ปล่อยคลิปแกะกล่องไปล่วงหน้า วันนี้จัดบทความมาตรฐานให้เสพกันเหมือนเดิมกับมุมมองในแบบของพี่อาร์ต
สเปค Samsung Galaxy S8+
- ขนาดตัวเครื่อง 159.5×73.4×8.1 มม.
- น้ำหนัก 173 กรัม
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล พร้อมเทคโนโลยีจอแสดงผลแบบไร้ขอบโค้งมน
- ซีพียู Samsung Exynos 8895 ความเร็ว 2.4 GHz
- แรม 4 GB
- หน่วยความจำภายใน 64 GB เหลือใช้จริง 50 GB
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/1.7 Autofocus
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล f/1.7 Dual Pixel และระบบ OIS
- กันน้ำ-ป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68
- แบตเตอรี่ความจุ 3500 มิลิแอมป์ รองรับ Fast Charge และ Wireless Charging
- Android 7.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint)
- เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner)
- ฟีเจอร์จดจำใบหน้าผู้ใช้งาน (Facial Recognition)
- ชิปประมวลผลเสียง Richer UHQ Audio 32-bit
- รองรับ 2 ซิมแบบไฮบริด ส่ามารถเลือกใส่เมมได้
- USB Type-C
Galaxy S8 กับ S8+ ต่างกันยังไง?
สรุปง่าย ๆ เลยคือ….ต่างกันตรงหน้าจอ 5.8 นิ้ว ในรุ่น S8 กับ 6.2 นิ้ว ใน S8+ และ แบตเตอรี่ที่มากกว่า 3,000 กับ 3,500 มิลิแอมป์
แน่นอนราคา S8+ แพงกว่า หากใครไม่ได้เน้นหน้าจอ 6.2 นิ้ว เอารุ่น S8 ก็เหลือเฟือแล้ว
Samsung Galaxy S8 ราคา 27,900 บาท
Samsung Galaxy S8+ ราคา 30,900 บาท
สำหรับคนชอบภาพนิ่งก็จัดให้เหมือนดิม
กล่องจะเป็นแบบ 2 ชั้น ชั้นนอกสีดำกึ่งเงากึ่งด้าน พร้อมตัวหนังสือบอกรุ่น S8+ สีน้ำเงินชัดเจน
หลังกล่องมีสเปคคร่าว ๆ ซึ่งคร่าวมากจนเหมือนโฆษณามากกว่าสเปค แต่สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมคือ เค้ามีบอกให้เสร็จเลยว่าขนาดหน้าจอวัดได้ 2 แบบ โดยแต่ละแบบได้ขนาดหน้าจอไม่เท่ากันคือ 6.1 นิ้ว และ 6.2 นิ้ว ป้องกันดราม่าได้เป็นอย่างดี 555
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Galaxy S8+
- คู่มือฉบับย่อ พร้อมใบรับประกันภาษาไทย
- สายดาต้าแบบ USB Type-C
- หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน
- หูฟัง
- ซิลิโคนสำรอง 2 คู่
- หัวแปลง USB Type-C
- USB Connector
- เข็มจิ้มซิม
จ่ายไฟที่ 2.0 แอมป์ พร้อม Fast Charge ชาร์จเร็ว ชาร์จแรงตามสไตล์ซัมซุง
แน่นอนว่ามันต้องมากับสายดาต้า / สายชาร์จ แบบ USB Type-C เทคโนโลยีล่าสุดที่แอนดรอยด์รุ่นใหม่ ๆ ใช้กันแล้ว เพราะโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่า เสียบด้านได้ทั้ง 2 ด้าน
ถึงเวลาเริ่มสะสมสาย USB Type-C แทน Micro USB ตามมุมต่าง ๆ ของบ้านแล้วหล่ะครับ
แต่ยังดีที่ Samsung เกือบทุกรุ่นที่ใช้ USB Type-C จะแถมหัวแปลงมาให้ ทำให้สามารถใช้ร่วมกับสาย Micro USB เส้นเก่าได้ เพียงแต่ความเร็วในการโอนถ่ายต่าง ๆ จะไม่เท่า USB Type-C
ซิลิโคนหูฟังสำรองอีก 2 คู่ 2 ขนาดให้เหมาะกับสรีระหูของเรา
เค้ามีแถม USB Connector มาให้ ซึ่งมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ให้มา ประโยชน์ของมันคือเอาไว้โอนถ่ายข้อมูลองเราผ่านสายดาต้า รวมถึงย้าย back up ต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งรายละเอียดขอไม่พูดถึง ในคู่มือฉบับย่อมีบอกอย่างละเอียดแล้วจ้า
ตัวเครื่องมาพร้อมขนาดกระชับมือที่ 159.5 x 73.4 x 8.1 มม. ซึ่งหนา และ ยาวกว่า Huawei P10 Plus กับ iPhone 7 Plus เล็กน้อยประมาณ 1 มม. แต่บอดี้จะแคบกว่า iPhone 7 Plus ถึง 5 มม. หรือ ครึ่งเซ็นฯ เลยทีเดียว
Galaxy S8+ หนัก 173 กรัม ซึ่งเวลาถือจับให้ความรู้สึกสบาย ๆ ไม่หนัก หรือเบาจนเกินไป ส่วนตัวชอบน้ำหนักประมาณนี้มาก ในขณะที่ iPhone 7 Plus เครื่องประจำกายจะหนักถึง 188 กรัม ส่วนคู่ฟัดอย่าง P10 Plus หนักแค่ 165 กรัม
น้อง “แปดบวก” มีหน้าจอเทคโนโลยีจอแสดงผลแบบไร้ขอบโค้งมนคมกริบสีสดใสสู้แดดด้วยหน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 6.2 นิ้ว หรือ 6.1 นิ้ว แล้วแต่จะนับ ความละเอียด QHD ที่ 2960 x 1440 พิกเซล
ภายใต้บอดี้อันสวยงามดุจงานศิลปะ (อวยออกหน้ามาก….ชิ) <<<<<ด่าตัวเองที่พิมพ์เพลิน ไหนบอกไม่อวย 555
เอ้า เอาใหม่….ภายใต้บอดี้ที่มีขนาดแปลก ๆ คือ ผอม ๆ ยาว ๆ และ หนากว่าคู่แข่ง กลับมีหน้าจอใหญ่ที่สุดในกลุ่ม 3 เทพตอนนี้ คือ Huawei P10 Plus กับ iPhone 7 Plus แถมยัดไว้ด้วยสเปคไม่ให้ใครข่มเหงด้วยซีพียู Samsung Exynos 8895 แบบ OctaCore คือมี ซีพียู 2 ตัว ตัวแรกแบบ QuadCore ความเร็ว 2.4 GHz เอาไว้ใช้งานหนัก ๆ ทั้งแอพฯ เกมส์ และ อื่นๆ ส่วนอีกตัวเป็นซีพียู QuadCore ความเร็ว 1.7 GHz ที่กินไฟน้อย เอาไว้ทำงานระบบแบบเบา ๆ โดยทั้ง 2 ตัวทำงานประสานเสริมกันและทัน ทำให้ได้ทั้งการประหยัดพลังงาน และ ความแรงแบบสั่งได้
การใช้งาน “หวังว่า” จะใช้ได้นานกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 3500 มิลิแอมป์ ที่รองรับ Fast Charge และ Wireless Charging
และอีกสึ่งหนึ่งที่ไม่ “โม้” ไม่ได้นั่นคือ “น้องแปดบวก” มีความสามารถกันน้ำ-ป้องกันฝุ่น มาตรฐาน IP68 นั่นคือลงน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที โดยแนะนำเป็นน้ำจืด เพราะหากเป็นน้ำทะเล พอน้ำแห้งเป็นขึ้เกลือแล้วเครื่องรวน หรือ หน้าจอเพี้ยนไม่รู้เค้าจะรับประกันหรือเปล่า ของแพง ๆ แบบนี้ไม่เอาลงทะเลจะดีที่สุด
ถ้าต้องการโชว์สเตปเทพ ดำน้ำถ่ายประการัง…….แนะนำให้ใส่ถุงกันน้ำนะแจ้ ^^
นอกจากนี้ยังยัดแรมมาให้ 4 GB ตามสมัยนิยม เหลือใช้งานจริง 1.6 กิ๊ก เพราะใช้รันระบบไป 1.8 กิ๊ก และ กันเอาไว้สำรองอีก 638 MB โดยการทำงานเท่าที่ทดสอบดู แรมไม่ค่อยตกเท่าไหร่แม้ว่าจะเปิดโปรแกรมค้างไว้มากมาย เรียกว่า ซัมซุง พัฒนาระบบมาใช้งานร่วมกับแอนดรอยด์ 7.0 ได้อย่างลงตัว และคาดว่าในอนาคตจะมีอัพเดทเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ ความอึดของแบตเตอรี่มากขึ้น
หน่วยความจำภายในเคลมว่ามี 64 GB เมื่อเปิดเครื่องออกมา อัพเดทแอพฯ ต่าง ๆ โดยยังไม่ได้ทำอะไรเลย จะมีเหลือใช้จริง 50 GB ซึ่งเยอะมาก เพียงพอกับการใช้งานของคนทั่วไปแล้ว ขนาดผมใช้มือถือถ่ายรูปตลอดเวลา ไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่พกกล้อง ใช้มือถือถ่ายรัว ๆ ยังมีเมมฯ ให้ใช้เหลือเฟือ
แต่ถ้าคนไหนใช้เยอะจริง ๆ ก็สามารถใส่เมมโมรี่การ์ดขนาดมาตรฐาน Micro SD ได้สูงสุด 256 กิ๊ก แนะนำเอาแบบแรง ๆ เพื่อรองรับการใช้งานถ่ายวีดิโอ 4K ด้วย เมมฯ ใบนึง 64 กิ๊ก ก็พันกว่าบาทแล้วฮ๊าฟ
สำหรับคนที่จะใส่เมมโมรี่การ์ด ต้องสละช่อง SIM2 และเหลือใช้งานได้เพียงซิมเดียว เรียกว่า “แลก” กันไป สำหรับผม คงไม่ได้ใส่เมมฯ แล้วหันไปใช้ 2 ซิมแทนเพราะเดินทางต่างประเทศบ่อย ไปประเทศไหนก็ซื้อซิมแต่ละที่ใส่ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างประหยัดโดยไม่พลาดการสื่อสารกับลูกค้าทางโทรศัพท์
ช่องใส่ซิมอยู่ด้านบน นอกจากนี้ด้านบนของตัวเครื่องยังมีรูเล็ก ๆ อีกรูปเหนือกล้องหน้า จะเป็นไมโครโฟนสำหรับถ่ายวีดิโอ
ด้านหลังมาพร้อมกล้องเทพ 12 ล้านพิกเซล f/1.7 ระบบ Dual Pixel พร้อมกันสั่น OIS ซึ่งซัมซุงเคลมว่า “สวยกว่าที่ตาเห็น” จนเป็นที่มาของการโพสภาพจากสื่อต่าง ๆ ที่เอาภาพถ่ายบนหน้าจอไปเทียบกับของจริงที่ขยันโพสกันก่อนวันเปิดตัวนั่นแหละ
ข้าง ๆ กล้องเทพที่เห็นยาว ๆ นั้นเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ จุดนี้มีข้อมูลจากแฟนเพจมีลูกเพจมาโพสบ่น S8 ว่ามีอาการปลดช้า หรือ ไม่อ่านลายนิ้วมือบ้างเป็นบางครั้ง เท่าที่ลองใน S8+ ปลดล็อคง่ายอ่านเร็วมาก แตะปุ๊ปเปิดปั๊ปไม่มีงอแง
กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล f/1.7 Autofocus ที่มีฟีเจอร์มากมายเอาไว้เล่าให้ฟังในรีวิวภาคกล้อง แต่เบื้องต้นบอกได้เลยว่าประทับใจกับกล้องหน้าซัมซุงตัวนี้มาก เพราะถ่ายแล้ว “ไม่หลอก” เหมือนรุ่นที่ผ่าน ๆ หน้าไม่เนียนเว่อร์อีกต่อไปแถมยังคมชัด และ “ละลาย” หลังได้ด้วยโหมด Selective Focus แล้วนะจ๊ะ…..สายเซลฟี่ร้องว้าวกันดัง ๆ ทันที
นอกจากนี้ ด้านหน้ายังมีเซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) รวมถึงฟีเจอร์จดจำใบหน้าผู้ใช้งาน (Facial Recognition) เพื่อปลดล็อคตัวเครื่อง ถือเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ดูเทพที่สุดในตลาด แต่…..ระบบจดจำใบหน้านี้ไร้ซึ่งความปลอดภัย เห็นเวปนอก และ บล็อคเกอร์บางท่านลองเอารูปภาพตัวเองมาจ่อที่หน้าจอ น้องแปดก็ปลดล็อคให้แต่โดยดี ดังนั้นหากคุณมาความลับสุดขอบฟ้าให้ใช้ระบบ Iris Scan หรือ การสแกนม่านตาแทน
โดยส่วนตัวผมว่าการสแกนม่านตาทำให้ใช้งานง่าย ยกขึ้นมาแล้วจ่อหน้าใกล้ ๆ ก็เปิดแล้ว คงจะถูกใจคนขี้เกียจสแกนลายนิ้วมือด้านหลังที่ต้องมานั่งคลำหา
แต่น แตน แต๊นนนนน น้องแปด และ น้องแปดบวก มาพร้อมดีไซน์ไร้ขอบ ดังนั้นม้นต้อง “ไร้ปุ่ม” ด้วย ดังนั้นชุดปุ่ม 3 ทหารเสือจะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ปุ่มที่หายไป แทนด้วยปุ่มบนหน้าจอแทนทำให้ตัวเครื่องแคบ ๆ ยาว ๆ นี้ได้ขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นมาถึง 6 นิ้วกว่า ดูหนังเต็มจอสะใจมาก
ตอนแรกที่ไปจองเครื่องเพื่อซื้อมารีวิว คิดเอาไว้ในใจว่า รีวิวเสร็จแล้วคงจะไม่ชอบ Samsung Galaxy S8+ แน่นอน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยชอบมือถือที่ใช้ปุ่มบนหน้าจอแบบนี้เลยใช้งานยาก ไม่ถูกจริตพี่อาร์ต จึงเลือกที่จะชอบซัมซุงแทนแอนดอรดย์ยี่ห้ออื่น ๆ เป็นเพราะมีปุ่มชุด 3 ทหารเสือพร้อมปุ่มโฮมที่ใช้งานง่าย
แอนดรอยด์อื่น ๆ มักจะยัดปุ่มบนหน้าจอลงไปในหน้าจอขนาดปกติ ทำให้เกิดความรู้สึก “เกะกะ” และ ไม่ลงตัวนั้น ใน S8 / S8+ นั้นเค้าขยายพื้นที่หน้าจอแล้วเอาปุ่มมาใส่แทน ทำให้เวลาใช้งานไม่รู้สึกเกะกะ แถมการกดปุ่มช่างเม่นยำ และ ได้ฟิลลิ่งเหมือนกดปุ่มจริง ๆ
ถ้าหน้าจอดับอยู่ เล็งจุดที่เป็นปุ่มโฮมแล้วกดลงไป หน้าจอจะติดขึ้นมาให้เรารูดเพื่อปลดล็อค……แบบนี้สิถูกจริตพี่ 555
ด้านข้างซ้ายขวาไม่มีอะไรมาก คือด้านซ้ายมีเพียงปุ่ม Power ที่คุ้นเคย ด้านขวามีปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง โดยจะสังเกตุเห็นปุ่มใหม่ล่าสุดของซัมซุงถัดลงมา เป็นปุ่มลัดเรียก Bixby เอาไว้สั่งงานด้วยเสียง ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ น่าสนใจมาก แต่ยังไม่ได้ลองเล่นเลย และ คงจะไม่ได้ลอง 555 ขนาด Siri ยังไม่ใช้เลย ไม่ชอบให้เค้าเก็บประวัติว่าเราทำอะไร ไปไหน และ ค้นหาอะไรบ้าง…..ความลับเยอะว่างั้น O_o#!
โดยรวมแล้วสัมผัสแรกของพี่อาร์ตกับ Samsung Galaxy S8+ น่าตื่นเต้น ประทับใจ เพราะกำแพงที่ก่อเอาให้ก่อนจะได้จับเครื่องจริงนั้นมีเยอะมาก แต่หลังจากได้ลองจริง ๆ กลับไม่เจอปัญหาใด ๆ ที่เคยคาดไว้เลยทั้งรูปทรงแคบ ๆ ยาว ๆ อันน่าขัน หน้าจอโค้งที่ไม่เคยชอบเลยตั้งแต่ Note Edge เมื่อ 3 ปีก่อน รวมไปถึงความลำบากที่เผชิญมากับ S6 Edge Plus ที่เคยใช้กลับไม่พบใน Galaxy S8+ รวมถึงปัญหากันรอยกระจกโค้งดี ๆ ที่ในตลาดตอนนี้มีให้เลือกหลายตัว
การทำงานเบื้องต้นรวดเร็ว แบตฯ อยู่ได้ในระดับที่น่าพอใจ เดี๋ยวทดสอบหนัก ๆ แล้วจะมาบอกอีกทีในรีวิวการใช้งาน ตอนนี้ขอตัวไปทดสอบถ่ายภาพเทียบกับ Huawei P10 Plus และ iPhone 7 Plus ก่อนนะ
เบื้องต้น…..ถือว่าสอบผ่านนะ เหลือแบตฯ กับกล้องที่ต้องรอพิสูจน์
ปิดท้ายกันด้วยรูปหลายมุมของ S8+
_________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ