Nurburgring สนามแข่งที่อันตรายที่สุดในโลก นครเมกะของสายซิ่งที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต พร้อมพาช๊อปปิ้ง
วันนี้พอดีมีทริปมาสนามนี้ทั้งวัน และ โชคดีที่เจอการแข่งรถ DTM หรือ German Touring Car พอดี ไม่รอช้าควัก Moto Z Play มาลองถ่ายคลิปโดยพลัน และ เก็บตกสนามในหลาย ๆ ส่วนมาให้ชมกันด้วยกล้อง Moto Z Play เช่นกัน
ประวัติคร่าว ๆ ของสนาม Nurburgring / เนือร์บูร์ก-ริง
เปิดใช้งานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 เป็นสนามขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย สนามย่อย 4 ส่วน รวมเรียกว่า Gesamtstrecke (“Whole Course”) ความยาวทั้งสิ้น 28.265 กิโลเมตร (17.563 ไมล์) ได้แก่
- Nordschleife (“Northern Loop”) ความยาว 22.810 กิโลเมตร
- Südschleife (“Southern Loop”) ความยาว 7.747 กิโลเมตร
- Zielschleife (“Finish Loop”) หรือ Betonschleife ความยาว 2.281 กิโลเมตร ใช้สำหรับอุ่นเครื่อง
- GP-Strecke ความยาว 5.148 กิโลเมตร (3.2 ไมล์) เป็นสนามที่สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2525 เพื่อใช้แข่งรถทางเรียบ ตรงบริเวณที่เดิมเป็นจุดเริ่มต้น และเส้นชัยของสนาม ปัจจุบันใช้เป็นสนามหลักของการแข่งขัน
เนือร์บูร์ก-ริงส่วนเหนือ (Nordschleife) ได้ชื่อว่าเป็นสนามแข่งรถที่ขับยาก ท้าทาย และอันตรายที่สุดในโลก เนื่องจากถูกบังคับด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขา จนได้รับฉายาว่า “The Green Hell” (นรกสีเขียว) ถูกใช้เป็นสนามแข่งรถสูตรหนึ่ง รายการเยอรมันกรังด์ปรีซ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490 (1947) ถึง พ.ศ. 2513 (1970) (ยกเว้นปี พ.ศ. 2502) จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนนักแข่งรถเสียชีวิตหลายคน นักแข่งรถจึงพากันประท้วงไม่ยอมร่วมแข่งขันที่นี่ จนกว่าจะมีการปรับปรุงสภาพสนามให้มีความปลอดภัย
รู้หรือไม่?
Nikki Lauda ประสบอุบัติเหตุที่นี่จนทำให้เกือบเสียชีวิตที่ nordschleife เป็นคนแรกจนสนามต้องปิดปรับปรุงเพิ่มเส้นทางแตกแขนงออกมาจนกลายเป็น Nurburgring ที่เห็นในปัจจุบัน และ ส่วน nordschleife นี้ยังเปิดให้บริการในบางการแข่งขันเท่านั้น
เดินช๊อปปิ้งเสร็จแล้ว ก็วนมาดูการแข่งขัน DTM ที่สนาม GP-Strecke ความยาว 5.148 กิโลเมตร (3.2 ไมล์) เป็นสนามที่สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2525 ที่ปัจจุบันใช้เป็นสนามหลักของการแข่งขันทุกรายการ
น้องน่ารักมากจนอดใจไม่ได้ หันไปกด “แชะ” เอาไว้ซะหน่อย…..คิดถึงลูกสาวตัวเอง 555
ดูรอบซ้อมของ DTM ในช่วงเช้าแล้ว ก็มีทัวร์เดินเยี่ยมชมด้านหลังพร้อมมีไกด์เล่าประวัติของสนามคร่าว ๆ ซึ่งผมเขียนไว้ในช่วงต้นแล้ว
ปกติด้านหลังของสนามสามารถเดินเข้าไปได้นะ ไม่ต้องมีบัตรเบ่งแต่อย่างใด ยกเว้นบางส่วนที่ Staff Only เท่านั้น เนื่องเพราะประเทศนี้เป็นประเทศอุตสาหกรรมรถยนต์ ทางเค้าค่อนข้างเปิดกว้างให้ประชาชนมาก
รู้หรือไม่?
เค้ามาสร้างที่เมืองนี้เพราะเดิมเป็นเมืองเกษตรกรรม คนจนเยอะมาก รัฐบาลเค้ามองว่าไม่สามารถอุดหนุน ส่งความช่วยเหลือได้ตลอดไป จึงนำเครื่องมือทางเศรษฐกิจมาให้ ดังเช่นในหลวงของเราที่จะสอนให้ประชาชนจับไม่ ไม่ใช่นำปลาไปให้
ประชาชนต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง…..นั่นคือที่มาของการเอาสนามมาสร้างที่นี่ ผลก็คือ มีสนามแข่งรถที่โด่งดังที่สุดในโลก มีโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่นำเงินจากเมืองอื่นไหลเข้ามา การเกษตรก็ยังคงอยู่คู่กันไป
ด้านหลังมีร้านอาหารง่าย ๆ ตบแต่งให้กลิ่นอายขาซิ่งโดยแท้
เดินทะลุไปด้านหลังจะเป็นลานจอดรถหัวลาก รถเซอร์วิสของทีมแข่งต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นลานกิจกรรมที่บรรดาแบรนด์ต่าง ๆ มาออกบู๊ธโปรโมทสินค้าตัวเอง
ปอร์เช่มั๊ยหล่ะ………คันนี้เจ็บจริง แอบเดินไปดูล้อ โอ้โห พี่เค้าโม BBS มาใส่ด้วย
จานลานกิจกรรมด้านหลัง เดินวนมาอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นลาน Pit / ช่องเซอร์วิสเก่าที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้วเนื่องจากมีขนาดเล็กเกินไป แต่เค้าปรับมาเป็นลานจอดรถ โดยอนุรักษ์ช่องเซอร์วิสบางส่วนไว้ให้เยี่ยมชมบรรยากาศการแข่งขันในสมัยก่อน
มีทั้งรถเก่า และ ของเก่า ๆ ตั้งแต่ยุค 50 จนถึง 90 กันเลยทีเดียว
คันบนนี้เป็น Bugatti ตัวแข่งในอดีตที่เคยได้แชมป์ที่นี่มา
ส่วนด้านล่างเป็นบรรดาของที่นักสะสมเห็นแล้วน้ำลายไหลแน่นอน
เสร็จแล้วก็เดินไปช๊อปปิ้งที่ Ring Boulevard ที่ไปถ่ายคลิปด้านบนมา
มาถึงที่ทั้งทีต้องซื้อรถโมเดลซะหน่อย…..อิ อิ อิ
รถที่นี่ราคาถูกมาก ไม่ว่าจะเป็น Minichamps, Audi Collection, Damier และ Auto Art
คันใหญ่สุดสีขาวคาดเหลือง Minichamps ราคา 39.99 ยูโร AUTOart 500 SEC AMG คันเล็ก 12.99 ยูโร
ส่วนอีก 2 คันจำราคาไม่ได้แล้ว
หวังว่าการพาเที่ยวคราวนี้จะเป็นประโยชน์ และ สร้างความบันเทิงกับเพื่อน ๆ นะ
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ