Business Class สายการบิน Cathay Pacific สายการบินที่เคยขึ้นชื่อว่าดีมาก ๆ สำหรับเส้นทางเอเชีย แล้ววันนี้เค้าเป็นอย่างไรบ้าง มาพิสูจน์กัน
นี่นับเป็นรีวิวสายการบินรีวิวแรกที่รูปเยอะเว่อร์วังอลังการประหนึ่งรีวิวกล้องถ่ายรูปเลยก็ว่าได้ เนื่องจากของเค้าดีจริง และ อลังการจริง พี่อาร์ตเลยสนุกกับการเก็บรายละเอียมาเล่าให้ฟัง โดยเน้นรูปเป็นหลักเลยนะ
เส้นทาง กรุงเทพ-ฮ่องกง สายการบิน Cathay Pacific เค้าใช้เครื่องลำเล็กคือ Airbus A330-300 ซึ่งเคยนั่งมาหลายปีมาแล้ว และไม่ประทับใจเลย แต่คราวนี้ไปกับลูกสองคนเลยขอลองนั่งเพื่อเขียนรีวิวอีกครั้ง (จริง ๆ แล้วได้ตั๋วโปรฯ ราคาดีเลยนั่ง 555)
หลังจากไม่ได้นั่งมาหลายปี กลับมานั่งอีกครั้งได้ความประทับใจไปเต็ม ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องรับรอง หรือ Business Lounge ที่ขนาดใหญ่อลังการพร้อมเสริฟอาหารตามสั่งทั้ง สุวรรณภูมิ และ สนามบินฮ่องกง
อัพเดท 30/10/59
ชั้นธุรกิจมีการปรับเก้าอี้ใหม่กว้างขวางสะดวกสบาย แต่มีเฉพาะบางเที่ยวบิน โดยตอนจองให้เลือกที่เป็นเครื่อง Ais Bus A330-300ER ต้องต่อท้ายด้วย ER เท่านั้น
เหนือไปกว่านั้นคือการบริการที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องเรียกหาเราด้วยชื่อจริง
“คุณ xxx รับน้ำอะไรเพิ่มไหมค่ะ” จากนั้นหันไปหาลูกชาย “น้อง xxx รับขนมเพิ่มไหมค่ะ” โอยยยยยย เอาไปเลย 10 โป้ง
ว่าแล้วไปเที่ยวกันเลย เริ่มจากมานั่งพักผ่อนกินอาหารรองท้องที่ Business Lounge ของสายการบิน Cathay Pacific กันก่อน เน้นรูปเยอะนะ
ห้องรับรองเรียบง่ายแต่อลังการ
แน่นอนว่านั่งชั้นธุรกิจจะได้คูปอง Premium Lane เพื่อผ่านช่องพิธีตรวจคนเข้าเมืองแบบรวดเร็ว จากนั้นเดินไปทางขวามือจนสุดแถวประตูทางออก F แล้วลงไปชั้นล่างก็จะเจอ แต่ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวเค้ามีแผนที่แจกให้
สแกนบัตรโดยสารที่เคาเตอร์แล้วก็ลุยได้เลย
ปราดแรกที่เดินเข้าไปต้องร้องว้าว เพราะมีขนาดใหญ่ การตบแต่งเรียบง่ายแต่ดูดีแถมมีโซนต่าง ๆ ให้เลือกใช้บริการไม่ว่าจะเป็นโซนพักผ่อน โซนรับประทานอาหาร โซนกาแฟ-เครื่องดื่ม และ โซนของว่าง
เห็นแล้วรู้เลยว่าเน้นการจัดระเบียบ และ สร้างพื้นที่ส่วนตัวให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นชุดรับแขกชุดเขื่องซึ่งรองรับคณะเดินทางได้ไม่น้อยกว่า 8 คนให้สามารถนั่งคุยกันได้อย่างสะดวก
มุมคอมพิวเตอร์ระดับ iMac ตัวบางรุ่นใหม่ล่าสุดเอาไว้เช็คเมล หรือ เข้าเน็ตหาข้อมูลต่าง ๆ
รวมไปถึงที่นั่งเอนกายเอาไว้จิบกาแฟพร้อมเสพวิวเครื่องบินเพลิน ๆ อย่างเป็นส่วนตัว
หรือจะเลือกนั่นเก้าอี้ยักษ์ที่มีขอบกั้นไม่ต้องยุ่งกับใคร และ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับพร้อมโต๊ะตัวเล็กเอาไว้วางคอม หรือ อาหารก็ได้ทั้งนั้น
แหม แค่เจอชุดที่นั่งอันหลากหลายในโซนพักผ่อนก็อิ่มเอมกับความใส่ใจของผู้ออกแบบแล้ว
ใกล้ ๆ กันจะเป็นเคาเตอร์บาร์ยาวตลอดทางเดิน เสริฟเครื่องดื่มสารพัดเท่าที่ผู้โดยสารต้องการ รวมไปถึงกาแฟอย่างดี พร้อมของขบเคี้ยวเบา ๆ
ถัดมาจะเป็นโซนของว่าง ลักษณะเป็นโต๊ะสูง ยืนรับประทานอาหารง่าย ๆ ในแบบที่ฝรั่งชอบทีเดียว
อาหารง่าย ๆ พวกแซนวิช สลัดผัก และ เครื่องดื่ม ชา กาแฟ มีบริการในโซนนี้เช่นกัน ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปเอาที่หน้าบาร์
หากเดินข้ามาจากประตูทางเข้าห้องรับรองแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอห้องอาหารเต็มรูปแบบที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักที่สุวรรณภูมิ โดยจะเสริฟอาหารตามสั่ง มีเมนูไม่เยอะ แต่ทุกอย่างทำกันสด ๆ ไม่ใช่ไลน์บุฟเฟ่ต์เหมือนสายการบินอื่น
สั่งที่เคาเตอร์นี้แล้วไปเดินหาที่นั่งได้เลย เดี๋ยวเค้าจัดการไปเสริฟให้ หรือ ถ้าไม่ชอบนั่นในห้องอาหารก็ยืนรอหน่อยเดียวก็เสร็จแล้วเดินเอากลับไปทานที่ส่วนอื่นของเล้าจน์ก็ได้เช่นกัน
เท่าที่ลองชิมเกือบทุกอย่าง อร่อยทุกอย่างครับ แม้เมนูมีไม่มาก ไม่หลากหลายเหมือนสไตล์บุฟเฟ่ต์ แต่ผมว่าคุณภาพ และ ความสดใหม่ของอาหารปรุงใหม่ย่อมดีกว่า
ที่สำคัญพนักงานน่ารักมาก ๆ บอกอยากถ่ายรูปแต่ไม่ทานพอจะมีที่ทำไว้แล้วไม น้อง ๆ จัดแจงเตรียมให้อย่างเรียบร้อยจากนั้นคะยั้นคะยอให้ลองชิมดู เจอลูกนี้เข้าไปเลยชิมทุกอย่างจนพุงกางเลย ^^!
ชั้นธุรกิจแสนสบาย กับ บริการอันยอดเยี่ยม
อิ่มหนำสำราญใจกันแล้ว เดินทางขึ้นเครื่องไปสัมผัสรสชาติ Business Class ของเครื่องขนาดกลางอย่าง Airbus A330-300 กัน
ใครที่ไม่ได้ขึ้นนานแล้วให้ลบภาพเก่า ๆ ไปได้เลย ตอนนี้โฉมใหม่ไฉไลไม่น้อยหน้าพวกลำใหญ่ ๆ อย่าง A380 หรือ Boeing 747 ด้วยที่นั่งเป็นคอก หรือ แคปซูล
ที่นั่งจัดเรียงแบบ 1-2-1 เอียงเข้าหากันทำให้ไม่เบียดกัน แต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวเยอะ แต่ก็ไม่ไกลเกินไปสำหรับคนมาเป็นครอบครัว แต่ถ้ามาเป็นคู่จู๋จี๋กันคงลงบากนิดนึดเพราะมีกำแพงกั้นตรงกลางที่ไม่สามารถเลื่อนเปิดได้ ทำได้เพียงนั้นจับมือและส่งสายตาให้กันเท่านั้น….ว้า อดเลย
ที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบายไม่แพ้ชั้นธุรกิจของนกยักษ์ A380 สายการบิน Emirates ที่ใช้งานประจำเลย
ที่เท้าแขนด้านข้างของทุกที่นั่งจะเอนออกทำให้คนตัวใหญ่ ๆ ไม่ต้องกังวลว่านั่งแล้วจะติด แถมที่เค้าแขนยังเก็บซ่อนลงไปได้อีกด้วย จะใช้ก็เพียงกดปุ่มแล้วที่เท้าแขนก็จะเด้งขึ้นมาให้ใช้งาน
จะลุกไปห้องน้ำนี่สะดวกเลย กดที่เท้าแขนลงไปเก็บแล้วหมุนตัวออกได้ทันทีแม้จะมีอาหารเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
โต๊ะเป็นแบบดึงออกมาแล้วพับกางออกเป็นส่วนที่วางอาหาร ส่วนโต๊ะด้านข้างเป็นแบบติดตายเอาไว้วางเครื่องดื่มหรือสัมภาระเล็ก ๆ น้อยๆ
ด้านข้างมีช่องเก็บของเล็กน้อย แต่ระหว่างเครื่องขึ้น-ลง ก็ยังต้องเอาไปเก็บในช่องเก็บของเหนือศีรษะอยู่ดี
อ้อ….สายการบินนี้ต้องถอดสาย USB ที่ชาร์จแบตมือถือออกระหว่างเครื่องขึ้น-ลงด้วยนะ
หูฟังจะซ่อนอยู่ในตู้เก็บด้านข้าง โดยด้านในจะมีกระจกเอาไว้เช็คทรงด้วย ไม่ต้องเดินไปห้องน้ำให้เสียเวลา….สวยตลอดไฟลท์แน่นอน
ข้างกันยังเป็นชุดควบคุมที่นั่ง และ ช่องเสียบต่าง ๆ ที่มีให้ใช้ครบเลยไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างช่อง USB หรือ อุปกรณ์โบราณอย่างสาย RCA
หูฟังแบบมีนวมแนบหูเพื่อลดเสียงรบกวนภายนอก แถมช่วยลดอาหารหูอื้อได้เยอะเลย
ทีวีจอใหญ่แบบทัชสกรีนพร้อมสื่อความบันเทิงครบครัน หนังใหม่ ๆ เพียง
ด้านรายการอาหารก็จะมีเมนูมาให้เลือก 3 อย่างเช่นสายการบินทั่วไป เค้าให้อ่าน ศึกษา และ เตรียมใจเอาไว้เบื้องต้น แต่จะไม่มาถามนะว่าจะเอาอะไร คือเค้าเข็นมาให้เลือกพร้อมกันเลย เห็นหน้าตากันจะ ๆ แล้วค่อยเลือกอีกทีว่าจะรับอะไร
เทียบกับสายการบินอื่นที่ได้แต่เดาว่าอาหารหน้าตาเป็นอย่างไรแล้วค่อยมาลุ้นตอนเสริฟอีกที แบบ Cathay Pacific เจ๋งกว่ามั๊ยหล่ะ
การเสริฟก็เป็นเหมือนชั้นธุรกิจอื่น ๆ คือเสริฟไวน์ และ เครื่องดื่มก่อน จากนั้นตามด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย แล้วค่อยเข็นรถอาหารจานหลักมาให้เลือกอีกครั้ง โดยจังหวะการเสริฟไฟลท์ที่ผมบินทั้งไป และ กลับ ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ แถมโชคดีพนักงานต้อนรับเป็นคนไทยทั้งไป และ กลับด้วยเช่นกัน
พอเห็นว่าเรามากับลูก และ มีแผนจะไปดิสนีย์แลนด์ ก็จัดแจกช่วยเช็คสภาพอากาศ และ ข้อมูลในการเที่ยวดิสนีย์จากเพื่อนพนักงานคนฮ่องกงมาให้ทันทีโดยได้ร้องขอ
ทำให้รู้ว่าด้านงานบริการพร้อม “ยิ้มสยาม” อย่างจริงใจนั้น คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ที่เคยเจอบริการไม่ดีมานั้น คงเป็นเพราะองค์กรมากกว่าตัวบุคคลแล้วหละ
ขาไปทั้งพ่อ และ ลูกพร้อมใจกันทานสเต็กรสชาติดี นุ่ม กลมกล่อมกำลังดี อร่อยกว่าร้านสเต็กร้านดังในห้างฯ เสียอีก ใครบอกทานสเต็กบนเครื่องไม่อร่อยเพราะเป็นอาหารสำเร็จรูปนำมาอุ่น งานนี้ต้องพิจรณาใหม่แล้ว
เสร็จแล้วก็ข้ามไปดูอาหารขากลับกันเลยแล้วกัน เพราะขั้นตอนเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่มีตกหล่น ต่างกันเพียงอาหารจานหลักเท่านั้น โดยขากลับมีเขียวหวานไก่ เคียงข้าว และ คะน้าฮ่องกงแสนอร่อยให้เลือกด้วย
ปกติอาหารบนเครื่องบิน แม้ว่าจะเป็นชั้นธุรกิจ ที่หน้าตาเว่อร์วังอลังการถ่ายรูปมาโพสได้สวย ๆ แล้ว รสชาติเพียงดีกว่าชั้นปกติหน่อยเดียว คือยังคงเป็นอาหารอุ่นมาเสริฟเช่นเดิมเนื่องจากเป็นไฟลท์สั้นไม่ถึง 3 ชั่วโมง
แต่ความขมขื่นในการกินอาหารบนเครื่องนั้นหมดไปเมื่อมาเจออาหารของสายการบิน Cathay Pacific ที่ทำออกมาได้ดีทุกจาน ขนาดซัดจากในเล้าจน์มาจนอิ่มเพราะไม่อยากกินอาหารบนเครื่อง แต่ยังกินจนเกลี้ยง คิดเอาว่าอร่อยขนาดไหน
ห้องรับรองสุดอลังการที่ฮ่องกง
อารมณ์เหมือนที่สุวรรณภูมิ คือ แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ให้เลือกใช้งาน แต่ละโซนตกแต่งต่างกันไปให้บรรยากาศผ่อนคลายไม่เบื่อหน่าย มีอาหารทั้งบุฟเฟ่ต์ และ อาหารปรุงตามสั่งเช่นกัน
ต่างกันตรงที่ห้องรับรองของคาเธ่ย์ในสนามบินฮ่องกงใหญ่กว่าหลายเท่าสมกับเป็นเจ้าถิ่นจริง ๆ แถมพนักงานยังบริการน่ารักผิดกับนิสัยคนฮ่องกงที่เจอในเมืองเยอะเลย
มีที่นั่งหลายแบบให้เลือกใช้งาน มาคณะใหญ่ก็มีชุดรับแขกขนาดใหญ่รองรับเหมือนเคย
จะร่ำสุราเคล้าวิวสนามบิน มองเครื่องบินวิ่งไปวิ่งมาเพิ่มอาการมึนเมาก็มามุมนี้เลย หัวบาร์ ท้ายบาร์มีกับแกลัมเบา ๆ ไว้คอยบริการอีกต่างหาก
ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือมีเก้าอี้ตัวใหญ่ที่โอบล้อมเราให้ตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอก พร้อมที่เสียบปลั๊กพร้อมสรรพ มันโดนจริง ๆ เลยที่นั่งแบบนี้
เดินวนไปดูอาหารของห้องนี้บ้าง
ข้าวผัดหยางเจา
เครื่องดื่ม และ เบเอกรี่ต่าง ๆ
บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง อร่อยสุด ๆ จนคิดว่าคราวหน้าถ้าพลาดร้านอร่อยในเมืองก็ไม่เสียใจ ขากลับมากินใน Business Lounge ก็ได้ ^^
ไปต่อกันที่ Coffee Bar มุมสงบของคนรักกาแฟ และ การอ่าน มีบาร์กาแฟให้เลือกสั่งสารพัด พร้อมหนังสือ และ ที่สำคัญมีอาหารว่างให้เลือกหยิบตามใจชอบอีกแล้ว แถมอาหารเค้าจัดหนักจริง ๆ มีทุกห้องเลย
ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีเลิศของการนั่ง Cathay Pacific Business Class ไฟลท์สั้น ๆ เส้นทาง กรุงเทพ-ฮ่องกง ที่ประทับใจมากจนความคิดนอกใจ Emirates รุนแรงมาก
นอกจากเครื่องนั่งสบาย บริการประทับใจ พร้อมเล้าจน์เทพแล้ว วันนึงยังมีเที่ยวบินให้เลือกมากมาย ไม่จำกัดต้องไปบ่าย กลับดึกอีกต่อไป
ทั้งนี้ต้องขอบคุณน้อง ๆ พนักงาน Six Stars Travel ที่ช่วยกันกดหาตั๋วราคาพิเศษผู้ใหญ่ 14,000 เด็ก 11,000 บาท ให้นะครับ สองคนช่วยกันกดคอมคนละเครื่อง คนแรกหาที่นั่งได้แต่เวลาไม่ดี
โชคดีที่อีกคนหาที่นั่งได้แถมเวลาโดน….รีบคอนเฟิมสิครับ จะรออะไร
เพื่อน ๆ คงจะงงนิด ๆ สินะว่าทำไมคอม 2 เครื่องถึงหาตั๋วเจอไม่เหมือนกันทั้ง ๆ ที่มันควรจะเช็คตั๋วแล้วได้ผลลัพธ์เดียวกัน ผมก็งงเช่นเดียวกัน จากการสอบถามพบว่าคอม 2 เครื่องใช้โปรแกรมออกตั๋วคนละยี่ห้อกัน ทำให้พนักงานมีตัวเลือกหลากหลายกว่า เออ……เจ๋งดีเนอะ
ไว้พาไปเที่ยวกันใหม่รอบหน้า
วันนี้หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะ
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ