มาดื่มด่ำกับอาหารจีนแบบ Fine Dining สุดหรูใน Habour City จะอร่อยคุ้มค่าความแพงหรือไม่
China Tang ร้านอาหารจีนฮ่องกงหรูหราที่ผมเคยทานที่ตึก Element โดยสมัยนั้นต้องจองล่วงหน้า แต่ผมเป็นพวกไม่ชอบจอง เวลาไปเที่ยวชอบเดินชิลด์ ๆ ไม่รีบ หิวก็แวะ ทำให้ไม่ค่อยได้ไปอีก เลยไม่เคยรีวิว
ล่าสุด Gateway Arcade ตรงโรงแรม Gateway Hotel มีการปรับพื้นที่หลายจุด โดยนอกจากจะมีร้าน Godiva มาเปิดให้ลิ้มกันแล้ว ยังมีช๊อป Adidas ใหญ่ยักษ์อลังการด้วย และ เจ้า China Tang ก็มาเปิดสาขาที่ชั้น 4 ชั้นเดียวกับช๊อป Adidas พอดีเลย ทำให้เวลาหิวก็เดินไปถามได้เลยว่ามีโต๊ะว่างหรือไม่ ไม่ต้องจองให้เวลาช๊อปปิ้งมันดูบีบคั้นแต่อย่างใด เชื่อว่าสาว ๆ คงเห็นด้วย ^^
CHINA TANG
ที่ตั้ง: ชั้น 4 Gateway Arcade ขึ้นบันไดเลื่อนตรง Zara โทร +852 2157 3148
เวลาทำการส่วนร้านอาหาร
วันธรรมดา 12:00 – 15:00 และ 18:00 – 22:30 น.
วันเสาร์ อาทิตย์ 11:30 – 15:00 และ 18:00 – 22:30 น.
เวลาทำการส่วนบาร์
วันธรรมดา 11:30 – 22:30 น.
วันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดอื่น ๆ 11:30 – ดึก
เดินขึ้นบันไดเลื่อนแถว Zara มาชั้น 4 ทางขวาจะเป็นช๊อป Adidas ทางซ้ายจะเป็นหน้าร้าน China Tang ที่ดูเรียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ด้านในมันระดับหรูนะจ๊ะ!!!!
โซนนอกสุดเป็นพื้นที่นั่งรอเรียกคิวชิลด์ ๆ หรูหราตามสไตล์ร้าน Fine Dining
อ้อบอกก่อนนะว่ารีวิวนี้มีทั้งภาพตอนไปทานมาทั้งมื้อเที่ยง และ เมื้อค่ำ ทำให้มีทั้งรูปตอนกลางวันและกลางคืน โดยมื้อค่ำไม่มีเมนูติมซำ
มื้อเที่ยงวันนี้ได้นั่งส่วน Bar ที่จะมีที่นั่งชิลด์ เม้าท์มอยพร้อมจิบเครื่องดื่มตลอดวันยันถึงยามค่ำคืน
ติ่มซำนั่งรับประทานในบริเวณนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ อาหารโดยรวมไม่ผิดหวังคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ที่สำคัญที่นี่ส่วนมากนั่งทานกันเงียบ ๆ ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนร้านติมซำอันแสนหนวกหูทั่วไป พนักงานเป๊ะเว่อร์ทุกคน ตั้งแต่การแต่งตัว หน้า ผม คำพูด ระดับความดังของเสียง รวมไปถึงมารยาทในการบริการระดับโรงแรม 5 ดาวบางโรงแรมในไทยยังไม่ได้ขนาดนี้
อาหารจานเด็ดสำหรับคนคนไทยอย่างเรา ๆ ที่มาแล้วบอกเลย “ห้ามพลาด” คือ หมูแดง เนื้อนุ่มประหนึ่งเนื้อวากิวของสายเนื้อวัวกันเลยทีเดียว เป็นหมูแดงที่เกือบจะละลายในปาก กับรสชาติกลมกล่อมกำลังดี หวาน เค็ม ลงตัว ไม่ว่าใครลองแล้วต้องร้อง “โอ้วววว เกิดมาไม่เคยกินหมูแดงนุ่มขนาดนี้มาก่อนในชีวิต”
เชื่อเหอะมันอร่อยสมค่าตัว 188 เหรียญฮ่องกง หรือ จานละ 885 บาท แน่นอน!!!
ลองติมซำมากมายหลายแบบจากหลายทริป แต่สรุปแล้วที่ผมชอบใจคือ ซาลาเปาอบไส้หมูแดง อารมณ์คล้ายของ Tim Ho Wan แต่จะไม่มันเนยเหมือนเจ้านั้น โดยรวมอร่อยมาก มาด้วยชิ้นกำลังดี แป้งเอย หมูแดงเอย ลงตัวอย่างที่สุด แถมจิบชาร้อน ๆ ไปด้วยจะเพิ่มฟินไปอีกระดับ
ติมซำประเภท “นึ่ง” อร่อยทุกจานไม่ว่าจะเป็นขนมจีบ ฮะเก๋า ก๋วยเตี๋ยวหลอด โดยจุดเด่นคือแป้งด้านนอกที่ขาว บางใส ทว่านุ่มเหนียว ไม่ติดตะเกียบ แบบนี้หล่ะถึงจะเรียกว่าเจ๋งจริงเพราะแป้งบางทำให้เนื้อแป้งไม่กลบกลิ่น และ รสชาติของไส้หมูแดง ไส้กุ้งด้านใน….หาแป้งแบบนี้ทานยากมาก
ส่วนก๋วยเตี๋ยวหลอดเสริฟมาแบบแยกน้ำราดตามสไตล์ฮ่อง ชอบแค่ไหนราดแค่นั้น มากน้อยแล้วแต่เรา
ส่วนเมนูติมซำที่ผมไม่ชอบที่นี่คือ พวกกระดูกหมูนึ่งเต้าซี่ และ ตีนไก่ ผมว่าสู้บ้านเราไม่ได้
ลองดูความบางใสของแป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดสิครับ….หาแบบนี้ไม่ได้ง่าย ๆ เลย
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปลาเต้าซี่ปิดท้ายมื้อเที่ยงเบา ๆ โดยเค้าใช้เนื้อปลาเก๋าสด ๆ เด้ง ๆ มาปรุงแทนประกระพงแบบบ้านเราทำให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่าง ส่วนรสชาติ….ราดหน้าฮ่องกงมันอร่อยอยู่แล้ววววววว
บิลค่าเสียหายมื้อเที่ยงหวาน ๆ เห็นราคารวมแล้วอย่าตกใจ ผมซื้อหมูแดง 2 กล่องกลับมาฝากคนที่ไทย หักค่าหมูฝากออกไป มื้อเที่ยงนี้กินไปแค่ 863 เหรียญ….เอง?
มื้อค่ำหรูหราโรแมนติค
มื้อค่ำสลับไปทานในส่านร้านอาหารที่จะเห็นวิวอ่าววิคตอเรียยามค่ำคืนอันสวยงาม วันนั้นโชคดีมากที่ได้โต๊ะติดกระจกโดยไม่ได้จอง
ไวน์ที่นี่เริ่มต้นขวดละหมื่นกว่าเหรียญ หรือ ห้าหมื่นกว่าบาท ไล่ลงมาถึง 670 เหรียญ ถ้าทานคนเดียวแบบผมสั่งเป็นแก้วราคา 120 เหรียญ / 560 บาท มีทั้งแดง ขาว และ แชมเปญ
มื้อเที่ยงอร่อยมากถ่ายไม่ทัน มื้อเย็นถ่ายให้เห็นหมูแดง “ชั้นฟ้า” ที่นุ่มเกือบละลายในปาก จะเห็นว่าราคา 188 เหรียญจะได้หมูแดงสองแถวในรูป โดยเป็นขนาดทานได้ประมาณ 2 – 3 คน
อาหารอื่น ๆ ที่ลองในวันนั้นอร่อยทุกอย่างเช่น
Wagyu Short Rib – ซึ่โครงวากิวเนื้อนุ่ม
Fried Prawns – กุ้งผัดพริกเกลือ
Crispy Chicken – ไก่หนังกรอบ
Stir Green bean – ผัดถั่วแขก
เนื้อวากิวนุ่มระดับละลายในปาก หอมเครื่องเทศ จิบไวน์แดงคู่กัน ลำพังจานนี้จานเดียวก็นั่งอมยิ้มได้ทั้งคืนละ
แต่….ไม่ครับ เดี๋ยวจะได้รูปอาหารน้อยเกินเขียนรีวิวไม่สนุก มันต้องสั่งเพิ่มครับ งานนี้ต้องขอบคุณภรรยาที่ยอมตะลุยทานด้วยมาตลอด
คุณนายทานจานละคำ สองคำเท่านั้น คือนั่งทานเป็นเพื่อน แต่ไม่ได้จะอ้วนเป็นเพื่อนเนอะ 555
ภาพเนื้อวากิวด้านบนถ่ายรูปสวย ๆ แล้วชิมคำนึง จากนั้นพี่อาร์ตรับผิดชอบ…..เรียบเลย
นี่หล่ะไก่หนังกรอบที่มาแล้วแนะนำให้สั่งมาลองดู เป็นเมนูเด่นของร้านนี้อีกเมนูหนึ่ง อร่อยแปลกไปอีกแบบ หาทานที่อื่นไม่ได้
ผัดถั่วแขก หรือ Fried Green Bean ของโปรดของภรรยาที่ต้องสั่งทุกร้านที่ไป
สำหรับ China Tang จะผัดออกรสชาติแนวผู้ดีมาก คือไม่จัดจ้านเหมือนร้านข้างถนน อารมณ์เทียบผัดผักบุ้งในโรงแรม เทียบกับร้านป้าริมทาง
จุดเด่นของจานนี้คือเค้าผัดแล้วถั่วแขกยังเต่งตึงสีเขียวสดใสอยู่แลย ต่างกับร้านอื่น ๆ ทุกร้านที่ผัดออกมาแล้วเหี่ยวเหมือนกันหมดทุกร้าน
กุ้งผัดพริกเกลือ กุ้งตัวเขื่องที่โดนพริก กระเทียม กลบมาจนมิดจาน รสชาติกลาง ๆ ไม่เผ็ด หรือ เค็มเกินไป ทานได้เรื่อย ๆ หมดจานไม่รู้ตัว…..กุ้งสดมากกกกก
จริง ๆ เมนูปลาที่นี่ก็ขึ้นชื่อ แต่ไม่ไหวละ ขอจบด้วยขนมหวานล้างปากกับขนมหวานครับ
ด้านบนเป็นสาคูครีม รสชาติคล้าย ๆ สาคูแคนตาลู๊ป แต่ไม่มีแคนตาลู๊ป
ด้านล่างเป็นครีมแอลมอนด์…..ไม่ถูกปากอย่างแรง O_o#%!
สิริรวมมื้อนี้ค่าอาหาร พร้อมค่าไวน์ 2 แก้ว ค่าชา 2 หัวที่คิดทุกร้านอยู่แล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 1,742 เหรียญ (อยากรู้ราคาไทยเอา 4.7 คูณเข้าไป)
ถามว่าแพงมั๊ย….ไม่แพงครับ ถ้าเทียบกับคุณภาพอาหาร สถานที่ และ การบริการ China Tang เป็นมื้อที่คุ้มค่าน่าจดจำของผมและภรรยาไปเรียบร้อยแล้ว
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ