จะเป็นอย่างไรถ้าอาหารบนเครื่องบินเค้าเสริฟแบบเป็น “สำรับ” ด้วยชุดจานกระเบื้อง ช้อนส้อมอย่างดีประหนึ่งดินเนอร์ในภัตาคารหรู!!!!บอกเลยว่าผมไปอยู่หลังเขามา ไม่ยักรู้ว่าเค้ามีบริการแบบนี้ด้วย เจอครั้งแรกตื่นเต้นมาก นึกว่าบริการแบบใหม่ล่าสุด
จากการสอบถามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ไฟลท์นี้โชคดี ได้พบกับรอยยิ้ม และ บริการสุดประทับใจตลอดเที่ยวบินพบว่า บริการอาหารชุดแบบนี้เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เรียกง่าย ๆ ว่า “บิสเนสคลาสใหม่” โดยจำกัดเพียง 3 จุดหมายปลายทางในตอนนี้เท่านั้นคือ นาริตะ, ปารีส และ ลอนดอน (จำได้ว่าประมาณนี้ ผิดพลาดประการใดบอกได้นะ) และ ต้องเป็นไฟลท์ที่ใช้เครื่อง Airbus A380…..เจ้านกยักษ์ตัวโปรดของพี่นี่เอง
เอาหล่ะ มาดู Royal Silk Class หรือ THAI airway Business Class แบบใหม่กัน
Airbus A380 Royal Silk – The new Business Class
Narita – Bangkok
เที่ยวบินขากลับจากโตเกียวแบบ New Business Class ต้องไปขึ้นที่ นาริตะ เท่านั้นเพราะเจ้า Airbus A380 ไม่จอดที่สนามบินฮาเนดะ เพราะสนามบินเล็กเก็นไป
ใครอยากนั่งลำนี้ บริการแบบนี้ เลือกให้ไฟลท์ดี ต้องเป็น นาริตะ+air craft A380 เท่านั้น
มาที่นี่บรรยากาศก็เหมือนเดิม เช็คอินด้วยเคาเตอร์ Business Class เสร็จปุ๊ปก็ผ่านพิธีการสแกนกระเป๋าด้วยช่องทาง Business Class ก่อนเข้าไปผ่าน ตม.
ใครซื้อของมาด้วย Tax Free อย่าลืมแกะเอกสารที่ร้านค้าเย็บติดกับหนังสือเดินทางของเราเอาไปใส่ในกล่องที่เคาเตอร์ Tax Free ด้วย อยู่หลังจากสแกนกระเป๋า แล้วถึงก่อนเคาเตอร์ปั๊มหนังสือเดินทางออกนอกประเทศพอดี ไม่มีการตรวจของที่ซื้อมาแต่อย่างใด แพ็คใส่กระเป๋าเดินทางได้อย่างสบายใจ
อ้อ ขาออกไม่ต้องกรอกเอกสารออกนะจ๊ะ ยื่นหนังสือเดินทางเฉย ๆ เลย
เสร็จแล้วก็มาลุยกันที่ ห้องรับรองชั้นธุรกิจ / Business Lounge ที่การบินไทยใช้ร่วมกับบรรดาสายการบินอื่นในเครือ Star Alliance
อาหารโดยรวมก็ตามมาตรฐาน มีอาหารว่าง อาหารง่าย ๆ ทั่วไป ขนมปัง แซนวิช และ ที่ขาดไม่ได้คือ เครื่องรินเบียร์เลเวลเทพ ที่เคยรีวิวไปแล้วกับ ห้องรับรองสายการบิน ANA สนามบินโอซากา ซึ่งมันจะริน Perfect Beer ของ Asahi ได้เหมือนเดิมทุกแก้ว
ใครไปครั้งแรกอาจไม่รู้ ที่นี่เค้ามี “ไอเท่ม” ลับซ่อนอยู่ด้านหลัง
เดินเข้ามาในห้องรับรองแล้ว เลี้ยวซ้ายไปทางห้องน้ำ จะเจอทางเดินลานขึ้นเหมือนในรูปด้านบน เดินมุ่งหน้าขึ้นไป เลี้ยวซ้ายอีกทีจะเจอเคาเตอร์ราเมง…..สวรรค์ชัด ๆ
เล็ก ๆ แอบ ๆ อยู่ตรงนี้
มีราเองให้เลือกหลากหลาย บางวันจะเจอข้าวแกงกะหรี่ด้วย
รสชาติอร่อยมาก อารมณ์เดียวกับราเมงข้อสอบนั้นแหละ ใครไปเที่ยวแล้วไม่ได้กินราเมงในเมือง มากินที่นี่แทนดได้เลย
อร่อยจนถ่ายรูปไม่ทัน หันมาอีกทีหมดเกลี้ยง แถมถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว จะสั่งอีกชามมาถ่ายรีวิวเกรงว่าจะตกเครื่อง ติดไว้คราวหน้าละกัน อิ อิ อิ
การจัดที่นั่งในชั้นธุรกิจของ การบินไทย เครื่อง Airbus A380 จะเป็นแบบ 1-2-1 เพราะลำใหญ่กว่า 747 ขามาอยู่มาก
สำหรับคนหูดี สะดุ้งง่าย ขี้รำคาญแนะนำนั่งให้ห่างจากห้องน้ำ และ แกลลี่ (บริเวณเตรียมอาหาร) เพราะเสียงจะดัง และ วุ่นวายมากเนื่องจากไฟลท์นี้ ไฮไลท์จะอยู่ที่อาหารแบบ “สำหรับ” ที่้ต้องผ่านการเตรียมงานที่ยุ่งยาก
กว้างขวาง สะดวกสบาย เป็นสัดส่วนด้วยที่นั่งทรง แคปซูล กับการตกแต่งด้วยโทนสีม่วงที่คุ้นตา
เก้าอี้พร้อมเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ไฟหน้าซีน่อน ระบบเบรค ABS พร้อมถุงลมนิรภัย 10 ลูก
เฮ้ย……ไม่ใช่แระ นี่มันเครื่องบิน ไม่ใช่โฆษณาขายรถครับ ขออภัย 555
การบินไทย รักคุณเท่าฟ้า เพื่อความปลอดภัยสูงสุดชั้นธุรกิจจึงจัดเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดมาให้ใช้ ปลอดภัยมากล้ำหน้าสายการบินอื่นสุด ๆ เพราะขึ้นสายการบินอื่นยังไม่เจอ
แต่….บอกเลยใส่แล้วรำคาญมาก ไม่สบายที่สุด เพราะระยะเข็มขัดที่คาดไหล่นั้น มันตรงกับคอผมพอดี เวลาพนักงานต้อนรับเผลอต้องแอบปลดเส้นคาดอกนี้ออกทุกที
เก้าอี้โดยรวมนั้งสบายมาก คนตัวใหญ่หน่อยอย่างผมนั้งหลวม ๆ
การออกแบบเบาะทำได้ดี ช่วงไหล่ไม่ดันมากเกินไป ช่วงเอวมีดันหลังเล็ก ๆ ไม่ให้ปวดเมื่อย ที่สำคัญช่วงศีรษะไม่ดันมาด้านหน้ามาก ทำให้เวลา “ปรับที่นั่งให้อยู่ในระดับตรง” ตอนเครื่องขึ้น-ลง นั่งแล้วไม่เมื่อย ต่างกับอีกแบรนด์ที่ใช้ประจำ พอปรับพนักพิงตรงตามกฏปุ๊ป นั่งไม่สบายอย่างรุนแรง
ขอชมเชยเบาะนั่งสบาย ๆ ของการบินไทยบนเครื่อง A380 ครับ
เบาสามารถปรับนอนได้แบบ “แบนราบ” 180 องศา เสมือนนอนบนเตียงที่บ้าน พร้อมช่องสอดขาด้านหน้าใต้จอทีวี ทำให้การนอนหลับเอาแรงในเดินทางไฟลท์ยาว ๆ ทำได้อย่างเต็มที่ ยิ่งเป็นไฟลท์ที่พวกเราอ่อนเปลี้ยจากการไปตะลุยญี่ปุ่นกันมา
ด้วยการจัดที่นั่งแบบ 1-2-1 แบบสลับฟันปลา นอกจากจะเลือกที่นั่งแบบ “คู่” ซึ่งมีคู่เว้นคู่แล้ว ที่นั่งเดื่ยวอื่น ๆ จะไม่ได้นั่งติดกับใครเลย เพราะมีคอกกั้นเว้นระยะเป็นเมตร
เดินทางคนเดียวสบายใจได้ คนข้าง ๆ ไม่มีวันรบกวรเราได้ ถ้ามันเค้าพยายามพอ ขนาดผมจะคุยกับลูกยังยากเลย ^^
ช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์มีให้ 2 ช่องสบาย ๆ พร้อมไวไฟให้ใช้ด้วยนะจ๊ะ
*สอบถามวิธีการใช้ไวไฟกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน*
สำหรับไฟลท์ นาริตะ-กรุงเทพฯ อุปกรณ์ยังชีพที่การบินไทยเตรียมไว้ให้เป็นของ Samsonite
โดยมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้
- หวี
- ที่อุดหู
- ผ้าปิดตา
- ถุงเท้า
- แปรง+ยาสีฟัน
- น้ำยาบ้วนปาก
- ลิปมัน
- ครีมบำรุงผิว
หลายคนคงเคยสงสัยว่าเค้าจะมีถุงเท้าเอาไว้ทำไม
จริง ๆ แล้วชาวต่างชาติชอบใส่ถุงเท้านอน และ เวลาขึ้นเครื่องบินผมก็แนะนำให้ใส่ถุงเท้านอนครับ เพราะพอเครื่องบินตั้งระดับได้แล้วจะอยู่ในความสูงที่หนาวพอสมควร นอนหลับไปตื่นมาจะได้ไม่ป่วย
ปกติผมขึ้นเครื่องได้ก็ถอดถุงเท้าตัวเองออก แล้วใส่ของเค้าแทนนะ เดินไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวถุงเท้าเราเลอะ
ทริปนี้ไม่ได้เตรียมลิปมันไป เพราะกะจะไปเอาจากกระเป๋ายังชีพนี้แหละมาใช้
ด้วยความเป็นเป็นนกยักษ์ลำโต จอทีวีเลยใหญ่โตตามไปด้วย ในรูปเทียบกับ iPhone 6
ความบันเทิงก็เหมือนกันขามาครับ พร้อมสรรพทั้งภาพยนต์ที่เพิ่งลาโรงไปไม่กี่เดือน ซีรียส์อเมริกา สารคดี และ หนังการ์ตูนให้เด็ก ๆ พร้อมเกมส์สนุก เอาไว้แก้เบื่อตลอดไฟลท์
พอนั่งปรับท่าให้สบาย เปิดภาพยนตร์ที่ถูกใจแล้ว หันไปคว้าเมนูมาศึกษา
ไม่ได้ตะกละนะ แต่แนะนำให้ทุกคนทำเมื่อขึ้นเครื่องบิน เวลาพนักงานต้อนรับเดินมาถามว่า “รับอาหารอะไรคะ” จะได้ไม่ต้องเอาเมนูมานั่งอ่านท่ามการสายตาพนักงานที่ยืนรอฟังคำตอบของเรา ทั้งกดดัน ทั้งเกรงใจคนยืนรอ และ คนต่อ ๆ ไปที่รอสั่งอาหารอยู่ สุดท้ายอาจเลือกอาหารผิดก็ได้
พอหยิบเมนูมาศึกษาต้องร้อง “ว้าววววววว” นี่มันเมนูจัดเต็มเลยนี่นา เริ่มตั้งแต่ไวน์ลิสต์ รายการอาหารที่มีให้เลือกประหนึ่งภัตตาคารย่อย ๆ มีอาหารรองท้องให้เลือก เมนูคาวหวาน
นอกจากอาหารจะเป็นไฮไลท์ใหม่แล้ว คอกาแฟได้ไชโยเสียที เพราะ New Business Class เค้าเสริฟกาแฟสดนะจ๊ะ
บอกลากาแฟรสชาติไม่ได้เรื่องไปได้เลย ไฟลท์ที่ผมนั่งมีกาแฟให้เลือกว่าชอบเมล็ดจากที่ไหน เชียงราย หรือ แม่ฮ่องสอน จากการสอบถามพนักงานต้อนรับที่คอยอธิบายเอาใจใส่ตลอดการเดินทางแล้ว ผมเลือกกาแฟเชียงราย เพราะหอมเข้มข้น น่าจะถูกปากเรามากกว่า
กาแฟสดบนเครื่องบิน อร่อยล้ำค่ามากกว่ากาแฟปกตินัก แต่ถ้าจะให้เทพเหมือนตามร้านกาแฟบนพื้นดินคงการันตีไม่ได้ว่าจะอร่อยทุกแก้ว เพราะแอร์โฮสเตทไม่ใช่บาริสต้านะจ๊ะ
แต่ได้แค่นี้พี่อาร์ตก็ฟินแล้ว เพราะมันยกระดับ Business Class ไปอีกขั้นหนึ่ง ยังไม่เจอสายการบินไหนทำได้แบบนี้เลย
โต๊ะอาหารของการบินไทยบน Airbus A380 นั้นจะใช้โต๊ะแบบ “พับขึ้น” ต่างกับสายการบินอื่น ๆ ที่ใช้แบบ “พับเก็บ” เข้าพนักเก้าอี้ หรือ “สอดเก็บ” เข้าด้านข้าง
ดูเผิน ๆ อาจไม่แตกต่าง ไม่ค่อยมีสาระสำคัญเท่าไหร่นัก บอกเลยครั้งแรกที่เห็นโต๊ะแบบนี้ นินทาการบินไทยในใจว่า “โห…จะประหยัดไปไหน ชาวบ้านเค้าใข้โต๊ะเก็บซ่อนกันหมดแล้ว”
แต่หากมีอาหารเต็มโต๊ะ แล้วต้องการลุกไปห้องน้ำ หรือ ลุกไปดูลูกที่กำลังร้องให้ หรือ จะลุกไปไหนก็ตามแต่เหอะ
โต๊ะแบบนี้สามารถ ผลักออกไปด้านหน้า เว้นช่องให้เราลุกออกจากเก้าอี้ไปได้อย่างสะดวกตามรูปด้านบน
ซึ่งถ้าเป็นโต๊ะแบบพับเก็บทั่วไป ไม่สามารถหมุนโต๊ะได้แบบนี้….ขอชมเชยการเลือกใช้โต๊ะเลยครับ ดูเผิน ๆ อาจไม่เรียบร้อยเหมือนโต๊ะเก็บซ่อนเหมือนสายการบินอื่น แต่ประโยชน์มหาศาล
ว่าแล้วมาดื่มด่ำกับอาหารสุดหรูกันดีกว่า
เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อย เป็นเมนูเซอร์ไพรซ์ จากการบินไทย ไม่มีในเมนูนะ
ด้วยความใส่ใจ การจัดอาหารที่ปรานีต จานแรกก็เรียกรอยยิ้มให้เราได้แล้ว ^^
มื้อนี้ผมเลือก ลาบหมู แกงเผ็ดเป็ดย่าง ต้มยำไก่ และ ข้าวหอมมะลิร้อน ๆ เสริฟคู่กับ มะระผัดไข่
ลาบหมูรสชาติกลาง ๆ ไม่จัดจ้านเหมือนร้านอีสานของแท้ แต่ไม่แพ้ร้านส้มตำตามห้างฯ ดัง ๆ กลางกรุง เครื่่องปรุงต่าง ๆ รวมไปถึงผัก และ หอมแดง สดกรอบเพราะเค้าปรุงกันสด ๆ บนเครื่อง ไม่ได้ทำมาอุ่นเหมือน “อาหารถาด” ทั่วไป
ต้มยำไก่น้ำใส กลมกล่อม ออกเปรี้ยวนิด ๆ ตัดความคิดถึงบ้านได้เป็นอย่างดี กินอาหารญี่ปุ่นมา 8 วัน ได้ต้มยำชามนี้ช่วยให้สดชื่นขึ้นเยอะ
แกงเผ็ดเป็ดย่างชามนี้อร่อย กลมกล่อม ทานพร้อมข้าวสวยนุ่ม ๆ และ มะระผัดไข่ยิ่งทำให้มื้อนี้สมบูรณ์เป็นที่สุด
Perfect!!!!
อิ่มอร่อย ตื่นตาตื่นใจ ระคนเห็นใจพนักงานต้อนรับ เพราะความที่เป็นอาหาร “สำรับ” ทำให้การเตรียมยุ่งยากมากพอสมควร ต้องเตรียมอาหารทีละชุดเพื่อเสริฟทีละคน เพราะแต่ละคนสั่ง combination อาหารไม่เหมือนกัน พร้อมกับคอยเดินมาส่งยิ้มแล้วขอโทษที่อาหารออกช้ากว่า “อาหารถาด” นะคะ เราเร่งมือเต็มที่แล้ว
แถมท้ายด้วยเมนูเสริมที่สั่งได้ตลอดเวลา หรือ ใครไม่อยากอาหารไทย ต้องการทิ้งท้ายด้วยเมนูราเมงก็จัดได้เต็มที่ส่งท้ายทริปญี่ปุ่น
คุณลูกชาย กับ ลูกสาวของผมไม่พลาดอยู่แล้ว
ราเมงหน้าตาดูดี ไม่เสียแรงที่เป็นเที่ยวบินออกจากญี่ปุ่น อาหารจะเตรียมจากญี่ปุ่น ดังนั้นเรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง
มันญี่ปุ่นของแท้เลยหล่ะ
ใครไปเที่ยวแล้วพลาด “ราเมงข้อสอบ” หรือ กินแล้วยังค้างคาใจ บอกเลยมื้อที่เสริฟบนเครื่องนี้ อร่อยไม่แพ้ไปกินในเมืองโตเกียว แถมยังอร่อยกว่าร้านราเมงหลาย ๆ เจ้าในไทย
เส้นนุ่มหนึบกำลังดี น้ำซุบ และ หมูชาชูอย่างดี นุ่มละลายในปาก….โอย พูดแล้วก็อยากไปอีก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อน ๆ อ่านรีวิวนี้แล้วอยากไปลองมั๊ย
สำหรับผม เที่ยวบินของการบินไทย ชั้นธุรกิจใหม่ นี้ให้ความประทับใจที่สุดตั้งแต่บินการบินไทยมาเลย ทั้งพนักงานบนเครื่องบินที่บริการด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาแม้จะยุ่งจนมือเป็นระวิง อาหารอร่อยมากกกกกกกก เป็นการเสริฟที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งลำดับอาหาร การเสริฟกาแฟ ไวน์ รวมไปถึงการเก็บกวาด นับว่าเป็นเที่ยวบินที่ลองแล้วต้องบอกต่อ
แอบนินทา Emirates ว่าเดี๋ยวนี้บริการตกลงไปเยอะ ทานอาหารเสร็จ เพิ่งเดินเอาไวน์มาเสริฟ O_o!
ผมว่า Royal Silk New Business Class นี้เป็นการยกระดับการบริการของการบินไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ เหลือแต่การรักษาระดับการบริการอันเป็นเลิศนี้ไว้ให้นานเท่านาน พร้อมกับพัฒนาเมนูอาหารไม่ให้สายการบินอื่นตามทัน
ใครจะไป 3 เส้นทาง นาริตะ ปารีส และ ลอนดอน แนะนำให้เลือกไฟล์ Airbus A380 ที่เป็นชั้นธุรกิจแบบใหม่นี้แล้วจะติดใจจนไปนั่งสายการบินอื่นไม่ได้เลย
ว่าแล้วหาเวลาบิน New Business Class นี้อีกดีกว่า ^^
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ