แกะกล่อง ส่องรอบตัวเครื่องแบบพรีวิวเบา ๆ กับ Samsung C9 Pro แอนดรอยด์จอ 6 นิ้ว แรมโคตรเยอะ 6 กิ๊ก กล้อง 16 ล้าน…..ที่ ไม่เข้าบ้านเรา

หลังจากไร้ Note ระเบิดให้เล่นก็หันไปคบหากับแอนดรอยด์หลายตัวซึ่งสุดท้ายก็ไม่สามารถตอบสนองอารมณ์การใช้งานของพี่อาร์ตได้ นอกใจแอนดรอยด์ไปคบหากับ iPhone 7 Plus อยู่หลายเดือนจนล่าสุดไปลั่นลาฮ่องกงก็พบกับของเล่นใหม่ Samsung C9 Pro รุ่นต่อยอดสเปคแรงที่มาพร้อมแรมมหาศาลถึง 6 กิ๊กกับค่าตัวหมื่นกว่าบาทเท่านั้น!!!!

เหลือบไปดูว่ามีสีอะไรบ้าง โอ๊ะ โอ…..พระเจ้า มันยังมี C7 Pro อีกตัวนึงนี่นา งานนี้คิดหนักซะแล้วเพราะสเปคแใกล้เคียงกันเหลือเกิน โดย C7 Pro มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้

สเปค C7 Pro

  • หน้าจอ 5.7″
  • ซีพียู 2.2 กิ๊ก
  • แรม 4 กิ๊ก
  • หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64 กิ๊ก
  • เพิ่มเมมได้
  • กล้องหน้า 16 ล้าน
  • กลัองหลัง 16 ล้าน
  • แบตเตอรี่ความจุ 3,300 มิลิแอมป์
  • ใช้ USB Type-C

จากสเปคจะเห็นได้ว่า C7 Pro กับ C9 Pro มีความแตกต่างกันไม่มาก หลัก ๆ ก็ C9 Proหน้าจอใหญ่ได้ความเร็วน้อยกว่านิด แต่แรม กับ แบตฯ เยอะ มีสีดำด้าน ส่วน C7 Pro จอเล็กแต่แรงกกว่ามีสีน้ำเงินด้านที่เห็นแล้วใจะลายทันที

หลังจากพิจรณาสังขารตัวเองแล้ว เลือกจอใหญ่ไว้ก่อน อ่านอีเมล ทำงาน ตรวจเอกสารง่ายกว่า 555 ว่าแล้วก็มาลุยกันเลย

สเปคอย่างเป็นทางการ Samsung Galaxy C9 Pro

  • ขนาดตัวเครื่อง 163 x 80.7 x 6.9 มม.
  • น้ำหนัก 189 กรัม
  • หน้าจอ 6″
  • ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล
  • ซีพียู Snapdragon 653 Quad-Core ความเร็ว 1.95 + 1.4 กิ๊ก
  • แรม 6 กิ๊ก
  • หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64 กิ๊ก
  • เพิ่มเมมได้สูงสุด 256 กิ๊ก
  • กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.9
  • กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/1.9 
  • แบตเตอรี่ความจุ 4,000 มิลิแอมป์
  • ใช้ USB Type-C
  • รองรับระบบ Fast Charge

ซื้อมาราคาหมื่นแก่ ๆ แต่เพิ่งมารู้เอาตอนหลังจากแฟนเพจว่าที่ไทยมีเครื่องหิ้วขายอยู่ 14,xxx บาท…..กำ ตรูซื้อมาแพงชิมิ แต่ไม่เป็นไร ได้แถมกันรอย เคส Power Bank และ LED USB Light เป็นที่ระลึก 555

(หลอกตัวเอง ปลอบใจตัวเองไป)

อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย

  1. ตัวเครื่อง C9 Pro
  2. สายดาต้า
  3. อะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน
  4. หูฟังสมอล์ทอล์ค
  5. ตัวต่อ USB เป็น OTG
  6. หัวแปลง USB Type-C เป็น Micro USB
  7. คู่มือฉบับย่อ
  8. เข็มจิ้มซิม

อุปกรณ์ในกล่องครบครัน แถมยังให้มาแน่น ๆ กว่าที่เคย นอกจากบรรดาสายต่าง ๆ และ หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้านที่เป็นหัวแบบขาเหลี่ยม 3 ขาสำหรับประเทศฮ่องกงแล้ว สายเชื่อมต่อ USB Type-C ที่ช่วยให้การโอนถ่ายข้อมูล และ การชาร์จไฟเร็วขึ้น และ หูฟังแบบเป็นสมอล์ทอล์คในตัวก็ให้มาเสร็จสรรพ

ดีเด็ดที่เพิ่มมาจากอุปกรณ์มาตรฐานซัมซุงคือ USB Connector เอาไว้เสียบช่อง USB Type-C ของตัวเครื่อง อีกด้านเป็นช่อง USB ที่เอาไว้เชื่อมต่อข้อมูล โอนถ่ายไฟล์ได้ด้วย

ดีเด็ดอีกอย่างที่ต้องยอมรับว่า ซัมซุง คิดแทนเราในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คือหัวแปลง USB Type-C เป็น Micro USB ทำให้สามารถใช้สายของอุปกรณ์แอนดรอยด์เดิม ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา

เวลาเดินทางหากอุปกรณ์ของเราใช้สาย Micro USB ธรรมดาก็เพียงแค่พกหัวแปลงอันเล็ก ๆ อันเดียว ครบจบในตัว ไม่ต้องพกสาย USB Type-C อีกเส้นให้เกะกะ หรือจะพกเวลาไปทำงาน หรือ ไปเรียนก็สะดวก หายืมสายชาวบ้านง่ายขึ้น นับว่าอุปกรณ์ตัวเล็ก ๆ นี้ช่วยอำนวยความสะดวกเราได้เป็นอย่างดี

เข็มจิ้มซิมซ่อนอย่างเรียบร้อยในซองคู๋มือฉบับย่อไม่ร่วงหล่นหาย

ตัวเครื่องหน้าจอ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 6 นิ้วกระจกกอลิล่าขอบบางมาก หากสังเกตุดี ๆ ระหว่างขอบจอ กับขอบตัวเครื่องนี่มีระยะเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ขนาดตัวเครื่องมีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับ iPhone 7 Plus แล้วใหญ่กว่ากันไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น แถมน้ำหนักตัว 189 กรัม หนักกว่า iPhone 7 Plus แค่ 1 กรัมเท่านั้น เรียกว่าแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการพกพาเลย แต่การใช้งานนั้นจอใหญ่สบายตากว่ากันเยอะ

ถ้าใครเคยใช้ A9 Pro มากก่อนบอกเลยว่า C9 Pro นั้นเบากว่า และ บางกว่า ตัวเครื่องดีไซน์สวยกว่า

ส่วนหน้าจอความละเอียด Full HD 1080 x 1920 นั้นเท่ากันทั้ง iPhone 7 Plus และ ซัมซุง A9 Pro

ภายใต้ตัวเครื่องโลหะแบบ UniBody ซ่อนไว้ด้วย ซีพียู Snapdragon 653 Quad-Core ที่มีซีพียูความเร็ว 1.95 จำนวน 4 ตัว ทำงานคู่กับซีพียูความเร็ว 1.4 กิ๊ก อีก 4 ตัว แบ่งเบาภาระ ช่วยประหยัดพลังงาน ทำให้แบตเตอรี่ความจุ 4,000 มิลิแอมป์ ใช้งานได้อย่างยาวนานเกิน 1 วันสบาย ๆ 

จุดเด่นอย่างหนึ่งของ C9 Pro ตัวนี้คือ “แรม 6 กิ๊ก” เหลือกินเหลือใช้ ใครชอบใช้แอพฯ หนัก ๆ หรือ เล่นเกมส์ใหญ่ ๆ นี่สบายใจหายห่วงได้เลย ผมลองเปิดโปรแกรมทิ้งไว้ร่วม 10 โปรแกรม แรมยังเหลืออีก 3 กิ๊ก O_o!

กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/1.9 พร้อมระบบกันสั่น เหมือน A9 Pro แต่ C9 Pro ตัวนี้เน้นการถ่ายภาพเป็นหลักตามคาแรคเตอร์ของตระกูล C ทำให้เค้าใส่ระบบ Phase Detection Autofocus และแฟรช LED 2 ตัว มาให้ โดยจากการทดสอบเบื้องต้น ผมว่าภาพออกมาชัดง่ายกว่า A9 Pro และ ภาพคมกว่า

ในเมื่อเป็นตระกูล C ที่เน้นความบันเทิงและถ่ายภาพแล้ว กล้องหน้าเลยจัดเต็มมาให้สมกับเป็นตัวท๊อปที่ 16 ล้านพิกเซลพร้อม f/1.9 ถ่ายมุมกว้างกว่า และ ถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้ดีกว่า….เอาไป 10 กระโหลก!!!

บรรดาปุ่มต่าง ๆ ก็อยู่ในตำแหน่งที่คุ้นเคยกันดี ทั้งปุ่มปรับเพิ่ม – ลดเสียงที่อยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง และ ปุ่ม Power ทางขอบเครื่องด้านซ้าย

ตัวเครื่องออกแบบมาสวยงาม ขอบโค้งมนยิ่งทำให้ตัวเครื่องสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกว่าบางกว่าความเป็นจริง

ใต้ปุ่ม Power เป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบใช้งาน 2 SIM รวมไปถึงช่องใส่เมมโมรี่แบบ Micro SD รองรับความจุสูงสุด 256 กิ๊ก โดยตอนที่ซื้อเครื่องมาเค้าแถมเมมซัมซุงความจุ 64 กิ๊กมาให้ด้วย

ด้านบนของตัวเครื่องเรียบ ๆ มีเพียงรูไมโครโฟนที่ใช้ตอนถ่ายวีดิโอเท่านั้น

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ช่อง USB Type-C ที่สามารถกลับหัวใช้งานได้ รูเล็ก ๆ เท่าหัวเข็มหมุดเป็นไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์ที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรอบกวนเพื่อความชัดเจนขณะสนทนา อ้อ….เวลาคุยอย่าเอามือไปปิดหล่ะ เดี๋ยวอีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียง 555

ขวาสุด ๆ เป็นลำโพงเสียงภายนอก เมื่อดูหนังแล้วจะใช้ร่วมกับลำโพงโทรศัพท์ให้เสียงแบบ Stero

ปุ่ม 3 ทหารเสือมีมาให้ใช้ครบ ๆ ถนัดมือเช่นเคย โดยปุ่มโฮมทำหน้าที่เป็นที่สแกนลายนิ้วมือ

อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มอยากได้แล้วใช่ไหมครับ ไม่ต้องกังวลนะว่ารองรับภาษาไทยหรือไม่ เพราะเปิดเครื่องมาปุ๊ปมีให้เลือกภาษาไทยทันที!!!!

เมนูไทย พิมพ์ไทยมาครบ ๆ หายห่วง….เอ้า คนขายเครื่องนอกจะรออะไร แชร์รีวิววนไป ^^

ด้านการใช้งานหลังจากลองเล่นสนุกสนานกับการพาเที่ยวฮ่องกงได้ 3 วันนั้น บอกเลยแบตฯ โคตรอึด หน้าจอสู้แสงสว่างได้ดี ตัวเครื่องไม่หนักเลย โดยเฉพาะคนที่พก iPhone 7 Plus มาหลายเดือน ความรู้สึกในการใส่กระเป๋ากางเกงไม่แตกต่าง การพกพา หยิบใช้สะดวก พวกปุ่มมุมจอนิ้วเอื้อมไม่ถึงเหมือน iPhone 7 Plus และ บรรดามือถือจอใหญ่ทั่วไปเช่นเดิม แตกต่างกันตรงตัวเครื่อง C9 Pro บาลานซ์ดีมาก เวลาประคองไว้บนอุ้งมือแล้วเอื้อมนิ้วโป้งไปแตะมุมบน ตัวเครื่องแทบไม่ออกอาการจะหล่นเลย

เมนูต่าง ๆ ของ C9 Pro แตกต่างกับซัมซุงรุ่นก่อน ๆ ที่พี่เคยใช้ ปรับตัวนิดนึงก็คล่องแล้ว โดยเมนูใหม่นี้มีข้อดีตรงเวลาเราเปิดเมนูไหนแล้ว ด้านล่างจอจะมีคำแนะนำมาถามว่า “เรากำลังหาไอ้นี่อยู่หรือเปล่า กดตรงนี้สิ” นั่น….รู้ได้ไงว่าหลงเมนูอยู่..เหอ..เหอ..เหอ

โปรแกรมต่าง ๆ มีให้ใช้งานครบตามสไตล์ซัมซุง แต่ตัดแอพฯ ไร้สาระไปเยอะเทียบกับรุ่นที่ซื้อในเมืองไทย โดยเราสามารถไปโหลดเพิ่มได้ใน Google Play Store เช่นเคย

บทสรุปเบื้องต้น…..โดนใจมาก คุ้มค่าคุ้มราคามาก ยิ่งเป็นคนสายซัมซุง แต่รอ Note 7 เก้อเหมือนพี่ ผมว่า C9 Pro ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกมุมด้วยแรม 6 กิ๊ก จะทำงาน จะเล่นเกมส์หายก่วย ยิ่งชอบถ่ายภาพ กล้อง 16 ล้านพิกเซล f/1.9 ก็ตอบโจทย์ได้อย่างสะใจ (รอรีวิวกล้องเร็ว ๆ นี้) ทำให้หายคิดถึงซัมซุงได้ชะงัดดีจริง ๆ

 

รีวิวกล้องไปอ่านกันต่อได้ที่

ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ

_________________________________________

xenonart80x80

ถ้าชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย

ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage เป็นกำลังใจด้วยนะครับ

http://www.facebook.com/xenonartpage

Facebook-Like

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art