มาดูกันว่า Business Class ระดับสายการบินญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเส้นทางมุ่งสู่ญี่ปุ่น ประเทศจุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนไทยวันนี้
เจอโปรดี ๆ จากงานเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เลยมีโอกาสลองนั่งเจ้า Boeing 787-8 Dreamliner ของ Japan Airline / JAL ทำให้ได้เปลี่ยนรสชาติจากการบินไทย เลยเอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง
รีวิวนี้เป็นรีวิวเน้นรูป บรรยายน้อย เน้นให้เห็นบรรยากาศ และ สิ่งที่คุณจะได้รับเมื่อบินสายการบิน JAL ด้วยเครื่อง 787 นะครับ
ไฟลท์กรุงเทพ-ญี่ปุ่น ส่วนมากเลือกบินไฟลท์กลางคืน ถึงตอนเช้า นอนบนเครื่องสบายใจ ดังนั้นรูปหลาย ๆ รูปจะออกแนวกาก ๆ หน่อยเพราะถ่ายในสภาพแสงน้อย โดยงานนี้ใช้ Note 5 เป็นอาวุธประจำทริปครับ
เริ่มต้นด้วยการเช็คอิน โดยตอนซื้อตั๋ว ทางเอเยนได้ทำการจองที่นั่งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงเค้าเตอร์เช็คอินก็ดำเนินการตามระเบียบ แต่เรายังสามารถขอเปลี่ยนที่นั่งได้หากยังมีที่ว่าง โดยการจัดเก้าอี้ของ 787-8 ลำนี้เป็นแบบ 2-2-2
แถวที่ 7 เป็นแถว long leg คือ ไม่มีเก้าอี้ตัวหน้า ใครชอบจัดไป ใครไม่ชอบรีบเลี่ยนด่วน เพราะเก้าอี้แถวนี้จอทีวีจะต้องดึงจากที่เท้าแขนของเก้าอี้ จอทีวีจะเล็ก แถมไม่มีช่องด้านหน้าและ ช่องเก็บของเหนือศีรษะไม่สามารถใช้ได้ (ล็อค)
ขั้นตอนการเช็คอิน เป็นระเบียบเรียบร้อย บริการดีขั้นเทพ ยิ้มรับครับตลอดตามแบบฉบับญี่ปุ่น แม้พนักงานจะเป็นคนไทยแต่รู้เลยเทรนด์มาเป็นอย่างดี ต่างกับเคาเตอร์สายการบินอื่น ๆ ในสุวรรณภูมิอย่างสิ้นเชิง ประทับใจจนต้องขอถ่ายรูปพนักงานเป็นที่ระลึก
ผมบิน Business Class มาตั้งแต่ Thai, Emirates, ANA, JAL, Korean Air, United Airline และ Qatar เวลาเช็คอินส่วนมากก็จะได้รับบริการที่ดี แต่สำหรับสายการบินญี่ปุ่นอย่าง ANA และ JAL จะได้ความประทับใจมากกว่าด้วยวัฒนธรรมการบริการของเค้า
เช็คอินเสร็จก็ไปผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองผ่านช่อง Premium Lane มุ่งหน้าสู่ Sakura Lounge หรือ Business Lounge ของ JAL ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูทางขึ้นเครื่อง
ห้องหับโดยรวมไม่หรูหราเท่าไหร่ ออกแนวเก่าแล้ว แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน การบริการกลาง ๆ ไม่ประทับใจเหมือนตอนเช็คอิน
ดีเด็ดของเล้าจน์นี้คือ เข้ามาปุ๊ป เลี้ยวซ้ายจะมีห้องสูบบุหรี่ในเล้าจน์เอาใจคนญี่ปุ่นเต็มที่ แต่หากไปกับเด็กเล็ก เข้าเล้าจน์ไปแล้วเลี้ยวขวาไปหาที่นั่งให้ห่างห้องสูบบุหรี่หน่อยก็ดี
อาหาร เครื่องดื่ม ดีงามตามสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งอาหารประจำชาติต่าง ๆ และ สลัดผักให้ชื่นใจ
โดยรวมอาหารอร่อยดี โดยเฉพาะ ซารุโซบะ หรือ โซบะเย็น พี่ชายผมผู้ไปอยู่ญี่ปุ่นมาเกือบ 10 ปีบอกว่า “เด็ด” มากต้องลอง
ใครบินไฟล์ดึกนี้แนะนำทำตัวเอง และ ลูก ๆ ให้อิ่มท้องจากในเล้าจน์ไปเลย อย่าเผื่อท้องไปกินบนเครื่อง ขึ้นเครื่องได้ห่มผ้าแล้วรีบนอนนะ ลงเครื่องตอนเช้าพอดี จะได้มีแรงเที่ยว
ไฟลท์โอซากาแค่ 4 – 5 ชั่วโมง เวลานอนจริง ๆ ไม่ถึง 4 ชั่วโมงนะ….กว่าเครื่องจะขึ้น ตั้งลำ และ อนุญาติให้เราปรับเก้าอี้เอนนอนได้ก็กว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนเครื่องลง 45 นาทีก็โดนปลุกมาปรับเก้าอี้ให้ตั้งตรงอีกแล้ว
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น…อร่อยกลาง ๆ
อีกด้านเป็นไก่เทอริยากิ…อูยส์ อร่อยจนต้องเบิ้ล
มิโซะซุบอุ่น ๆ สักถ้วยมั๊ย หรือ จะมาม่าป๋อง คัพนู๊ดเดิ้ล
ไฟล์นี้อยู่ในช่วงปิดเทอมพอดี ถถถถถถ คนไทยเพียบครับ ประมาณ 80% ของผู้โดยสารเลย ที่เหลือเป็นญี่ปุ่นเกือบหมด เห็นคนยุโรปไม่กี่คน
เก้าอี้กว้างนั่งสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตามประสา Business Class
รูปล่างเป็นพี่ชายสูงกว่า 180 ซม. รองเท้าเบอร์ 12 พี่ท่านบอกว่า…..เออ นั่งสบายดีหว่ะ
ส่วนผมรองเท้าเบอร์ 11 นั่งสบายแน่นอน…..ไฟล์ดึกไม่ทำผมมานะ สระแล้วขึ้นเครื่องเตรียมนอนเลย
ใครไม่เคยบินไฟล์ดึกบอกเลย อย่าใส่แวกซ์มา เดี๋ยวตื่นมาหัวยุ่งมันแก้ยาก 555
มีเสื้อคาดิแกน หรือ เสื้อคลุมคอวีให้ใส่นอนด้วย
ชุดอุปกรณ์แถม ที่จะได้ทุกเที่ยวบินชั้น Business Class ที่เป็นเที่ยวบินระยะกลางขึ้นไป มีให้ทุกสายการบินแต่จะแตกต่างกันออกไป โดยของ JAL นี้ได้เป็นถุงพลาสติคใส่อุปกรณ์พวก ผ้าปิดตานอน ที่อุดหู กระดาษเย็นเช็ดตา ที่มาร์คหน้า และ แปรงสีฟัน
ปกติบินการบินไทยเคยได้ชุดแบบนี้มาเป็นกระเป๋าติดแบรนด์หลากหลาย Thann บ้าง Crabtree & Evelyn บ้าง ถ้าบินเฟิร์สจะได้ Rimowa
Emirate เคยได้ Porsche Design กับแบรนด์อะไรจำไม่ได้แล้ว
ส่วน JAL มาแบบคลาสสิคมากไม่ใช้แบรนด์ ให้ถุงพลาสติดแทน…..ขอตั้งสติแพพ
ปุ่มควบคุมเก้าอี้ ปรับได้หลากหลายรวมถึงสามารถปรับให้นวดหลังได้
โดยรวมเก้าอี้ปรับปรุงจากรุ่นเก่า 777 เล็กน้อย แต่ยังคงมีข้อจำกัดในเรื่องการนอน เพราะไม่สามารถปรับนอนแบนราบ 180 องศาได้
ตรงส่วนก้น และ ส่วนขาจะไม่สามารถดันขึ้นมาจนสุดได้ ทำให้ท่านอนแปลก ๆ เหมือนจะไหลลงตกเก้าอี้
แนะนำให้นอนตะแคงจะสบายกว่า
อุปกรณ์สร้างความบันเทิงมีครบครันตามมาตรฐานชั้นธุรกิจ หนังใหม่พอสมควร
ดีเด็ดคือมีหนังสือการ์ตูนแบบ E-Book ให้อ่านด้วย แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนไม่มีแปล อ่านไม่ออกแต่สายมังงะคงจะฟินน่าดู
การบริการมันสุดยอดมาก ๆ สมกับเป็นสายการบินญี่ปุ่นจริง ๆ ไม่ว่าพนักงานบนเครื่องจะเป็นคนไทย หรือ คนญี่ปุ่น แต่มาตรฐานการบริการไม่แตกต่าง รอยยิ้ม การโค้งเกือบทุกครั้งที่มีการสื่อสารกับเรา การเสริฟแบบเป๊ะสุด ๆ ทำให้ผู้โดยสารทุกคนประทับใจ
ตอนเสริฟไวน์ที่ให้เราดูขวดก่อน บรรจงเทเสร็จ เอาผ้าขาวเช็ดปากขวด แล้วก็เอาขวดให้เราดูอีกครั้งก่อนจะโค้งแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม….โอ้ววววว ม้นยอดมาก
หากใครตื่นกลางดึกมาหิว สามารถขอราเมงกระป๋องได้เช่นกัน มี 3 รสชาติให้เลือก คุณแม่ผมเลือกไม่ถูก พนักงานบอกเอาทั้ง 3 รสมาลองเลยก็ได้ค่ะ ไม่หมดไม่เป็นไร…..มันต้องอย่างนี่ซิครับ บริการดีสุดยอด
สรุปแล้วไฟล์ขาไปอาหารไม่ได้กินหรอก นอนยาว ๆ ส่วนบริการขั้นเทพตลอดเที่ยวบินทำให้ชื่นมื่นมีความสุขจนลืมเก้าอี้ที่นั่งไม่สบายไปได้
ขากลับชาว Business ก็ไม่ต้องห่วงนะครับ สนามบินส่วนมากในญี่ปุ่นมี Premium Lane / Fast Lane เหมือนเมืองไทย เราสามารถเข้าช่องนี้ได้ไม่ต้องต่อคิวทั้งตอนตรวจสัมภาระ และ ตม.
ก่อนจะผ่านพิธีการตรวจออกญี่ปุ่น ใครซื้อของ Tax Free มา ให้แกะเอกสารที่เค้าแม็คลงบน Passport ของเราใส่ตะกร้าด้านหน้าเค้าเตอร์ ตม. ด้วยนะ ไม่ต้องแสดงของที่เราซื้อมา แกะใบแล้วใส่ตะกร้าได้เลย ไม่มีการตรวจใด ๆ ทั้งสิ้น
มาตรวจเล้าจน์ฝั่งโอซากาบ้าง
ห้องโดยรวมไม่ใหญ่มาก การแต่งเรียบ ๆ ไม่หรูหรา คือ ไม่เว่อร์ตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นนั่นแหละ เครื่องดื่ม อาหารมีให้พร้อมสรรพ โดยรวมผมว่าอร่อยกว่าฝั่งไทย ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว อาหารญี่ปุ่นในญี่ปุ่นย่อมอร่อยกว่า 555
แกะกะหรี่ญี่ปุ่นที่นี่อร่อยมาก อร่อยกว่าทุกร้านอาหารในไทยกันเลยทีเดียว ใครเป็นสายแกงกะหรี่ห้ามพลาดเด็ดขาด
อาหารอื่น ๆ ก็อร่อยทุกอย่าง และ เช่นเคยว่าให้ทานให้อิ่มตรงนี้เลย อย่ารอไปทานบนเครื่องเพราะไฟล์ดึกเค้ามีเสริฟอาหาร ขึ้นไปรีบนอนเช่นเคย
ดีเด็ดที่สุดของเล้าจน์ ไม่ได้อยู่ที่อาหารหรอกนะ แต่มันคือสวรรค์ของคนกินเบียร์ 555
เครื่องรินเบียร์ของ Asahi ที่จะทำให้เบียร์ทุกแก้วเป็น Perfect foam ให้เราลิ้มละมุน เจ้าเครื่องนี้เคยได้ยินคู่ค้าชาวเยอรมันเคยเล่าให้ฟังทีนึงแล้ว ขนาดคนเยอรมันเจ้าพ่อเบียร์ยังชมไม่ขาดปาก พี่อาร์ตมาเจอเครื่องจะไม่ลองได้ไง
อร่อยมากกกกกก เบียร์ทุกแก้วจะได้ฟองเป๊ะตามมาตรฐานการดื่มเบียร์ อุณหภูมิเย็นกำลังดี จิบเบียร์คู่กับอาหารก่อนขึ้นเครื่องมันช่างลงตัวจริง ๆ
ปล. ไม่ควรทานเยอะนะ เดี๋ยวปากเหม็นรบกวนคนนั่งข้าง ๆ แนะนำแปรงฟันก่อนขึ้นเครื่องด้วย ^^
โดยรวมแล้วประสบการณ์ Business Class ของ JAL นั้นผมว่าดีในระดับกลาง ๆ เนื่องจากเก้าอี้นั่งยังไม่เจ๋งพอ นอนไม่สบายเท่า Airbus A380 ที่เป็นลำใหญ่กว่า ปรับนอนได้แบนราบเหมือนนอนเตียงที่บ้าน แต่ด้วยการบริการ และ มารยาทฉบับญีปุ่น ทำให้ทริปนี้บินพร้อมรอยยิ้ม
หากเจอตั๋วโปรไม่แพงก็น่าบิน แต่หากซื้อราคาเต็มผมว่าบินอันอื่นที่เป็นลำใหญ่อย่าง 747 หรือ A380 ดีกว่านะ
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ขอบคุณครับบบ