิงค์กับคอมเครื่องเดิมตลอดเวลาจะเอาไฟล์เข้า ต่างกับแอนดรอยด์ที่โยนไฟล์หนัง เพลง และ ที่สำคัญอีบุ๊คมากมายของผมลงไปได้เลยจากคอมเครื่องไหนก็ได้
ซื้อเครื่องมา ความรู้สึกแรกเลยคือ “มันเบามาก” เบาสะใจหลังจากใช้ iPad Mini อยู่เป็นปี ๆ ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างชัดเจน หน้าตาสีขาวทั้งหน้า และ หลังถูกจริตพี่มาก
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Galaxy Tab S2 VE
- สายชาร์ต/ดาต้า
- หัวปลั๊กชาร์จไปบ้าน รองรับ Fast Charge
- หูฟังสมอล์ทอล์ค
- ซิลิโคนสำรอง 2 คู่
- คู่มือฉบับย่อพร้อมใบรับประกัน
หน้าจอคมชัด ความละเอียดเท่ากับ iPad Mini 4 คือ 2048 x 1536 พิกเซล แตกต่างกันคือเทคโนโลยีหน้าจอ ซัมซุงจะให้สีสดใส แต่ไอแพดให้สีอ่อนนุ่ม
กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล f/1.9 อยู่บนพื้นขาวด้านแบบไม่มีไฟแฟรช
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซลอยู่เคียงคู่กับลำโพงโทรศัพท์
ตัวเครื่องบางเบาถือจับง่าย มีช่องเชื่อมต่อมาอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นช่องหูฟังขนาด 3.5 มม. และ ช่อง Micro USB สำหรับชาร์ตแบตเตอรี่ และ โอนถ่ายข้อมูลผ่านคอม โดยเท่าที่ศึกษามาตัวนี่รองรับ OTG คือเอาที่อ่านการ์ดเสียบเพื่อเข้าถึงไฟล์ได้เลย
เนื่องจากเป็นแท็บเล็ต ปุ่มต่าง ๆ จึงถูกนำมาวางไว้ข้างเดียวเพื่อเวลาวางเครื่องแนวนอนบนโต๊ะจะได้ไม่กดทับปุ่ม ปุ่มทั้งหมดของ Tab S2 VE อยู่ด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง มีทั้งปุ่ม Power, ปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง รวมไปถึงช่องใส่ซิมการ์ดขนาด นาโน รองรับ 1 ซิม และ ช่องใส่เมมโมรี่การ์ดขนาด Micro SD รองรับขนาดสูงสุด 128 กิ๊ก
ขอบรอบตัวเครื่องเป็นสีขาวตัวเครื่องตัดขอบโลหะเงาสไตล์ไดมอนท์คัดเพิ่มความหรูหราเฉกเช่นเดียวกับ Tab S2 ตัวธรรมดา ซึ่งหากเป็นเครื่องสีทองก็จะได้ขอบทองตัดเงาเช่นเดียวกัน
จากปากคำพนักงานขายที่ช๊อปซัมซุงเค้าบอกสีทองที่พี่ไม่ซื้อมีขายเฉพาะรุ่น VE เท่านั้น รุ่นธรรมดามไม่มี อันนี้ไม่ชัวร์ แต่ที่ชัวร์คือ ถ้าจะเอาตัวธรรมดา หาซื้อยากมาก ไปมา 6 ที่ มีร้านที่ขายตัวธรรมดาเพียง 1 ร้านเท่านั้นคือ TG Fone เดอะมอลล์บางกะปิ
นอกจากน้ำหนักที่เบาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบก็คือบรรดาปุ่มสามทหารเสือคือ ปุ่มโฮม ปุ่มลูกศรย้อนกลับ และ ปุ่มมัลติทากส์ ถูกจัดวางมาอยู่รวมกันตรงกลางเครื่อง ช่วยให้การถือจับเวลาอ่านหนังสือ หรือ เวลาใช้งานต่าง ๆ นิ้วเราจะไม่เผลอไปโดนปุ่มย้อนกลับโดยไม่ตั้งใจส่งผลให้งานที่ทำอยู่สะดุด…..งานที่ว่าคือ “อ่านนิยาย” O_0%
หลังจากลงโปรแกรมที่ใช้งานปกติระดับเบา ๆ ประมาณ 12 แอพฯ ตามรายการด้านล่างจะเหลือหน่วยความจำในตัวเครื่องให้ใช้ 20 กิ๊ก
- Neosoar
- pdf reader
- Pages
- One2Car
- ThaiSmile
- Bangkok Airways
- Emirates
- agoda
- SF Showtime
- Thai Dict
ส่วนพวกไฟล์ภาพ คลิปหนัง รวมไปถึงไฟล์อีบุ๊คต่าง ๆ ผมเอาไปเก็บไว้ในเมมโมรี่การ์ดขนาด 32 กิ๊ก ได้อย่างเหลือเฟือ
ด้านการใช้งานแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้วันนึงสบาย ๆ ตามสไตล์การใช้งานของผม ถ้าเทียบกับไปแพด สมมุติว่าผมใช้หมดวัน Tab S2 VE จะเหลือแบตฯ ประมาณ 30% ในขณะที่ iPad Mini 4 จะเหลือแบตฯ ประมาณ 48% และจากตัวเลขนี้จะเห็นว่าความอึดของแบตฯ Tab S2 VE สู้ Mini 4 ไม่ได้เลย
แต่ในชีวิตปกติที่กลับบ้านชาร์ตแบตฯ ทุกวัน หรือ จะพกพาเดินทางไปท่องโลกเพื่อใช้ทำงาน, อ่านหนังสือ รวมถึงดูไฟล์หนังที่โหลดมาเก็บไว้นั้น Tab S2 VE อยู่รอดปลอดภัยจนถึงที่หมายโดยไม่ต้องวิ่งหาที่ชาร์ตแบตฯ แต่อย่างใด และในกรณีที่ต้องชาร์ตแบตฉุกเฉิน Tab S2 VE มี Fast Charge ทำให้เราต้องการเวลาชาร์ตเพียง 10 นาทีเพื่อต่ออายุการใช้งานได้อีกเกือบชั่วโมง
การอ่านหนังสือทำได้ดีทั้งแนวตั้ง และ แนวนอน คมชัดสบายตาไม่ต่างกับ iPad แต่อย่างใด จะเหนือกว่าตรงน้ำหนักที่เบากว่ามากระหว่าง 267 กับ 304 ของ iPad Mini 4 กรัม ทำให้การพกพาไปไหนมาไหนสะดวกสบาย รวมไปถึงการถืออ่านไม่สร้างความอ่อนล้าให้เหมือนไอแพด
สำหรับนักอ่านอีบุ๊ค ต้องหาแอพฯ อ่านอีบุ๊คสวย ๆ ดี ๆ ที่สามารถอ่านไฟล์จากเมมโมรี่การ์ดได้โดยตรงมาใช้ ตอนแรกผมใช้ neosoar ebook reader ที่สวยงาม ไม่มีโฆษณา และ ฟรีมาใช้ แต่พบปัญหามันก๊อปไฟล์จากเมมโมรี่การ์ดมาไว้ในเมมของเครื่อง ทำให้ไม่สามารถยัดนิยายจีนนับร้อยเล่มลงไปได้
ใครมีแอพฯ อ่าน ebook ไฟล์ pdf ดี ๆ สวย ๆ ฝากแนะนำด้วยครับ
ด้านการเล่นเกมส์ผมไม่ได้ลอง แต่จากการลงเกมส์ Bubble Mania มาลองเบา ๆ มันก็ลื่นไหลไม่ต่างกับ iPad Mini 4 แต่อย่างใด ถ้าเป็นเกมส์หนัก ๆ ใช้กราฟฟิกหนัก ๆ เชื่อว่าคงสู้ Mini 4 ไม่ได้
ข้อดีของ Galaxy Tab S2 VE
- เครื่องเบากว่า ถือใช้งานสบายมือ
- โอนถ่ายไฟล์ง่าย และ สะดวกกว่า ใช้ได้ทุกที่ ไม่โดนข้อจำกัดเหมือน ไอแพด
- โปรแกรม Mail, Calendar และ เครื่องคิดเลข มันเทพกว่า iOS เยอะเลย
- โทรศัพท์ได้ จะโทร หรือจะกดรับสิทธิ์ก็ได้ในขณะที่ iPad ทำไม่ได้
- ใส่เมมเพิ่มแล้วได้ความจุมากกว่า ในราคาที่ถูกกว่าเยอะ
- มี Fast Charge ให้ใช้…..ฉุกเฉินนี่เห็นประโยชน์ทันที
ข้อดีของ iPad Mini4
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่าประมาณ 30%
- เล่นเกมส์มันส์กว่า กราฟฟิกดีกว่า แต่ต้องเป็นพวกเกมส์ใหญ่ ๆ หนัก ๆ ถึงจะเห็นความต่าง
จากข้อดีเมื่อเอามาเทียบกัน รวม ๆ แล้วถามว่า Tab S2 VE ดีกว่า iPad Mini 4 แบบชนะขาดเลยมั๊ย บอกเลยว่า “ไม่” มันมีข้อดี และ ข้อจำกัดคนละแบบ แต่ถ้าเน้นเล่นเกมส์ เข้าเวป ดูยูทูป ทั้งวันทั้งคืน ไปเอา iPad Min 4 ที่แบตฯ โค-ตะ-ระ มหาอึดมาใช้ให้สบายใจเหอะ
บทสรุป
โดยรวมบอกเลยซื้อ Tab S2 VE เครื่องนี้มาไม่ผิดหวัง ด้วยราคาที่คบหาง่าย ใช้งานลื่นไหล แบตฯ อึดหายห่วงไม่ต้อง แถมยังโทรศํพท์ได้กรณีฉุกเฉิน ผมเอามาใช้แทน Mini 4 ได้อย่างไม่กังวล เพราะสำหรับผม การใช้เมลล์บน Samsung ตอบโจทย์มากกว่าการใช้เมลล์ บน iOS เยอะเลย (เพราะใช้ gmail)
ถ้าใช้งานแบบคนปกติ Galaxy Tab S2 VE ผมว่าตอบโจทย์ได้ครบสมบูรณ์ และนี่ก็กำลังจะทิ้ง iPad Mini 4 ไว้บ้าน แล้วพก Tab S2 VE เป็นแท็บเล็ตคู่ใจบินไปญี่ปุ่นเร็ว ๆ นี้
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ