บททดสอบคุณภาพกล้อง 16 ล้าน f/1.9 ของ Samsung Galaxy C9 Pro มือถือนอกสายตา เครื่องนอกไม่เข้าไทย จะถูกใจแค่ไหนมาดูกัน
จาก รีวิวแกะกล่องพร้อมสเปค Samsung Galaxy C9 Pro ตัวจี๊ดจอใหญ่ แรม 6 กิ๊กเครื่องนอก
วันนี้ก็มาถึงการพิสูจน์คุณภาพกล้องหน้า 16 ล้าน กล้องหลัง 16 ล้านสเปค f/1.9 เท่ากันทั้งหน้าหลังว่ามันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนกับค่าตัวแค่หมื่นสี่ (อ้างอิงราคาเครื่องนอกมาบุญครอง)
เบื้องต้องเมนูการใช้งานเป็นแบบซิมเพิ่ลมาก ๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้เล่นเหมือนพวกรุ่นใหญ่ ๆ โดยที่ขัดใจที่สุดคือไม่มี selective focus ที่ช่วยการถ่ายหน้าชัด-หลังเบลอได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่เป็นไร เลือกโฟกัสเอาตอนถ่ายก็น่าใช้ได้
การใช้งานปัดจากขวาไปซ้ายจะเรียกเมนู Filter ขึ้นมาให้เลือกใช้ หากปัดจากซ้ายไปขวาจะเป็นการเรียกโหมดการถ่ายภาพ
รูดหน้าจอขึ้น-ลงจะเป็นการสลับกล้องหน้า-หลัง โดยการปัดต่าง ๆ เหล่านี้หากไม่ชอบสามารถกดปุ่มบนหน้าจอแทนได้เหมือนเดิม
หน้า Setting
บทสรุป
จากการที่ได้ลองถ่ายในสภาพแสงหลาย ๆ แบบ ผมว่าเจ้ากล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.9 ของ Samsung Galaxy C9 Pro ถ่ายออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ประหนึ่งกล้องมือถือเครื่องละสองหมื่นกว่า ทั้ง ๆ ที่ค่าตัวเครื่องหิ้วมันอยู่แค่ 14,xxx บาทเท่านั้น
จากคาแรคเตอร์กล้องตระกูล C ที่ในอดีตแค่ “พอไปวัดไปวาได้” ถ่ายกล้อมแกล้มโพสเฟสพอไหว แต่ถ่ายจริงจังยังไม่ได้นั้น…..ตอนนี้ C9 Pro ได้ก้าวข้ามความ “ธรรมดา” ไปจนสามารถเป็นกล้องที่พกไปเที่ยวเมืองนอกได้อย่างสบายใจ แสง สี ความคมชัด เป็นรอง Galaxy S7 edge ไม่มากเลย ยิ่งมาเจอโฟกัส และ ชัตเตอร์ที่ตอบสนองเร็วขั้นเทพ ทำให้เราเก็บภาพในเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที
จุดตินิดเดียวของรุ่นนี้คือ กล้องหน้า ที่ถ่ายออกมาชอบมัว และ แพ้แสงน้อยไม่สมกับสเปค 16 ล้านพิกเซล f/1.9 แม้แต่น้อย คุณภาพที่ได้นึกว่า iPhone 6 Plus พวกกล้องหน้า Samsung ตระกูล J ——> O_o#!
โดยรวมถือว่ามันสามารถสร้างความมั่นใจในการพกไปถ่ายรูปกับเราในทุกที่ได้อย่างมั่นใจ
บททดสอบ
ถ่ายด้วยโหมด Auto แตะโฟกัสแล้วกดถ่าย ไม่ผ่านการปรับแต่งใด ๆ ย่อและใส่ลายน้ำเท่านั้น แตะที่รูปเพื่อแสดงภาพใหญ่ แล้วลองซูมดูรายละเอียดได้นะครับ
ไหน ๆ ก็ซื้อเครื่องที่ฮ่องกงแล้ว ก็ถือโอกาสถ่ายภาพทดสอบในฮ่งกงไปในตัว เสร็จแล้วค่อยกลับไปเก็บตกบ้านเรา เริ่มจากภาพจากแสงในห้างฯ กันก่อน โดย 2 ภาพด้านล่างเป็นการจัดแสดงใน Harbor City
จะสังเกตุได้ว่า 2 ภาพที่ถ่ายจาก Harbor City มานั้นให้โทนสีไม่เหมือนกัน มีทั้งโทนส้ม และ โทนฟ้า เนื่องจากบริเวณจัดแสดงมีการยิงไฟลงตัวหุ่นเป็นจุด ๆ ซึ่งแบบนี้เวลาเลือกโฟกัส หรือ เปลี่ยนจุดยืน สีของภาพจะเปลี่ยนไป ผมเลยลองมาให้ดูทั้ง 2 แสงครับ
เสร็จแล้วก็ไปไหว้พระขอพรกัน เริ่มจากแชกุงหมิว หรือ วัดกังหัน ที่มีเจ้าหน้าทีพูดไทยได้เกือบทั้งวัด…..แสดงว่าคนไทยมากันเยอะจริง
ขอให้รวย ขอให้ประสบความสำเร็จ เพี้ยงงงงงงงง
ขอพรเทพเจ้าเสร็จก็ไปไหว้พระแม่กวนอิมกันต่อที่ Repulse Bay โดยจากแชกุงหมิว ไปวัดทินหัว / Tin Hua Temple ถือว่าไกลกันพอสมควร เรียกได้ว่าอยู่คนละฝั่งประเทศฮ่องกงกันเลยทีเดียว แต่ยังดีที่มีรถไฟให้บริการเป็นบางส่วน
สำหรับพี่อาร์ต แท๊กซี่ตามระเบียบ โดยค่าโดยสารจาก แชกุงหมิว ไป ทินหัว อยู่ประมาณ 300 เหรียญฮ่องกง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทำให้มีเวลาไปทำอย่างอื่น อิ อิ
ขอให้สุขภาพแข็งแรง เดินทางปลอดภัย มีโชค มีลาภ ไปที่ใดก็มีแต่มิตรไม่ตรี เพี้ยงงงงงง
ภาพเจ้าแม่ทับทิมนี้ ถ่ายมาทดสอบการครอปภาพ หรือการถ่ายแล้วเอามาซูมดูรายละเอียดให้ดูว่าเจ้า Samsung Galaxy C9 Pro มันทำงานได้ดีมาก ๆ ด้วยคุณภาพระดับ 16 ล้านพิกเซล
ถ่ายมุมกว้าง ๆ ไม่คิดอะไร แต่พออยากรู้รายละเอียดบทสวดมนต์ ก็สามารถซูม หรือครอป ภาพเพื่อดึงรายละเอียดเล็ก ๆ มุมล่างขวาออกมาได้อย่างชัดเจน…..สุดยอดเลย
ไหว้พระเสร็จแล้วก็เติมพลังกันหน่อยที่ร้าน China Tang ติมซำอร่อย ๆ กับวิวอ่าววิคตอเรียสวย ๆ ซึ่งร้านนี้เป็นร้านประจำร้านใหม่ของครอบครัวพี่อาร์ตไปเรียบร้อย
สนใจตามรอยชิม อ่าน พี่อาร์ตพาชิม: China Tang อาหารจีนแบบ Fine Dining ชั้น 4 Habour City
ช็อตยาก ๆ ที่ต้องถืออาหารมือนึง แล้วใช้มือข้างเดียวจับมือถือจอ 6 นิ้ว แล้วเอื้อมนิ้วโป้งไปกดชัตเตอร์นี่ทำออกมาได้ดีมาก ระบบกันสั่น และ ระบบโฟกัสของ C9 Pro ได้แสดงผลงานจัด ๆ ก็พวกท่ายากแบบนี้แหละ
ลองถ่ายภาพบุคคลดูบาง สีสรรสวยงาม ภาพสว่างรายละเอียดครบ
ทดสอบกล้องหน้าดูหน่อย…..โหย ชัดแค่หน้าเรา หน้า ผบ.ทบ. ดันเบลอซะเนี่ย
อ้อ…ลืมบอกว่าผมปิด beauty mode ให้ดูหน้าสด ๆ กันเลย
คือจากการทดสอบกล้องหน้า ยังไม่ประทับใจเท่าที่ควร ใครบ้าถ่ายเซลฟี่บอกเลยต้องผิดหวัง แต่ผมชอบถ่ายคนในครอบครัวเลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่นัก มัวหน่อยก็ดีจะได้เห็นหน้าเหี่ยว ๆ ของเราไม่ค่อยชัด 555
ตอนนี้กลับถึงไทยแล้วก็มาทดสอบมุมเดิม ๆ กันต่อ เริ่มที่การซูม
การซูมทำออกมาได้ดีมาก ๆ ถ่ายแล้วภาพที่ได้ไม่เป็นวุ้น ๆ เบลอ ๆ เหมือนกล้องมือถือรุ่นอื่น ๆ คมชัดสวยงามทีเดียว
ลูกกอล์ฟ 3 ลูกมุมเดิม แตกต่างตรงที่ทดสอบกันมาหลายรุ่นจากลูกใหม่ ๆ ตอนนี้ลูกเน่ามาก ^^
ใครสงสัยอยากเทียบกับรุ่นไหนไปหารีวิวรุ่นนั้นมาได้เลย ผมมีถ่ายมุมนี้ไว้ทุกรุ่น
สุดท้ายมาเช็คความเร็วของโฟกัส และ ชัตเตอร์กับวงสวิงกอล์ฟเช่นเคย เมื่อเหวี่ยงไว้ขึ้นสุด เริ่มเหวี่ยงไม้ลงเมื่อไหร่ก็จะกดชัตเตอร์ทันทีโดยไม่มีการแตะโฟกัสที่หน้าจอแต่อย่างใด ทุกอย่างให้ C9 Pro คิดเองทั้งสิ้น
ภาพที่ได้ออกมาประทับใจเกินคาด เพราะชัตเตอร์แทบจะทำงานทันทีเมื่อถ่ายภาพ “หยุด” การเคลื่อนไหวตั้งแต่เริ่มเหวี่ยงไม้ลงมาทันที….สุดยอดมาก ถือเป็นมือถือไม่กี่รุ่นที่ทำความเร็วพร้อมความชัดได้ขนาดนี้
เทียบ iPhone 7 Plus
ในเมื่อใช้ iPhone 7 Plus อยู่ จะไม่เอามาเทียบก็กระไรอยู่ แต่ถ้าเอามาเทียบกันมันดูจะข่มศักดิ์ศรีกันมากไปหน่อย ระหว่างเครื่องละหมื่นกว่าบาท กับเครื่องละเกือบสามหมื่น แต่เอาหน่ะ…..เราไม่แคร์ 555
ภาพคู่บนนั้นบังเอิญกล้องไปจับโทนสีที่แตกต่างกัน ภาพที่ได้เลยออกมาคนละโทน แต่ถ้าเราขยับที่ยืน หรือ ขยับกล้องนิดนึง กล้องทั้ง 2 ตัวก็มีการเปลี่ยนสีโทนภาพเช่นเดียวกัน แม้กระนั้นก็ตาม ผมว่าภาพของ iPhone 7 Plus มีมิติมากกว่าด้วยอานิสงของกล้องคู่มหากาฬด้านหลัง
C9 Pro สีสดใส เก็บรายละเอียดดีกว่า แต่ iPhone 7 Plus ดูน่ากินกว่า (ความเห็นส่วนตัว)
กล้องหน้าถ่ายในที่แสงน้อยนั้นทำออกมาได้ดีกว่า iPhone 7 Plus ตรงภาพสว่างกว่า มุมกว้างกว่า และ ชัดกว่า….สรุปดีกว่าทุกมุม แทบจะปา iPhone 7 Plus ทิ้ง 555
จบแล้วจ๊ะ
หวังว่าการทดสอบในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่สนใจเจ้า Samsung Galaxy C9 Pro เครื่องนอก สเปคเทพ ราคาไม่รุนแรง แต่ไม่เข้าไทยตัวนี้นะครับ สำหรับวีดิโอรีวิวรอสักหน่อย ว่างจากงานประจำแล้วจะมาปั่นให้เหมือนเคย
ว่าง ๆ ก็กด LIKE เพจให้ด้วยนะ อยากให้ถึงแสนซะที….เฮ้อ
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________
ถ้าชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
http://www.facebook.com/xenonartpage
